ความสบายใจ "อัยการสูงสุด"
เมื่อคืน..ความสุขคงจุกอกแฟนบอลโลกนัดเปิดสนามจนตาโหลโบ๋เบ๋ตอนเช้านี้ (๑๓ มิ.ย.๕๗) กันเป็นแถวๆ ละซี...ท่า?
ผมโชคดี ไม่ชอบบอล เพราะมันช้า ลีลามาก ไม่ทันใจ ชอบแบบเจอหน้าก็ใส่กันให้รู้แล้วรู้แร่ดไปเลย อย่างมวย เทนนิส วอลเลย์บอล แบดมินตัน ประเภทนั้น!
แต่คราวนี้ต้องดูซะหน่อย....
ก็ดูฉลองศรัทธา "ลุงตู่" ที่มีจิตศรัทธาทอดผ้าป่าบอลโลกถวายแฟนลูกหนังทั้งวัด ครบ "ทุกแมตช์-ทุกนัด" ด้วยมูลค่าตั้ง ๔๒๗ ล้าน!
ด้วยอานิสงส์นี้ ขอให้คุณโยมตู่ เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย มีอายุยืน มีผิวพรรณผ่องใส มีความสุขกาย-สุขใจ มีกําลังแข็งแรง
และขออย่าได้มีคนแย่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในอนาคตกาลอันใกล้นี้...เทอญฯ
พูดถึง "สุขจุกอก" เมื่อวาน (๑๒ มิ.ย.) เห็น "นายอรรถพล ใหญ่สว่าง" อัยการสูงสุด ที่ถูก คสช.เรียกมานั่งเรียงแถวอยู่สำนักนายกฯ ร่วมรุ่นนายสุวิจักขณ์ เลขาฯ สภา และนายสุรชัย ปลัด ICT
ดูท่าทางท่าน "สุขจุกอก" ยิ้มร่า สุขสำราญเหมือนดอกไม้บานยามเช้า เข้าไปรายงานตัวที่สำนักนายกฯ ปะหน้านักข่าวก็คุยด้วยอารมณ์แฉล้ม
"เคยมีผู้ใหญ่บอกว่า วันที่สบายใจในการเป็นอัยการสูงสุดมีอยู่ ๒ วัน คือวันเข้ารับตำแหน่ง กับวันที่พ้นจากตำแหน่ง"
ก็คงจริง ไม่งั้นหน้าจะบานเป็นดอกทานตะวันรับแสงยามถูกย้ายอย่างนี้หรือ เห็นแล้วอดอิจฉาคนบรรลุธรรมขั้น "ยกได้-วางได้" เสียจริงๆ
คุณอรรถพลท่านพูดกับนักข่าวสมเป็น "ทนายแผ่นดิน" จริงๆ คือยึดหลัก-ยึดเกณฑ์ ไม่เอนตามลม ลองฟังดูก็ได้
"ผมไม่มีอะไรอึดอัดใจ ไปดูการสั่งคดีของผมในอดีตได้ ซึ่งเป็นคดีใหญ่ จากนี้ผมพร้อมทำงานทุกอย่าง เป็นข้าราชการต้องทำได้ทุกอย่าง เราไม่ได้สนับสนุนการปฏิวัตินะครับ แต่เราสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย"
ใช่...เป็นอัยการสูงสุด เป็นทนายแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ ขืนบอกว่า "สนับสนุนการปฏิวัติ" เสียยี่ห้อหมดซี
และถือว่าท่านเป็นมวยชั้นครู ทิ่มหมัดแย็บ แล้วฉากหลบไปตั้งหลักได้สวยงามด้วยคำว่า "แต่เราสนับสนุนการใช้กฎหมาย"! เหมือนท่านผู้นำ คสช.เปี๊ยบเลย ที่วานซืนท่านบอกว่า ถึงประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่จะใช้เท่าที่จำเป็น จะใช้กฎหมาย ให้กฎหมายมีผลบังคับใช้มากที่สุด
พูดง่ายๆ คือ ทุกคดีความที่เกิดขึ้น จะใช้กฎหมายปกติเข้าจัดการ หลีกเลี่ยงใช้กฎหมายเผด็จการ คือกฎอัยการศึก!
แต่ต้องยอมรับกันว่า "ภาพลักษณ์อัยการ" ในช่วงระบอบทักษิณเรืองอำนาจไม่ค่อยเป็นบวกนักในสายตาชาวบ้าน บ้างว่าอยู่ใต้อำนาจระบอบทักษิณบ้าง สั่งคดีตามใบสั่งการเมืองบ้าง
คุณอรรถพลท่านปกป้องเกียรติยศอัยการ โดยบอกนักข่าวว่า.....
"ส่วนตัวใครจะมองอย่างไรไปตรวจสอบประวัติดูได้ ส่วนภาพรวมต้องเข้าใจการทำคดีของอัยการในเรื่องของการอำนวยความยุติธรรมต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง เรารักษาผลประโยชน์ของรัฐและคุ้มครองสิทธิ์ตามกฎหมายของประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของอัยการ"
อืมมม...ท่านพูดก็มีประเด็น พูดถึงส่วนรวมหรือการทำงานใน "ภาพรวม" ของอัยการ ท่านบอกต้องเข้าใจการทำคดีของอัยการ
ทีนี้ มันมีที่ไม่ค่อยเข้าใจที่อยากถามอยู่บ้าง เช่น....
- ปี ๒๕๔๙ คดีวัดพระธรรมกาย
"ธัมมชโย" ยักยอกทรัพย์และที่ดินบริจาคเป็นพันๆ ไร่ รวมมูลค่านับเป็นร้อยล้าน-พันล้าน อัยการสั่งฟ้องศาล ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๒
ศาลสืบพยานอีก ๒ นัดก็จะจบ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนตัดสินอยู่รอมร่อ เดือนกรกฎา ๔๙ วัดพระธรรมกายเชิญทักษิณ ซึ่งตอนนั้นเป็นนายกฯ ไปแสดงปาฐกถาที่วัด
รุ่งขึ้นอีกไม่นาน ๒๑ สิงหา ๔๙ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา ไปยื่นคำร้อง "ขอถอนฟ้อง" ธัมมชโยต่อศาลอาญา
อ้างว่า "พระธัมมชโยได้คืนเงินแก่ทางวัดครบถ้วนแล้ว!?"
แบบนี้ เป็นการถอนฟ้องตามกฎหมายฉบับไหนครับ ถอนฟ้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐและคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายของประชาชน หรือรักษาผลประโยชน์ธัมมชโยกันแน่ครับ
นักโทษคดีประเภทเดียวกันที่อยู่ในคุก เขย่าตรวนถามกันเกรียว!?
ไม่ต้องรู้กฎหมายลึกซึ้งหรอก เอาแค่ตีนโรง-ตีนศาลก็รู้ ที่ธัมมชโยคืนเงินแก่วัดแล้วนั้น ไม่ใช่เหตุล้างโทษ-พ้นคดี ที่ต้องถอน มันควรเป็นเหตุต้องฟ้องด้วยซ้ำ เพราะนั่นเท่ากับสารภาพว่า ยักยอกเงินวัดไปจริง ความผิดสำเร็จแล้ว การคืนเงินนั้น เป็นคนละกรณี ใช้เป็นยางลบกฎหมายไม่ได้ เงินที่ยักยอกไปนั้น ไม่ใช่เงินธัมมชโยแต่ต้นอยู่แล้ว เป็นเงินยักยอกวัดไป ก็ต้องคืนวัดเป็นธรรมดา จะยกมาใช้ล้างโทษได้อย่างไร
ไม่งั้น โจรที่ตำรวจจับแต่ละวัน เค้นเอาเงิน-เอาทองที่ปล้นไปคืน ก็ไม่เห็นปล่อยนี่...เข้าคุกทุกราย ผมจึงไม่ค่อยเข้าใจ "ภาพรวม" การทำงานของอัยการ อยากให้ท่านอธิบาย หรือ อสส.คนก่อนๆ อย่างนายจุลสิงห์ นายชัยเกษม ก็ได้
ช่วยอธิบายเป็นวิทยาทานทีว่า.....
การถอนฟ้องธัมมชโย เป็นการรักษาผลประโยชน์รัฐ คุ้มครองสิทธิประชาชนตามกฎหมายอย่างไร?
และที่ว่า นี้คือ "ภารกิจหลัก" ของอัยการ ทำแบบนี้ใช่มั้ย...ภารกิจหลัก?
- ปี ๒๕๕๖ คดีผู้ก่อการร้าย
ทักษิณตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับ นปช. ๒๔ คน ในคราวชุมนุมจลาจล "เผาบ้าน-เผาเมือง" ปี ๕๓
ทนโท่-แจ่มแจ้ง-เห็นจริง และรู้กันทั้งโลก.....
แต่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด พิจารณาพฤติการณ์แล้ว "มีคำสั่งไม่ฟ้อง" พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว ตามความเห็นที่ DSI ของนายธาริตเสนอมา เมื่อ ๑๐ ต.ค.๕๖ โดยให้เหตุผลเก๋ไก๋ว่า
"เนื่องจากเห็นว่า ขณะเกิดเหตุ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ในต่างประเทศ"!
ยังดีที่ไม่บอกว่า...เพื่อให้เข้าเงื่อนไข ออกกฎหมาย "นิรโทษ" สุดซอยได้...เนอะ!
การสั่งไม่ฟ้องทักษิณ นี่ก็คือการอำนวยความยุติธรรม บนพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงของอัยการอีกละซี?
- ปี ๒๕๕๔ คดีซื้อขายหุ้นชินคอร์ป
สั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ ๑ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้ต้องหาที่ ๒
ในข้อหาไม่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการใด ในลักษณะที่ทำให้ตนหรือบุคคลอื่น เป็นผู้ถือหลักทรัพย์ในกิจการนั้น เพิ่มขึ้นหรือลดลง เมื่อ ๓ เม.ย.๔๔ และ ๒๕ ม.ค.๔๙
เรื่องนี้ ก.ล.ต.กล่าวโทษทักษิณ-พจมานต่อ DSI เมื่อปี ๕๓ หลังจาก "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" ตัดสินว่าทักษิณ-พจมาน "ร่ำรวยผิดปกติ" ขณะเป็นนายกฯ
โดยให้ ลูก-น้องสาว ถือหุ้นแทน และสั่งยึดทรัพย์ ๔.๖ หมื่นล้าน!
ขนาดเป็นคดีสืบเนื่องจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองโดยตรง เมื่อ ก.ล.ต.ฟ้องกล่าวโทษผ่าน DSI ตามขั้นตอน
DSI ก็ทำสำนวนว่า "หลักฐานไม่พอฟ้อง" ส่งให้อัยการ อัยการก็สั่งไม่ฟ้องตามนั้น แล้วส่งสำนวนกลับ DSI
DSI รับสำนวนกลับจากอัยการปุ๊บ ธาริตก็พยักหน้า "เห็นพ้องต้องกัน" หลักฐานไม่พอ
เป็นปี่-เป็นขลุ่ยกันดีจัง แล้วคดีก็ "ยุติ" ไป!
นี่คือภาพรวมการทำคดีของอัยการ ที่บอกว่า "ยุติธรรมอยู่ที่พยานหลักฐานและข้อเท็จจริง" คือแบบนี้ละซี?
- ปี ๒๕๕๑ คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น เอสซี แอสเสท
สั่งไม่ฟ้อง นางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ กรรมการบริษัท เอสซี แอสเสท นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริษัท พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ผู้ต้องหาที่ ๑-๔ ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.๒๕๓๕ ที่ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท
แล้วก็ "เสร็จ" อัยการกับดีเอสไอไปอีกคดีตามระเบียบ!
เนี่ย...เท่าที่นึกๆ เห็นๆ พอยกเป็นตัวอย่างมากราบเรียนถามท่านอดีต อสส.อรรถพลได้เท่านี้ ว่า
จากคดีที่ยกมา...
ถือเป็น "ภาพรวม" การทำคดีของอัยการที่รักษาผลประโยชน์รัฐ และคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายของประชาชน ตามที่ท่านบอกว่า "เป็นภารกิจหลัก" ของอัยการ
การสั่งคดีอย่างนี้ใช่มั้ย คือภารกิจหลัก?
ก็อยากให้ อสส.ท่านไหนก็ได้ ช่วยดับไฟในอกประชาชนทีเถอะ เพราะทุกวันนี้ ต่างพกคำถามลามไหม้หัวใจกันทุกวี่วันว่า
อัยการ "ทนายแผ่นดิน"
หรือ อัยการ "ทนายแผ่นชิน"?
ไทยโพสต์ โดย เปลว สีเงิน มีคำถามให้ช่วยตอบ แทนอัยการสูงสุด
เมื่อคืน..ความสุขคงจุกอกแฟนบอลโลกนัดเปิดสนามจนตาโหลโบ๋เบ๋ตอนเช้านี้ (๑๓ มิ.ย.๕๗) กันเป็นแถวๆ ละซี...ท่า?
ผมโชคดี ไม่ชอบบอล เพราะมันช้า ลีลามาก ไม่ทันใจ ชอบแบบเจอหน้าก็ใส่กันให้รู้แล้วรู้แร่ดไปเลย อย่างมวย เทนนิส วอลเลย์บอล แบดมินตัน ประเภทนั้น!
แต่คราวนี้ต้องดูซะหน่อย....
ก็ดูฉลองศรัทธา "ลุงตู่" ที่มีจิตศรัทธาทอดผ้าป่าบอลโลกถวายแฟนลูกหนังทั้งวัด ครบ "ทุกแมตช์-ทุกนัด" ด้วยมูลค่าตั้ง ๔๒๗ ล้าน!
ด้วยอานิสงส์นี้ ขอให้คุณโยมตู่ เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย มีอายุยืน มีผิวพรรณผ่องใส มีความสุขกาย-สุขใจ มีกําลังแข็งแรง
และขออย่าได้มีคนแย่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในอนาคตกาลอันใกล้นี้...เทอญฯ
พูดถึง "สุขจุกอก" เมื่อวาน (๑๒ มิ.ย.) เห็น "นายอรรถพล ใหญ่สว่าง" อัยการสูงสุด ที่ถูก คสช.เรียกมานั่งเรียงแถวอยู่สำนักนายกฯ ร่วมรุ่นนายสุวิจักขณ์ เลขาฯ สภา และนายสุรชัย ปลัด ICT
ดูท่าทางท่าน "สุขจุกอก" ยิ้มร่า สุขสำราญเหมือนดอกไม้บานยามเช้า เข้าไปรายงานตัวที่สำนักนายกฯ ปะหน้านักข่าวก็คุยด้วยอารมณ์แฉล้ม
"เคยมีผู้ใหญ่บอกว่า วันที่สบายใจในการเป็นอัยการสูงสุดมีอยู่ ๒ วัน คือวันเข้ารับตำแหน่ง กับวันที่พ้นจากตำแหน่ง"
ก็คงจริง ไม่งั้นหน้าจะบานเป็นดอกทานตะวันรับแสงยามถูกย้ายอย่างนี้หรือ เห็นแล้วอดอิจฉาคนบรรลุธรรมขั้น "ยกได้-วางได้" เสียจริงๆ
คุณอรรถพลท่านพูดกับนักข่าวสมเป็น "ทนายแผ่นดิน" จริงๆ คือยึดหลัก-ยึดเกณฑ์ ไม่เอนตามลม ลองฟังดูก็ได้
"ผมไม่มีอะไรอึดอัดใจ ไปดูการสั่งคดีของผมในอดีตได้ ซึ่งเป็นคดีใหญ่ จากนี้ผมพร้อมทำงานทุกอย่าง เป็นข้าราชการต้องทำได้ทุกอย่าง เราไม่ได้สนับสนุนการปฏิวัตินะครับ แต่เราสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย"
ใช่...เป็นอัยการสูงสุด เป็นทนายแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ ขืนบอกว่า "สนับสนุนการปฏิวัติ" เสียยี่ห้อหมดซี
และถือว่าท่านเป็นมวยชั้นครู ทิ่มหมัดแย็บ แล้วฉากหลบไปตั้งหลักได้สวยงามด้วยคำว่า "แต่เราสนับสนุนการใช้กฎหมาย"! เหมือนท่านผู้นำ คสช.เปี๊ยบเลย ที่วานซืนท่านบอกว่า ถึงประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่จะใช้เท่าที่จำเป็น จะใช้กฎหมาย ให้กฎหมายมีผลบังคับใช้มากที่สุด
พูดง่ายๆ คือ ทุกคดีความที่เกิดขึ้น จะใช้กฎหมายปกติเข้าจัดการ หลีกเลี่ยงใช้กฎหมายเผด็จการ คือกฎอัยการศึก!
แต่ต้องยอมรับกันว่า "ภาพลักษณ์อัยการ" ในช่วงระบอบทักษิณเรืองอำนาจไม่ค่อยเป็นบวกนักในสายตาชาวบ้าน บ้างว่าอยู่ใต้อำนาจระบอบทักษิณบ้าง สั่งคดีตามใบสั่งการเมืองบ้าง
คุณอรรถพลท่านปกป้องเกียรติยศอัยการ โดยบอกนักข่าวว่า.....
"ส่วนตัวใครจะมองอย่างไรไปตรวจสอบประวัติดูได้ ส่วนภาพรวมต้องเข้าใจการทำคดีของอัยการในเรื่องของการอำนวยความยุติธรรมต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง เรารักษาผลประโยชน์ของรัฐและคุ้มครองสิทธิ์ตามกฎหมายของประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของอัยการ"
อืมมม...ท่านพูดก็มีประเด็น พูดถึงส่วนรวมหรือการทำงานใน "ภาพรวม" ของอัยการ ท่านบอกต้องเข้าใจการทำคดีของอัยการ
ทีนี้ มันมีที่ไม่ค่อยเข้าใจที่อยากถามอยู่บ้าง เช่น....
- ปี ๒๕๔๙ คดีวัดพระธรรมกาย
"ธัมมชโย" ยักยอกทรัพย์และที่ดินบริจาคเป็นพันๆ ไร่ รวมมูลค่านับเป็นร้อยล้าน-พันล้าน อัยการสั่งฟ้องศาล ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๒
ศาลสืบพยานอีก ๒ นัดก็จะจบ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนตัดสินอยู่รอมร่อ เดือนกรกฎา ๔๙ วัดพระธรรมกายเชิญทักษิณ ซึ่งตอนนั้นเป็นนายกฯ ไปแสดงปาฐกถาที่วัด
รุ่งขึ้นอีกไม่นาน ๒๑ สิงหา ๔๙ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา ไปยื่นคำร้อง "ขอถอนฟ้อง" ธัมมชโยต่อศาลอาญา
อ้างว่า "พระธัมมชโยได้คืนเงินแก่ทางวัดครบถ้วนแล้ว!?"
แบบนี้ เป็นการถอนฟ้องตามกฎหมายฉบับไหนครับ ถอนฟ้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐและคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายของประชาชน หรือรักษาผลประโยชน์ธัมมชโยกันแน่ครับ
นักโทษคดีประเภทเดียวกันที่อยู่ในคุก เขย่าตรวนถามกันเกรียว!?
ไม่ต้องรู้กฎหมายลึกซึ้งหรอก เอาแค่ตีนโรง-ตีนศาลก็รู้ ที่ธัมมชโยคืนเงินแก่วัดแล้วนั้น ไม่ใช่เหตุล้างโทษ-พ้นคดี ที่ต้องถอน มันควรเป็นเหตุต้องฟ้องด้วยซ้ำ เพราะนั่นเท่ากับสารภาพว่า ยักยอกเงินวัดไปจริง ความผิดสำเร็จแล้ว การคืนเงินนั้น เป็นคนละกรณี ใช้เป็นยางลบกฎหมายไม่ได้ เงินที่ยักยอกไปนั้น ไม่ใช่เงินธัมมชโยแต่ต้นอยู่แล้ว เป็นเงินยักยอกวัดไป ก็ต้องคืนวัดเป็นธรรมดา จะยกมาใช้ล้างโทษได้อย่างไร
ไม่งั้น โจรที่ตำรวจจับแต่ละวัน เค้นเอาเงิน-เอาทองที่ปล้นไปคืน ก็ไม่เห็นปล่อยนี่...เข้าคุกทุกราย ผมจึงไม่ค่อยเข้าใจ "ภาพรวม" การทำงานของอัยการ อยากให้ท่านอธิบาย หรือ อสส.คนก่อนๆ อย่างนายจุลสิงห์ นายชัยเกษม ก็ได้
ช่วยอธิบายเป็นวิทยาทานทีว่า.....
การถอนฟ้องธัมมชโย เป็นการรักษาผลประโยชน์รัฐ คุ้มครองสิทธิประชาชนตามกฎหมายอย่างไร?
และที่ว่า นี้คือ "ภารกิจหลัก" ของอัยการ ทำแบบนี้ใช่มั้ย...ภารกิจหลัก?
- ปี ๒๕๕๖ คดีผู้ก่อการร้าย
ทักษิณตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับ นปช. ๒๔ คน ในคราวชุมนุมจลาจล "เผาบ้าน-เผาเมือง" ปี ๕๓
ทนโท่-แจ่มแจ้ง-เห็นจริง และรู้กันทั้งโลก.....
แต่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด พิจารณาพฤติการณ์แล้ว "มีคำสั่งไม่ฟ้อง" พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว ตามความเห็นที่ DSI ของนายธาริตเสนอมา เมื่อ ๑๐ ต.ค.๕๖ โดยให้เหตุผลเก๋ไก๋ว่า
"เนื่องจากเห็นว่า ขณะเกิดเหตุ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ในต่างประเทศ"!
ยังดีที่ไม่บอกว่า...เพื่อให้เข้าเงื่อนไข ออกกฎหมาย "นิรโทษ" สุดซอยได้...เนอะ!
การสั่งไม่ฟ้องทักษิณ นี่ก็คือการอำนวยความยุติธรรม บนพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงของอัยการอีกละซี?
- ปี ๒๕๕๔ คดีซื้อขายหุ้นชินคอร์ป
สั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ ๑ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้ต้องหาที่ ๒
ในข้อหาไม่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการใด ในลักษณะที่ทำให้ตนหรือบุคคลอื่น เป็นผู้ถือหลักทรัพย์ในกิจการนั้น เพิ่มขึ้นหรือลดลง เมื่อ ๓ เม.ย.๔๔ และ ๒๕ ม.ค.๔๙
เรื่องนี้ ก.ล.ต.กล่าวโทษทักษิณ-พจมานต่อ DSI เมื่อปี ๕๓ หลังจาก "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" ตัดสินว่าทักษิณ-พจมาน "ร่ำรวยผิดปกติ" ขณะเป็นนายกฯ
โดยให้ ลูก-น้องสาว ถือหุ้นแทน และสั่งยึดทรัพย์ ๔.๖ หมื่นล้าน!
ขนาดเป็นคดีสืบเนื่องจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองโดยตรง เมื่อ ก.ล.ต.ฟ้องกล่าวโทษผ่าน DSI ตามขั้นตอน
DSI ก็ทำสำนวนว่า "หลักฐานไม่พอฟ้อง" ส่งให้อัยการ อัยการก็สั่งไม่ฟ้องตามนั้น แล้วส่งสำนวนกลับ DSI
DSI รับสำนวนกลับจากอัยการปุ๊บ ธาริตก็พยักหน้า "เห็นพ้องต้องกัน" หลักฐานไม่พอ
เป็นปี่-เป็นขลุ่ยกันดีจัง แล้วคดีก็ "ยุติ" ไป!
นี่คือภาพรวมการทำคดีของอัยการ ที่บอกว่า "ยุติธรรมอยู่ที่พยานหลักฐานและข้อเท็จจริง" คือแบบนี้ละซี?
- ปี ๒๕๕๑ คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น เอสซี แอสเสท
สั่งไม่ฟ้อง นางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ กรรมการบริษัท เอสซี แอสเสท นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริษัท พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ผู้ต้องหาที่ ๑-๔ ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.๒๕๓๕ ที่ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท
แล้วก็ "เสร็จ" อัยการกับดีเอสไอไปอีกคดีตามระเบียบ!
เนี่ย...เท่าที่นึกๆ เห็นๆ พอยกเป็นตัวอย่างมากราบเรียนถามท่านอดีต อสส.อรรถพลได้เท่านี้ ว่า
จากคดีที่ยกมา...
ถือเป็น "ภาพรวม" การทำคดีของอัยการที่รักษาผลประโยชน์รัฐ และคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายของประชาชน ตามที่ท่านบอกว่า "เป็นภารกิจหลัก" ของอัยการ
การสั่งคดีอย่างนี้ใช่มั้ย คือภารกิจหลัก?
ก็อยากให้ อสส.ท่านไหนก็ได้ ช่วยดับไฟในอกประชาชนทีเถอะ เพราะทุกวันนี้ ต่างพกคำถามลามไหม้หัวใจกันทุกวี่วันว่า
อัยการ "ทนายแผ่นดิน"
หรือ อัยการ "ทนายแผ่นชิน"?