ออกแนวธรรมะมากหน่อยนะครับ
จากที่เมื่อเดือนก่อน ได้มาตั้งกระทู้ว่า ผมเสียใจ จะเป็นจะตาย
ที่ได้เจอ คนที่ผมรักกำลังจะไปแต่งงานกับชายคนอื่น คนที่ดีกว่าผม
นี่เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตผม ในคืนที่ผมร้องไห้ เจ็บปวด นอนไม่หลับ
แล้วผมก็คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าลูกน้อยเจ็บปวดเหลือเกิน
แล้วอยู่ ในความคิด ก็ได้นึกถึง "ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม"
จากเปิด Youtube ฟังเพลงอกหัก เพื่อปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำ
ก็คิดได้ว่า นี่คงเป็นเวรกรรมที่ผูกกันมาแต่ก่อน เราเลยต้องเจ็บช้ำแบบนี้
ก็เลยค้นหาข้อธรรม "กรรมที่ทำให้ไม่ลืม คนรักเก่า"
(เก่าแค่ไหน ก็ไม่เจอกัน 7 ปี ตั้งแต่เรียนจบ แล้วมาเจอกันอีกครั้ง ในงานแต่งเพื่อนอีกคน)
แท็กห้องสีลม เพราะเป็นความรักในวัยทำงานนะครับ ผม 33 แล้วครับ แต่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ เลย
นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ และอยากแชร์ อาจจะงงๆ เพราะผมก็งงๆ เหมือนกัน
เวทนา 101
(สิ่งที่ได้เรียนรู้ เมื่อความรักได้จากไป)
เปรียบชีวิต เมื่อวันที่จิตใจบอบช้ำ เจ็บปวด
ความรู้สึก เจ็บปวด เสียใจ ก็คือเวทนา
เมื่อรู้จักเวทนาแล้ว สังเกตุเวทนา
จะพบว่าเวทนา ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เวทนา ก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นอนิจจัง
ไม่ต่างจากร่างกายของเรา หรือสิ่งของใดๆ ในโลก
การที่เราจดจ่ออยู่กับเวทนา โดยไม่พิจารณาถึงความจริงของมัน
ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็จะทำให้รู้สึกว่าเวทนานั้นเป็นของจริง
เนื่องจากได้รู้สึกว่าเวทนานั้น เกิดขึ้นตลอดเวลา คงอยู่ตลอดเวลา
นั้นเป็นเพราะเราสนใจเวทนาแต่เฉพาะตอนที่มันเกิดขึ้นเท่านั้น
ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อไม่สมหวังในรัก
ตื่นขึ้นมา ก็ยังไม่มีความเศร้าเรื่องความรัก
แต่พอเห็นหนังสือ สมุด ที่ชวนระลึกถึงความหลัง
ความรู้สึกเจ็บปวด ก็ประดังเข้ามา เราก็รู้สึกว่าเราทุกข์
ขณะกินข้าว ซักพัก เห็นอาหารนึกถึงเวลาที่กินข้าวด้วยกัน
น้ำตาก็ไหล เราก็รู้สึกว่ามันทุกข์เหลือเกิน
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่
ไม่ได้แปลกอะไร
แต่สำหรับคนที่มีปัญญามองเห็นธรรม จะเห็นสัจธรรมว่า
ตอนเราตื่นมา เรายังไม่ทุกข์ เมื่อเราเห็นสิ่งของและนึกถึงเขา เราเลยทุกข์
ตอนเราจะกินข้าวนั้น เรายังไม่ทุกข์ แต่เมื่อกินแล้วนึกถึงเขา เราเลยทุกข์
ก็จะเห็นว่าทุกข์นั้น มันเกิดจากเหตุคือสัญญา (สัญญา ในทางธรรม คือ ความทรงจำ)
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว ก็จะเกิดปัญญา ความรู้สึกแต่ก่อนที่ว่า
เราสูญเสียความรักไป ชีวิตเราต้องมีแต่ความทุกข์ มันไม่จริง
ขณะที่เราอยู่ในช่วงที่ทุกข์ เศร้าเสียใจนั้น
มันก็มีช่วงเวลาที่เรารู้สึก เฉยๆ รู้สึกเศร้า รู้สึกเศร้ามากๆ
หรือถ้ามีเรื่องอะไรที่ตลกนิดหน่อย เราก็อาจจะหัวเราะได้บ้าง
เมื่อเราคิดได้ และเผ้าดูความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ หรือในทางธรรมเรียกว่าเวทนา
เราก็จะเห็นมันเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของเรา มันมาเยี่ยมเรา แล้วมันก็จากไป
บางทีมันมา มันก็ถือว่ามันสนิทกับเรา ไม่เคาะประตงประตู
เดินไปในครัว กินขนมในตู้เย็นเสร็จ มันก็จากไป ไม่บอกไม่กล่าว
เมื่อเราเฝ้าดูเวทนาได้สักพัก เราก็จะรู้สึกว่า มันมาแล้วมันก็ไป
อาจจะรบกวนเราบ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาอะไร ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน
เนื่องจากเข้าใจแล้วว่า ความทุกข์มันมา แล้วมันก็ไป มันไม่ได้อยู่กับเราตลอด
ที่เมื่อก่อนเราคิดว่ามันอยู่กับเราตลอด เพราะเราเอาใจไปจดจ่อกับมัน
ทำให้เห็นแต่ความทุกข์ ปล่อยให้ความทุกข์เข้าครอบงำความคิด
และมองไม่เห็นอารมณ์อย่างอื่นที่เกิดขึ้นในใจของเรา
ใครที่ผิดหวังจากความรัก ก็ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะครับ
ส่วนผม ได้กำไรมากเลยจากความเสียใจครั้งนี้
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ เมื่อคนที่ผมรัก กำลังจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น โดยที่ผมมันไม่ใช่คนที่ดีพอ
จากที่เมื่อเดือนก่อน ได้มาตั้งกระทู้ว่า ผมเสียใจ จะเป็นจะตาย
ที่ได้เจอ คนที่ผมรักกำลังจะไปแต่งงานกับชายคนอื่น คนที่ดีกว่าผม
นี่เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตผม ในคืนที่ผมร้องไห้ เจ็บปวด นอนไม่หลับ
แล้วผมก็คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าลูกน้อยเจ็บปวดเหลือเกิน
แล้วอยู่ ในความคิด ก็ได้นึกถึง "ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม"
จากเปิด Youtube ฟังเพลงอกหัก เพื่อปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำ
ก็คิดได้ว่า นี่คงเป็นเวรกรรมที่ผูกกันมาแต่ก่อน เราเลยต้องเจ็บช้ำแบบนี้
ก็เลยค้นหาข้อธรรม "กรรมที่ทำให้ไม่ลืม คนรักเก่า"
(เก่าแค่ไหน ก็ไม่เจอกัน 7 ปี ตั้งแต่เรียนจบ แล้วมาเจอกันอีกครั้ง ในงานแต่งเพื่อนอีกคน)
แท็กห้องสีลม เพราะเป็นความรักในวัยทำงานนะครับ ผม 33 แล้วครับ แต่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ เลย
นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ และอยากแชร์ อาจจะงงๆ เพราะผมก็งงๆ เหมือนกัน
เวทนา 101
(สิ่งที่ได้เรียนรู้ เมื่อความรักได้จากไป)
เปรียบชีวิต เมื่อวันที่จิตใจบอบช้ำ เจ็บปวด
ความรู้สึก เจ็บปวด เสียใจ ก็คือเวทนา
เมื่อรู้จักเวทนาแล้ว สังเกตุเวทนา
จะพบว่าเวทนา ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เวทนา ก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นอนิจจัง
ไม่ต่างจากร่างกายของเรา หรือสิ่งของใดๆ ในโลก
การที่เราจดจ่ออยู่กับเวทนา โดยไม่พิจารณาถึงความจริงของมัน
ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็จะทำให้รู้สึกว่าเวทนานั้นเป็นของจริง
เนื่องจากได้รู้สึกว่าเวทนานั้น เกิดขึ้นตลอดเวลา คงอยู่ตลอดเวลา
นั้นเป็นเพราะเราสนใจเวทนาแต่เฉพาะตอนที่มันเกิดขึ้นเท่านั้น
ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อไม่สมหวังในรัก
ตื่นขึ้นมา ก็ยังไม่มีความเศร้าเรื่องความรัก
แต่พอเห็นหนังสือ สมุด ที่ชวนระลึกถึงความหลัง
ความรู้สึกเจ็บปวด ก็ประดังเข้ามา เราก็รู้สึกว่าเราทุกข์
ขณะกินข้าว ซักพัก เห็นอาหารนึกถึงเวลาที่กินข้าวด้วยกัน
น้ำตาก็ไหล เราก็รู้สึกว่ามันทุกข์เหลือเกิน
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่
ไม่ได้แปลกอะไร
แต่สำหรับคนที่มีปัญญามองเห็นธรรม จะเห็นสัจธรรมว่า
ตอนเราตื่นมา เรายังไม่ทุกข์ เมื่อเราเห็นสิ่งของและนึกถึงเขา เราเลยทุกข์
ตอนเราจะกินข้าวนั้น เรายังไม่ทุกข์ แต่เมื่อกินแล้วนึกถึงเขา เราเลยทุกข์
ก็จะเห็นว่าทุกข์นั้น มันเกิดจากเหตุคือสัญญา (สัญญา ในทางธรรม คือ ความทรงจำ)
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว ก็จะเกิดปัญญา ความรู้สึกแต่ก่อนที่ว่า
เราสูญเสียความรักไป ชีวิตเราต้องมีแต่ความทุกข์ มันไม่จริง
ขณะที่เราอยู่ในช่วงที่ทุกข์ เศร้าเสียใจนั้น
มันก็มีช่วงเวลาที่เรารู้สึก เฉยๆ รู้สึกเศร้า รู้สึกเศร้ามากๆ
หรือถ้ามีเรื่องอะไรที่ตลกนิดหน่อย เราก็อาจจะหัวเราะได้บ้าง
เมื่อเราคิดได้ และเผ้าดูความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ หรือในทางธรรมเรียกว่าเวทนา
เราก็จะเห็นมันเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของเรา มันมาเยี่ยมเรา แล้วมันก็จากไป
บางทีมันมา มันก็ถือว่ามันสนิทกับเรา ไม่เคาะประตงประตู
เดินไปในครัว กินขนมในตู้เย็นเสร็จ มันก็จากไป ไม่บอกไม่กล่าว
เมื่อเราเฝ้าดูเวทนาได้สักพัก เราก็จะรู้สึกว่า มันมาแล้วมันก็ไป
อาจจะรบกวนเราบ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาอะไร ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน
เนื่องจากเข้าใจแล้วว่า ความทุกข์มันมา แล้วมันก็ไป มันไม่ได้อยู่กับเราตลอด
ที่เมื่อก่อนเราคิดว่ามันอยู่กับเราตลอด เพราะเราเอาใจไปจดจ่อกับมัน
ทำให้เห็นแต่ความทุกข์ ปล่อยให้ความทุกข์เข้าครอบงำความคิด
และมองไม่เห็นอารมณ์อย่างอื่นที่เกิดขึ้นในใจของเรา
ใครที่ผิดหวังจากความรัก ก็ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะครับ
ส่วนผม ได้กำไรมากเลยจากความเสียใจครั้งนี้