กังวลค่ะ..สัมภาษณ์งาน parttimeแต่กลับถูกHR ซึ่งทำหน้าที่สัมภาษณ์เราเพียงคนเดียวในห้อง(ไม่มีคนอืนอยู่ด้วย) ขายประกันเรา!

สดๆร้อนๆ วันนี้ไปสัมภาษณ์งานpart timeของบริษัทใหญ่มากเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ยา บิ วิตามิน ที่มีแฟรนไซส์หลายสิบสาขา ชื่อ3พยางค์ ขึ้นต้นด้วยB ลงท้ายด้วย C มีหน้าร้านแฟรนไชส์สาขา ออกเสียงแบบญี่ปุ่นๆ  ขึ้นต้นด้วย โอ .. xกx... กิ... ซึ่งเราไปสมัครตำแหน่งงานparttime ตามที่มี จนท.ของบริษัทนี้ประกาศในเวบไซส์ที่รวมพลของวิชาชีพเรา ... วันนี้มีนัดสัมภาษณ์ กรอกเอกสาร ทำแบบทดสอบEQ เรียบร้อยดี จนท.เชิญให้เข้าไปสัมภาษณ์ ทั้งหมดเกิดที่ห้องที่จัดแบ่งไว้อย่างดี ในสำนักงานใหญ่ของบริษัทนี้นะคะ....สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสัมภาษณ์ ตอนช่วง 15-20นาทีแรก เป็นตามปกติ เธอผู้ที่ทำการสัมภาษณ์เรา แนะนำตัวว่าเป็นHR บริษัทนี้มา 10 กว่าปี บลาๆๆๆ ..พอดีมีข้อคำถาม ในแบบฟอร์มสมัครเรื่องว่า  "ท่านเคยผ่าตัดในระยะ5ปีนี้ไหม"..(ซึ่งเราๆท่านๆก็เคยเห็นตามฟอร์มที่ให้กรอกก่อนรับบริจาคเลือด หรือแม้แต่สมัครงานบางที่ เราว่ามีเหมือนกัน)..พอดี เราเพิ่งผ่าตัดทอนซิลที่ข้างลำคอเนื่องจากมันติดเชื้อแล้วไม่ยุบอย่างที่ควรเป็น หลังจากการรับประทานยาตามguidelineการรักษาแล้ว แพทย์แนะนำผ่าตัด ก็สรุปว่าผ่าตัดเรียบร้อย

...เราก็ให้ข้อมูล เขียนไปว่า"เคย ผ่าตัดต่อมทอนซิล".... ตรงนี้แหล่ะค่ะ คุณHR ผู้สัมภาษณ์ถามเรายิบเลยเรื่องค่ารักษาเบิกได้ไหม.. ประจวบกับที่เราให้ข้อมูลว่าเราไม่สมัคร full time  ที่ต้องทำงานสัปดาห์ละหกวัน เพราะเราผ่านช่วงเวลาที่ทำงานแบบนั้นมาหลายปี จนระยะหลังที่เราไม่ค่อย happyกับเรื่องเวลาและสุขภาพ

... โป๊ะเด๊ะเลย คุณHR เธอร่ายคัมภีร์  recruit และ enroll ทุกกระบวนท่าอย่างไม่เกรงใจ อยากให้เราทำประกันกับเธอ เธอบอกว่าเนี่ย เธอก็ช่วยสามีทำ ของบริษัท  ที่ชื่อ..... กุ้ง เทพ ปราการพ่าย... เธอยกเคสคนที่ลำบากหาเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้เงินหกหลัก (ลองสังเกต พวกนี้จะใช้คำว่าเงินหกหลัก เงินเจ็ดหลักค่ะ) บางคนเหนื่อยทำงาน เอาเงินเลี้ยงลูก  เธอก็ไปถามจี้เค้าว่าแล้วถ้าวันนี้คุณเปนไรไป ลูกจะทำงัย.. ทำนองนี้ - -"

เราไม่ได้แอนตี้ว่าประกันไม่ควรทำนะ แต่มันต้องชั่งน้ำหนักและดูเรื่องรายละเอียด  ซึ่งเรามีอยู่แล้วมากกว่า 3เล่ม ทั้งออม ทั้งเบิก  แต่พอเค้าเห็นข้อมูลเราในแบบสัมภาษณ์ เขาเอามาทำประโยชน์ส่วนตัวแบบนี้ เราไม่ชอบเลยล่ะ ...

แต่ด้วยมารยาทงัย เราก้อนั่งฟัง ทำเออค่ะ ยิ้มไป ไม่ขัด (ในใจไม่ทำแน่ๆ เพิ่งขยาดกับการเจอพวกขายตรงมา เราเรียนรู้วิธีการพวกนี้มาบ้าง แต่รู้สึกว่าไม่ใช่เรา ไม่happy) เชื่อมั้ยว่าใช้เวลาในห้องสัมภาษณ์เกือบชั่วโมง   เสียเวลา3/5ไปกับการที่ผู้ามภาษณ์หวื่านล้อมให้เราสนใจทำประกันกับเขา... (ที่เราไม่ทำเพราะมีทำไว้อยู่บ้างแล้ว)..

....สุดท้ายเขาบอกมีไลน์ไหม เราบอก เราไม่ค่อยเล่น 555  ... แต่เบอร์โทร ยังงัย มันอยู่ในแบบฟอรมสัมภาษณ์มันหนีไม่ได้T T เราเลยบอกว่าถ้างัยก้อเอ่านามบัตรให้เราไว้ละกัน   ( คือ กลายเป็นเราขอนามบัตรHR ... )เขาบอกมันอยู่นอกห้องสัมภาษณ์ (ซึ่งมีกันอยู่ 2คน คือ เรา กับ คุณHRในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ) เขาเลยยิงมาเบอร์เรา ให้เราเมมเบอร์ไว้แทน..... แล้วยังบอกเราว่ามีอะไรให้ติดต่อเข่าได้โดยตรง!!

...บร๊ะ(มีแผนอัลไล คิดเหรอว่าเราไม่รู้นะ ).... เราก็ยิ้มตีเนียนไป คิดในใจ ว่า คนที่เราดีลตอนมาสมัคร คืออีกคน (คือจนท.ผู้ลงประกาศลงเวบ) เราก้อจะประสานกับคนนั้นล่ะค่ะ เพราะวันนี้ก้อเพิ่งได้เจอจนท.ผู้ลงประกาศ น่ารักมาก ถูกชะตา ดูจริงใจ ไม่แฝงอย่างคุณHR

..... อีกอย่าง เราตั้งใจขอนามบัตร เพราะ อัลไล... ก้อเอามาใช้กับWhoscallแล้วตีเนียนเงียบ ให้ติดต่อไม่ได้ (ดีมะคะ).......

ตอนนี้ ที่กังวลคือ เป๋็นไปได้ไหม ที่คุณHR จะมีบทบาท หรืออำนาจไม่รับเราทำparttime หรือ แกล้งให้เวรงาน เราน้อยๆ ถ้าเราไม่สนับสนุน ธุรกิจในครัวเรือนของเธอ   กับ  เป็นไปได้ไหม ที่เธอจะโทรไปหา พ่อ แม่ (เรากังวล ตรงน่มาก เพราะพ่อแม่เราไม่ใช่คน แอบร้าย แบบเรา 5555+) หรือเพื่อนเรา ที่เราใส่เบอร์ไว้ติดต่อ เพื่อขายประกันอ่ะค่ะ...  

ส่วนกังวลไหม ว่าเธอคนนี้จะมาอ่านเจอ แล้วจะยังงัยกับอาชีพเรา.. เราไม่ได้ถึงขนาดว่า ถ้าไม่ได้ที่นี่ เราจะแย่ เพราะตอนนี้เรามีแผนสำรองรายได้อยู่จ้ะ... แต่เราไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบหรือทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังขนาดนี้... คุณHR คงไม่ได้คุยแบบนี้กับเราเป็นคนแรกหรอก เพราะเธอดูมั่นหน้า และ แอค ทีเดียวแหล่ะค่ะ ;p

ใครมีความเห็นยังงัย หรือเสนอว่าเราควรทำงัย หรือ สิ่งที่เรากังวลจะต้องป้องกันยังงัย แบบขั้นเด็ดขาด ถอนทิ้ง!!ไม่เหลือราก แต่ก็แบบไม่รุกรานเค้า ต้องใช้วิธียังงัยดีคะ  ขอความเห็นด้วยค่ะ....ขอบคุณค่ะ ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่