บันทึกเรื่องราวการเดินทางในการแบคแพคของเรา^^

วันนี้ระหว่างขับรถมาทำงาน ก็คิดถึงเรื่องราวที่เคยได้ไปเที่ยวมา นั่งคิดไปก็ขำไป เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวต่างแดนด้วยตัวเอง ว่าตัวเราเองได้ไปพบเจออะไรมาบ้าง  ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องบ๊องๆ เพี้ยน ๆ ที่เราได้พบเจอ เราจะแยกออกเป็น ประเทศต่างๆ ที่เคยไปนะคะ เป็นเรื่องราวที่นึกย้อนไปก็ตลกดี แล้วอยากจะมาแชร์ให้คนอื่นได้ฟัง

ประเทศญี่ปุ่น
         เป็นประเทศที่ไปมา 3 ครั้ง ไปกี่ครั้งก็มีเรื่องให้ฮาตลอด ที่เอ๋อบ่อยๆ ก็เป็นเรื่องรถไฟกับห้องน้ำเนี่ยแหละค่ะ
1.    มีอยู่วันนึง เรากับแฟนก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน กำลังเดินทางไปเที่ยว แล้วแฟนเราเล่นเกมส์ โดยใช้เครื่อง NDS เราก็นั่งดูแฟนเล่นเกมส์บนรถไฟกันอย่างเมามันส์ อยู่ดีๆ คนญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆ ก็รัวภาษาญี่ปุ่นใส่เรากับแฟนเป็นชุด เราก็ Sorry Sorry , I can’t speak japan. Can you speak English ? ทีนี้ค่ะ คนญี่ปุ่น พี่แกรัวภาษาอังกฤษมาอีกเป็นชุด ทำเอาเรากับแฟนเงียบกริบ เพราะพูดไม่ได้ พูดได้ภาษาเดียว ภาษาไทย ฮ่าๆ เราก็เลยยิ้มให้เค้าอย่างเดียว แหม เราก็คิดว่าเค้าจะพูดภาษาอังกฤษมาเป็นคำๆ เหมือนกับเราซะอีก แต่เราก็พอจับใจความได้ว่า เค้าชวนคุยเรื่องเกมส์นั่นแหละค่ะ แต่เราตอบไม่ถูกอ่ะ เราก็เลยยิ้มให้อย่างเดียว เค้าคงเขินมั้ง เค้าเลยลงป้ายหน้าเลย ฮ่าๆๆๆ

2.    พอวันต่อมา เราก็นั่งรถไฟออกนอกเมืองกัน แล้วเราก็นั่งมองเท้าคนญี่ปุ่น ก็เม้าท์กับแฟนว่า เออดูดิ คนญี่ปุ่นอ่ะ เค้าไม่ใส่รองเท้าแตะกันเลยเนอะ แปลกจัง แล้วก็ไปสะดุดตากับเท้าของหญิงสาวคนหนึ่ง ใส่ส้นสูง โชว์นิ้วเท้าทาเล็บสีแดงด้วย เราก็เลยพูดว่า ดูคนนั้นดิ คนไทยชัวร์ โชว์นิ้วเท้าด้วย แล้วแบบเผลอพูดเสียงดังอ่ะ สักพักพี่ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็เหมือนฟังเราออกด้วยอะ เค้าหันมามองหน้าเราเลย เหอๆ แอบเสียววูบ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าเม้าท์คนอื่นเสียงดัง

3.    เช้าวันนึง แฟนเราตื่นมายังไม่ได้เข้าห้องน้ำ ทำธุระก่อนออกเดินทาง กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดินไปเที่ยว อยู่ดีๆ ฮีก็บอกว่าข้าศึกบุก ต้องการเข้าห้องน้ำด่วน ด่วนที่สุด ด่วนมากเท่าที่จะเป็นไปได้ เราก็ตาลีตาเหลือกหาห้องน้ำกัน สุดท้ายก็เจอ ฮีรีบพุ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยความไวแสง เสร็จธุระ ฮีก็บอกว่า เนี่ยท้องเสียแหละ ดีนะที่คนญี่ปุ่น เค้าไม่ไปฉี่ในห้องส้วม คือเค้าต่อแถวฉี่กันที่โถ เป็นระเบียบกันมากๆ ต้องขอบคุณวินัยคนญี่ปุ่นในวันนั้นด้วยค่ะ

4.    เรื่องราวยังอยู่ที่ห้องน้ำ และรถไฟ อันนี้ที่เราไปญีปุ่นล่าสุด ช่วงสงกรานต์  ได้นั่งชินคันเซนด้วย ปลาบปลื้มมาก ก็ขอเทสห้องน้ำบนชินคันเซนหน่อยละกัน เราก็ไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระเรียบร้อย เสร็จก็ทิ้งกระดาษทิชชู่ลงชักโครกด้วยความมั่นใจ จากนั้นก็มองหาปุ่มกดน้ำ แต่เราหายังไงก็หาไม่เจอ ชิหายละ อยู่ไหนวะ หาทุกที่ในห้องน้ำแคบๆ หาไงก็ไม่เจอ ไม่รู้จะเรียกใครมาช่วยด้วย เครียดมากอะ ตอนนั้น สุดท้ายเราก็เลยตัดสินใจหยิบกระดาษทิชชู่ที่อยู่ในส้วมขึ้นมา ซึ่งกระดาษนั้นมันก็นะ…. แล้วทีนี้เราก็เห็นอ่ะ ที่กดน้ำ เห้ย เราเจอมันแล้ว ตื่นเต้นโค ต ร เราก็ปาทิชชู่ลงไป เอามือแสกนกับแผงไฟ น้ำในชักโครกมันก็พุ่งออกมา แล้วไอตัวไอน้ำที่มันออกมาจากชักโครกก็พุ่งใส่หน้าเรา !!!! ซ ว ย มาก คือแต่งหน้าจัดเต็มไง นี่หน้ากุ โดนน้ำชักโครกเข้าให้แล้ว กรี๊ดดดด ที่มันโดนเพราะเราก้มตัวต่ำ ไอแผงกดน้ำมันอยู่ขนานกับสะโพกตอนนั่งเลย เราก็มองหาไปไหนก็ไม่รู้ ทำไมไม่เห็นแต่แรกก็ไม่รู้อะ = = ออกมาจากห้องน้ำเล่าให้แฟนฟัง ขำกันใหญ่

5.    เป็นเรื่องธรรมดาที่จะตกรถไฟ ซึ่งเราก็ตก วันนั้นเรากำลังจะไปเล่นสกี ที่กาลา ยูซาว่า ทีนี้ก็จองที่นั่งเสร็จสรรพ ได้ตั๋วจองมา 2 ใบ แต่ด้วยความโง่ หรืออะไร เราลงที่สถานีรถไฟ Jomo kogen station เฉยเลย ทั้งๆ ที่ไม่ต้องลง ให้นั่งยาวไปเลย เพราะคันที่เรานั่ง ไม่ต้องลง แต่เราก็ลง เพราะเห็นตั๋วมี 2 ใบ คิดว่าต้องเปลี่ยนคัน ตอนลงมาเรากะถามลุงสถานีที่โบกรถไฟ แต่แฟนบอกไม่ต้องหรอก เค้ากำลังยุ่งอยู่อย่าไปรบกวนเค้า คือเราก็แค่จะถามว่า ไปคันนี้ต่อเลย หรือว่าต้องลงคะ ก็เลยวิ่งไปถามเค้าเตอร์ข้างล่าง คุณลุงบอกหนู ลงมาทำไม มันคือคันเดิมนั่นแหละ อ้าวกำ แล้วทำไง เค้าบอกว่า รออีก 1 ชั่วโมง โอ้ว แม่เจ้า นานจัง หนาวก็หนาว เราก็เลยไปเดินเล่นรอนอกสถานี เดินไปก็ไม่มีไรทำ เดินกลับมาสถานี ปรากฏว่าสถานี นี่เค้ามีที่รับรอง สำหรับรอต่อรถไฟ แถมมีไวไฟ ความเร็วสูงฟรีอีกต่างหาก เป็นห้องกระจกเปิดฮีทเตอร์อุ่นสบาย ที่นั่งรอเป็นโซฟา แถมไม่มีคน รู้งี้มานั่งรอแต่แรกดีกว่า ไปเดินตากลมทำไมตั้งนานเนี่ย เห้อออ จะบ้า  ทีนี้พอได้ขึ้นรถไฟรอบต่อไป แต่ก็ยังไม่สบายใจ ถามคนญี่ปุ่น เป็นพ่อแม่ และลูกน้อย ว่าเนี่ยคันนี้ไปกาล่าไหม เค้าก็บอกว่าคันนี้มันไปไม่ถึงนะยู !!! ห๊ะ อีกแล้วหรอ นี่มันบ่ายแล้วนะ เราจะได้เล่นสกีไหม ฮือๆ คิดแล้วน้ำตาจะไหล ชะล่าใจแท้ๆ ตื่นสายๆ เที่ยวช้าๆ แงๆ แต่เค้าก็ช่วยเหลือเราดีมาก คือภาษามือ และภาษาอังกฤษแบบ งูๆ ปลาๆ ทั้งคู่ สุดท้ายก็ลง อิชิโกะ ซึ่งใกล้กับ กาล่ามากที่สุด แล้วต่อรถแท็กซี่เอา 3 นาทีถึง เห้อ กว่าจะได้เล่นสกี เกือบบ่าย 2 ต้องขอบคุณครอบครัวชาวญีปุ่นวันนั้นด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้เค้า เราคงตัดใจกลับที่พักละ

6.    พอถึงลานสกี ทุกอย่างมันใหม่สำหรับเรา เราไม่เคยเห็น ตื่นเต้นมาก หิมะครั้งแรกในชีวิต มันช่างสวยงาม นี่สินะหิมะ เหมือนเกล็ดน้ำแข็งในช่องฟรีซเลย มีความสุขจัง พวกเราก็ไปเช่าอุปกรณ์สกีกันมาเล่น ไปเล่นขั้น Beginner โห อย่างโหด บีกินเนอร์บ้าอะไร มาถึงก็โค้งหักศอกเลย แถมทางชันอีก ห้ามล้มเด็ดขาด พอล้มแล้วจะยืนโค ต ร จะยาก ต้องถอดรองเท้า พอเอามาใส่ มันก็ไถลต่อไปอีก แล้วแบบมือใหม่ ความรู้สึกเรามันเร็วมาก เลี้ยวมั่วก็เสยต้นไม้ไป ล้มกันระเนระนาด ดีนะคอไม่หักตาย กลับมานั่งคิด นี่กุกล้าเล่นไปได้ไงวะเนี่ย อุปกรณ์เซฟตี้ก็ไม่มี ล้มแต่ละท่า เฉียดตายทั้งนั้น เห้อ แต่ถ้ามีโอกาสก็จะเล่นอีกนะ มันส์มาก!!! ปล. แฟนเรามัวแต่ถ่ายคลิปตอนล้มให้เรา ดันทำถุงมือที่เช่ามาหาย แต่กลับมาหามันก็ยังอยู่ที่เดิม เจ๋งมาก

7.    มีอยู่ 2 คืน ที่เราไปพัก คืนแรกใช้บริการจองห้องของ airbnb เจ้าของบ้านเค้าเอากุญแจไปซ่อนไว้ แล้วให้เราไปหาและหยิบมาไขเปิดห้องเอาเอง แล้วเราไม่เจอเจ้าของห้องด้วย ในห้องเค้าก็ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ เราอยากอาบน้ำมาก มันเป็นคืนแรกที่มาถึงญี่ปุ่น เราไม่ได้อาบน้ำมาเกือบจะครบ 24 ชั่วโมงแล้ว เพราะต่อเครื่องด้วย อยากอาบน้ำมาก ไม่มีผ้าเช็ดตัว ทำไงดี มองหาสิ่งของในห้อง ก็เจอกระดาษทิชชู่ เอาวะลองถูสบู่แค่ที่ขาดูก่อน แล้วเอาน้ำราด จากนั้นใช้ทิชชู่เช็ด ปรากฏว่า เวิค อะ ทิชชู่เค้าไม่เป็นขุยเวลาโดนน้ำ เย้ ทีนี้เราก็อาบน้ำเรียบร้อย จากนั้นก็เอาทิชชู่มาเช็ด แทนผ้าเช็ดตัว อืม ได้อาบน้ำแล้ว สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เย้ๆๆๆ  และคืนที่ 2 ย้ายที่นอนก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ เราใช้ทิชชู่แทนก็ได้ ชิส์ (ตอนหลังเราบอกให้แฟนทำตาม แฟนบอกว่ามันจะใช้ได้จริงหรอ เดี๋ยวก็เปื่อยขาดหมด พอแฟนได้ทดลองให้ อืมมมม มันดีจริงๆ นะ แก้ขัดได้ ฮ่า)

8.    ในโปรแกรมเราจัดตารางเที่ยวออนเซนที่โอไดบะ ไว้ด้วยนะ เรากับแฟนก็แยกห้องกันไปเข้า ห้องชาย – หญิง นัดเวลากันว่า
เรา :  เธอๆ เดี๋ยวเจอกันตรงนี้ ตรงนาฬิกาเรือนนี้นะ 19.30 โอเคนะ อย่ามาช้านะ เค้ากลัวหลง
แฟน : โอเคๆ เดี๋ยวดูเวลาตลอด เดี๋ยวเจอกันนะ
จากนั้นแฟนเราก็เข้าห้องออนเซนไป เราก็เข้าห้องของเราไป ตอนแรกที่เข้าไปเราเขินมาก ด้วยความเขินก็ รีบกระโดดลงน้ำร้อนเลยค่า ปรากฏว่าเราเกือบเป็นลมอะ หน้ามืดเลย ต้องตั้งสติอยู่นาน จากนั้นเราก็ปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เปลี่ยนไปทางฟากของแฟนเรา
แฟนเราเล่าให้ฟังว่า เนี่ยเค้าก็อาบน้ำร้อนปกติ ไม่มีอะไร แต่พอเค้าเข้าห้องซาวน่าเท่านั้นแหละ ร้อนมาก แทบจะทนไม่ไหว อยากจะเดินออกเลย แต่ด้วยศักดิ์ศรีคนไทย เราจะไม่ยอมแพ้ชาติใดในโลก ก็เลยต้องทนอยู่ในนั้นนาน จนคนญี่ปุ่นที่มานั่งอยู่ก่อน แล้วออกไปก่อน เค้าก็นั่งสักพักแล้วออกมา แต่พอจะเปิดล็อคเกอร์ กุญแจที่มันห้อยข้อมืออยู่มันอันตธานหายไปแล้ว !!!! พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเป็นด้วย ต้องยืนแก้ผ้าล่อนจ้อน พูด sneck sneck fish fish กับเจ้าหน้าที่อยู่นานสองนาน ถึงจะเข้าใจกัน เป็นเหตุการณ์ที่แฟนเราจดจำมาตลอด พูดถึงกี่ครั้งก็ขำ ฮ่าๆ
(สุดท้ายแฟนมา เลทไป 10 นาที เราใจหายวาบเลย)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่