สวัสดีค่ะ เพิ่งเคยรีวิวและเข้ามาในห้องนี้เป็นครั้งแรกค่ะ วันนี้ขอรีวิวร้านอาหารอินเดีย ย่านวัดแขก สีลม ซึ่งข้อความดัดแปลงจากเฟซบุ๊คส่วนตัวของเราค่ะ (ตัดคำไม่สุภาพออก) อาจจะไม่ดีขาดๆเกินๆยังไงก็ขออภัยนะคะ
ร้านนี้คือร้าน "ทมิฬนาฑู" เป็นร้านที่เปิดมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 1988 หลายๆท่านคงเคยไปลิ้มลองกันมาแล้ว แต่ที่เราเอามารีวิว เพราะ เพิ่งเริ่มชิมอาหารอินเดียมาไม่นาน แต่เวลาหาข้อมูลในอากู๋จะไม่ค่อยเจอร้านนี้เท่าไหร่ คือ ก็เจอค่ะ แต่ไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรมากนัก
รีวิวนี้เกิดจากการไปร้านนี้ 2 หน คือครั้งแรกของเราที่มีโอกาสได้ลองอาหารอินเดียและครั้งล่าสุด (วันนี้ 12 - 06 - 57) ที่พาเพื่อนที่อยากลองอาหารอินเดียครั้งแรกไปชิม
เริ่มจากการไปกินอาหารอินเดียครั้งแรก เมื่อราวๆสองเดือนก่อน
ร้าน ทมิฬนาฑู สีลมซอย 11 อยู่ห่างจากวัดแขก 2 นาที Google map ร้านนี้เป็นร้านอาหารอินเดียสไตล์อินเดียใต้ ต้องบอกว่าไม่แปลกใจทำไมคนอินเดียถึงอ้วน อาหารนี่กินกันจริงจังอิ่มจุกเลยทีเดียว ด้วยความไม่เคยกินอาหารภารตะมาก่อนมากินครั้งแรกในชีวิต ไม่รู้จะสั่งอะไร เมนูร้านนี้ก็มีแต่ตัวหนังสือไม่มีรูป (รูปมีติดบนผนัง เพิ่งเห็นหลังจากสั่ง) เห็นลูกค้าชาวอินเดียที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน 2 โต๊ะ สั่งเป็นเซ็ทมา เลยเอาอย่างเค้ามั่ง เราสั่งเซ็ทแพะ เพื่อนสั่งเซ็ทไก่ พร้อมโดซาไส้มาซาล่า กะเอามากินเล่นเป็นของว่าง แล้วก็ตามด้วยลาสซี่แบบหวาน โยเกิร์ตสดปั่น เครื่องดื่มยอดนิยมของอินเดีย ร้านนี้มีสองรสคือ เค็มกับหวาน ไม่มีรสมะม่วงตามสมัยนิยม ทางร้านแนะนำว่าคนไทยนิยมแบบหวานก็เลยเอาแบบหวานมาแก้วนึง ก่อนอาหารมาเสิร์ฟจะมีของว่างเป็นแป้งทอดกรอบๆ รสชาติเค็มๆ กินแล้วรู้สึกเหมือนกินฟริงเกิ้ล เอามาวางให้กินรองท้องก่อนประมาณ 4 - 5 แผ่น อาหารเสิร์ฟมาในถาดสแตนเลสพร้อมเครื่องเคียง (ดังภาพ) ดูกะล่อยกะหลิบน่ารักเชียว นึกในใจจะอิ่มมั้ย ... แต่พอข้าวตามมาเท่านั้นแหละ โห๊ะ! จะยัดยังไงให้มันหมด อื้อหือแถมด้วยโดซาใหญ่บึ้ม พุงแตกแน่
สรุปเลยละกัน เซ็ทแพะเซ็ทไก่ ต่างกันที่อันนึงแพะ อันนึงไก่ นอกกระนั้นเหมือนกันหมด แกงอร่อยมาก แต่เครื่องเคียงกินได้เป็นอย่างๆ ราดข้าวแล้วไม่อร่อย โดซา ตัวแป้งรสชาติเหมือนขนมถังแตก (ไม่ชอบ เพราะเราไม่ชอบกินขนมถังแตก) แต่ไส้อร่อยอยู่หอมเครื่องเทศ ส่วนขนมฟริงเกิ้ลแขก เพื่อนเอามาจิ้มกับเครื่องเคียงซอสนั่นนี่โน่นที่มีมา บอกว่าเข้ากั๊นเข้ากันอร่อยมาก แต่เราว่ากินเปล่าๆก็อร่อยแล้ว ไฮไลท์ของมื้อต้องบอกว่าคือ ลาสซี่ อร่อยสุด สุด และเป็นสิ่งที่ควรสั่งมากิน เพราะอาหารภารตะจะมีกลิ่นเครื่องเทศติดปากหลังกินเสร็จ การกินโยเกิร์ตจะช่วยดับกลิ่นพวกนั้นได้ และมันอร่อยมาก อร่อยจริงๆ คือ มันมีความหวานมันหอม ไม่รู้จะบรรยายยังไง คำไหนๆก็ไม่พอมาอธิบายความอร่อย ต้องไปกินเอง แล้วจะเซ็งโยเกิร์ตในถ้วยไปเลย

ปล.กาแฟของร้าน A mug coffee ค่ะ ไม่เกี่ยวกัน แต่ก็อร่อย แนะนำเหมือนกัน
การไปครั้งล่าสุดกับเพื่อนอีกคนที่ อยากโดนอาหารอินเดียเป็นครั้งแรก ... พาไป ณ ร้านทมิฬนาฑู เหมือนกันค่ะ เพราะไปไหว้พระแม่อุมาที่วัดแขกพอดี
ออกจากวัดก็เที่ยงนิดๆแล้ว เพื่อนที่ไปด้วยกันก็อยากลองอาหารภารตะดูบ้าง ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปลองกินกันที่ร้านครัวเชนนัยที่อยู่ติดหลังวัดเลย แต่ร้านปิดหนีไปล่ะ

จริงๆคือร้านย้ายเข้าไปอีกราวๆ 200 เมตรได้ และอยู่ฝั่งตรงข้ามกว่าจะเปิดอีกทีก็วันที่ 15 มิ.ย. วันนี้เลยอด ซึ่งถนนปั้นก็มีร้านอาหารภารตะอยู่อีกร้าน แต่จานล่ะสองร้อยอัพ เลยไปซอย 11 "ร้านทมิฬนาฑู" ที่เคยไปกินกับเพื่อนอีกคนเมื่อคราวก่อน บรรยากาศร้านก็เหมือนเดิม อารมณ์ร้านข้าวแกงอาหารตามสั่ง แต่คราวนี้ไปช่วงเที่ยงมีลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ เหลือโต๊ะใหญ่ไว้เราสองคนเลยนั่งลงมุมในของโต๊ะ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นอินเดี้ยน ปีเปิ้ล มีฝรั่งมาสอง และเป็นผู้ชายทั้งหมด ทั้งร้านไม่นับพนักงานมีโต๊ะเราที่เป็นสตรี รวมทั้งสิ้น 3 คน คือ เรา 2 คนและสาวไทยมุสลิมที่นั่งอีกมุมของโต๊ะ สงสัยผู้หญิงอินเดียไม่นิยมกินข้าวนอกบ้าน
มากินคราวนี้มีเพื่อนและสั่งเป็นแล้วเลยสั่งอาหารได้หลากหลาย (แต่คราวไปกินครั้งแรก อันนั้นสั่งไม่เป็น แถวบ้านเรียกพลาด

) ที่สั่งไปก็มี ซาโมซาไก่ 2 ชิ้น 40 บาท พี่ชอบมาก แต่น้ำจิ้มแบบอินเดียใต้ ไม่อร่อย ชอบน้ำจิ้มมะม่วงหรือมะขามแบบทางเหนือมากกว่า แต่รสชาติของตัวซาโมซาเองไม่จำเป็นต้องจิ้มก็ได้นะ รสชาติก็คล้าย

พัพไส้ไก่แต่มีผักและเผ็ดกว่า (กัดไปเจอพริกขี้หนูด้วย)

ปล.ลายกุหลาบในรูปเป็นลายของจานนะคะ เราไม่ได้ใช้แอพแต่ง
มัสซาลาไก่ จานนี้ 100 บาท รสชาติอร่อย (น้ำแกงนะ) คล้ายแกงกระหรี่แต่มีเครื่องเทศมัสซาลาที่ทำให้หอมกว่า แต่ไก่แบบอินเดียจะเป็นไก่ไม่มีหนังมันเลยแห้งและแข็งมาก จริงๆก็ไม่กินหนังนะ แต่เข้าใจว่าการมีหนังขณะปรุงจะทำให้มันไม่แห้ง คือว่า ติดไว้เหอะไม่กินเดี๋ยวเขี่ยเองได้ สรุปก็คือชอบอยู่แต่คิดว่าถ้าเป็นแพะจะดีกว่านี้ แต่พอดีไปถามเพื่อน คุณเธอจะเอาไก่ ก็เลยไก่ก็ไก่
จาปาตี 2 แผ่น 40 บาท เอามาแค่สองนี่แหละ แผ่นมิใช่น้อย กินคนละแผ่นก็พอ มันก็คือแป้งแบบเดียวกับโรตี แต่เอาไปอบโอ่งหรือย่างอะไรประมาณนี้แหละ ทำให้ไม่มีน้ำมัน ชอบมากกินแล้วไม่เลี่ยน ต้องอย่าลืมว่าอาหารอินเดียมีความมันมาก พวกเมนูคาร์โบไฮเดรตพยายามอย่าเพิ่มมันอีก เดี๋ยวจะจุก ยกเว้นแต่คนชอบของมันๆจริงๆก็ตามชอบเลย
Chicken Briyani ข้าวหมกไก่แบบอินเดีย มาพร้อมเครื่องเคียงหัวหอม จะเรียกว่าอาจาดก็ได้แต่มันไม่เปรี้ยว มันเค็มและเผ็ด จริงๆก็ชอบนะแต่วันนี้ไม่อยากกิน เพราะต้องไปคุยธุระต่อไม่อยากเอากลิ่นหัวหอมแดงไปคุยด้วยเลยข้ามไป แล้วในถาดก็ยังมีแกงไก่ รสชาตินี่คือ แกงกระหรี่ เป๊ะ! แต่อร่อยกว่า ไม่หอมเท่ามัสซาลา แต่คุ้นลิ้นคนไทยแบบเรามาก และเครื่องเคียงอย่างสุดท้ายคือ Raita ผักสดแช่โยเกิร์ตพร้อมเครื่องเทศนิดนึง ถูกใจของร้านนี้มาก มันเป็นหอมใหญ่แครอทและพริกขี้หนู (เคยไปกินร้านอื่นเค้าใช้แตงกว่าและเราไม่กินแตงกวาค่ะ) ซัดหมดถ้วยลืมแบ่งเพื่อนเลย แต่เพื่อนก็ได้กินอยู่นะ แต่เห็นไม่ค่อยตัก ตอนเก็บกวาดเลยซัดคนเดียว ส่วนตัวข้าวหมกเป็นข้าวบาสมาติแบบอินเดีย เวลาเห็นในรูปจะเหมือนข้าวปนเส้นหมี่ แต่จริงๆคือตัวเมล็ดข้าวมันผอมบางมากถ่ายรูปมาเลยเป็นทำให้ดูเป็นแบบนั้น (เพิ่งเข้าใจก็วันนี้

) รสชาติของข้าวอร่อยมาก เจริญอาหารสุด สุด แต่ไก่ ก็แบบเดียวกับแกงมัสซาลานั่นแหละ จานนี้รู้สึกจะ 150 บาท
ผัดกระเจี๊ยบ อันนี้สั่งเพราะเห็นว่าที่สั่งๆมาเนี่ยยังไม่มีผักเลย แล้วก็เคยเห็นเมนูนี้ในหนัง The Lunch Box พอถามพนักงานว่า ไอ้กระเจี๊ยบเนี่ยเอาไปทำอะไร เค้าก็ชี้ไปที่โต๊ะลูกค้าฝรั่งที่สั่งมาก่อน ก็พบว่าหน้าตาเหมือนที่เคยเห็นในหนังเลยสั่งมา รสชาติดีนะ คือ รสชาติก็แตกต่างจากผัดผักแบบไทยจีนที่เราคุ้นเคย เพราะประโคมเครื่องเทศไปจนแดงอย่างที่เห็น แต่มันทำให้รสชาติของกระเจี๊ยบดีขึ้นอ่ะ ปกติถ้าเป็นเมนูน้ำพริก - ผักลวก เราจะไม่แตะกระเจี๊ยบเลย เพราะรู้สึกว่ามีเมือกและขมนิดๆ แต่กระเจี๊ยบก็คือกระเจี๊ยบ มันมีเมือกๆอยู่ไม่โอเคตรงนี้แหละ ผิดที่กระเจี๊ยบไม่ได้ผิดที่ร้าน เมนูนี้ 60 บาท
สุดท้าย Sweet Lassi เมนูที่ต้องสั่งเลย ยังอร่อยเหมือนเดิม และทำให้รู้ว่า ไอ้ที่เราเอามาทำกินเองที่บ้านอยู่ทุกวันนี่มันช่างไม่ได้ความ คงเป็นที่โยเกิร์ตของเราไม่เปรี้ยวพอ แต่ของร้านเปรี้ยว มัน หวานน้อย ฟองนุ่มข้น อร่อยกำลังดีเลย เมนูนี้ก็สั่งกันทั้งสองคน แก้วละ 50 บาท
สำหรับสองท่านหมดไปทั้งสิ้น 490 บาท ก็ตกคนละ 245 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงสำหรับอาหารอินเดีย และได้กินหลากหลายเมนูขนาดนี้ ถ้าคนที่ยังไม่เคยกินและอยากลองอาหารอินเดียแนะนำเลยร้านนี้ ไม่แพง ไปง่าย เจ้าของร้านใจดี กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงจนเกินไป ที่สำคัญอาหารอินเดียใต้น่าจะคุ้นลิ้นคนไทยง่ายกว่าอาหารจากทางเหนือ เพราะใช้กะทิใส่ในแกง ทำให้รู้สึกเหมือนกินแกงไทย แต่ไม่เผ็ดเท่าและหอมกว่า
ปล.คราวหน้าจะไปลองครัวเชนนัยให้ได้ การกินภารตะฟู้ดมากๆทำห้เกิดอาการเสพติดเครื่องเทศ แต่ไม่อยากมีปัญหาเรื่องกลิ่นต้องระงับความอยากไว้ ... นานๆกินทีถึงจะดีนะตัวเธอ
จบแล้วค่ะ อาจจะไม่ดีมาก เพราะก็อปปี้วางมาจากเฟซส่วนตัวของเราเอง ปรับแค่เอาคำไม่สุภาพและภาษาวัยรุ่นออกเท่านั้น รูปก็ถ่ายจากมือถืออาจจะไม่ชัดมาก ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยค่ะ
***เพิ่มเติม ร้านนี้มีเมนู Veg และ อาหาร Halal ด้วย แต่ไม่มีของหวาน ที่เห็นคือลูกค้าอินเดียจะสั่งชาร้อนหลังอาหารทุกโต๊ะค่ะ
[CR] อาหารภารตะ เซ้าท์เทิร์นสไตล์
ร้านนี้คือร้าน "ทมิฬนาฑู" เป็นร้านที่เปิดมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 1988 หลายๆท่านคงเคยไปลิ้มลองกันมาแล้ว แต่ที่เราเอามารีวิว เพราะ เพิ่งเริ่มชิมอาหารอินเดียมาไม่นาน แต่เวลาหาข้อมูลในอากู๋จะไม่ค่อยเจอร้านนี้เท่าไหร่ คือ ก็เจอค่ะ แต่ไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรมากนัก
รีวิวนี้เกิดจากการไปร้านนี้ 2 หน คือครั้งแรกของเราที่มีโอกาสได้ลองอาหารอินเดียและครั้งล่าสุด (วันนี้ 12 - 06 - 57) ที่พาเพื่อนที่อยากลองอาหารอินเดียครั้งแรกไปชิม
เริ่มจากการไปกินอาหารอินเดียครั้งแรก เมื่อราวๆสองเดือนก่อน
ร้าน ทมิฬนาฑู สีลมซอย 11 อยู่ห่างจากวัดแขก 2 นาที Google map ร้านนี้เป็นร้านอาหารอินเดียสไตล์อินเดียใต้ ต้องบอกว่าไม่แปลกใจทำไมคนอินเดียถึงอ้วน อาหารนี่กินกันจริงจังอิ่มจุกเลยทีเดียว ด้วยความไม่เคยกินอาหารภารตะมาก่อนมากินครั้งแรกในชีวิต ไม่รู้จะสั่งอะไร เมนูร้านนี้ก็มีแต่ตัวหนังสือไม่มีรูป (รูปมีติดบนผนัง เพิ่งเห็นหลังจากสั่ง) เห็นลูกค้าชาวอินเดียที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน 2 โต๊ะ สั่งเป็นเซ็ทมา เลยเอาอย่างเค้ามั่ง เราสั่งเซ็ทแพะ เพื่อนสั่งเซ็ทไก่ พร้อมโดซาไส้มาซาล่า กะเอามากินเล่นเป็นของว่าง แล้วก็ตามด้วยลาสซี่แบบหวาน โยเกิร์ตสดปั่น เครื่องดื่มยอดนิยมของอินเดีย ร้านนี้มีสองรสคือ เค็มกับหวาน ไม่มีรสมะม่วงตามสมัยนิยม ทางร้านแนะนำว่าคนไทยนิยมแบบหวานก็เลยเอาแบบหวานมาแก้วนึง ก่อนอาหารมาเสิร์ฟจะมีของว่างเป็นแป้งทอดกรอบๆ รสชาติเค็มๆ กินแล้วรู้สึกเหมือนกินฟริงเกิ้ล เอามาวางให้กินรองท้องก่อนประมาณ 4 - 5 แผ่น อาหารเสิร์ฟมาในถาดสแตนเลสพร้อมเครื่องเคียง (ดังภาพ) ดูกะล่อยกะหลิบน่ารักเชียว นึกในใจจะอิ่มมั้ย ... แต่พอข้าวตามมาเท่านั้นแหละ โห๊ะ! จะยัดยังไงให้มันหมด อื้อหือแถมด้วยโดซาใหญ่บึ้ม พุงแตกแน่
สรุปเลยละกัน เซ็ทแพะเซ็ทไก่ ต่างกันที่อันนึงแพะ อันนึงไก่ นอกกระนั้นเหมือนกันหมด แกงอร่อยมาก แต่เครื่องเคียงกินได้เป็นอย่างๆ ราดข้าวแล้วไม่อร่อย โดซา ตัวแป้งรสชาติเหมือนขนมถังแตก (ไม่ชอบ เพราะเราไม่ชอบกินขนมถังแตก) แต่ไส้อร่อยอยู่หอมเครื่องเทศ ส่วนขนมฟริงเกิ้ลแขก เพื่อนเอามาจิ้มกับเครื่องเคียงซอสนั่นนี่โน่นที่มีมา บอกว่าเข้ากั๊นเข้ากันอร่อยมาก แต่เราว่ากินเปล่าๆก็อร่อยแล้ว ไฮไลท์ของมื้อต้องบอกว่าคือ ลาสซี่ อร่อยสุด สุด และเป็นสิ่งที่ควรสั่งมากิน เพราะอาหารภารตะจะมีกลิ่นเครื่องเทศติดปากหลังกินเสร็จ การกินโยเกิร์ตจะช่วยดับกลิ่นพวกนั้นได้ และมันอร่อยมาก อร่อยจริงๆ คือ มันมีความหวานมันหอม ไม่รู้จะบรรยายยังไง คำไหนๆก็ไม่พอมาอธิบายความอร่อย ต้องไปกินเอง แล้วจะเซ็งโยเกิร์ตในถ้วยไปเลย
ปล.กาแฟของร้าน A mug coffee ค่ะ ไม่เกี่ยวกัน แต่ก็อร่อย แนะนำเหมือนกัน
การไปครั้งล่าสุดกับเพื่อนอีกคนที่ อยากโดนอาหารอินเดียเป็นครั้งแรก ... พาไป ณ ร้านทมิฬนาฑู เหมือนกันค่ะ เพราะไปไหว้พระแม่อุมาที่วัดแขกพอดี
ออกจากวัดก็เที่ยงนิดๆแล้ว เพื่อนที่ไปด้วยกันก็อยากลองอาหารภารตะดูบ้าง ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปลองกินกันที่ร้านครัวเชนนัยที่อยู่ติดหลังวัดเลย แต่ร้านปิดหนีไปล่ะ
มากินคราวนี้มีเพื่อนและสั่งเป็นแล้วเลยสั่งอาหารได้หลากหลาย (แต่คราวไปกินครั้งแรก อันนั้นสั่งไม่เป็น แถวบ้านเรียกพลาด
ปล.ลายกุหลาบในรูปเป็นลายของจานนะคะ เราไม่ได้ใช้แอพแต่ง
มัสซาลาไก่ จานนี้ 100 บาท รสชาติอร่อย (น้ำแกงนะ) คล้ายแกงกระหรี่แต่มีเครื่องเทศมัสซาลาที่ทำให้หอมกว่า แต่ไก่แบบอินเดียจะเป็นไก่ไม่มีหนังมันเลยแห้งและแข็งมาก จริงๆก็ไม่กินหนังนะ แต่เข้าใจว่าการมีหนังขณะปรุงจะทำให้มันไม่แห้ง คือว่า ติดไว้เหอะไม่กินเดี๋ยวเขี่ยเองได้ สรุปก็คือชอบอยู่แต่คิดว่าถ้าเป็นแพะจะดีกว่านี้ แต่พอดีไปถามเพื่อน คุณเธอจะเอาไก่ ก็เลยไก่ก็ไก่
จาปาตี 2 แผ่น 40 บาท เอามาแค่สองนี่แหละ แผ่นมิใช่น้อย กินคนละแผ่นก็พอ มันก็คือแป้งแบบเดียวกับโรตี แต่เอาไปอบโอ่งหรือย่างอะไรประมาณนี้แหละ ทำให้ไม่มีน้ำมัน ชอบมากกินแล้วไม่เลี่ยน ต้องอย่าลืมว่าอาหารอินเดียมีความมันมาก พวกเมนูคาร์โบไฮเดรตพยายามอย่าเพิ่มมันอีก เดี๋ยวจะจุก ยกเว้นแต่คนชอบของมันๆจริงๆก็ตามชอบเลย
Chicken Briyani ข้าวหมกไก่แบบอินเดีย มาพร้อมเครื่องเคียงหัวหอม จะเรียกว่าอาจาดก็ได้แต่มันไม่เปรี้ยว มันเค็มและเผ็ด จริงๆก็ชอบนะแต่วันนี้ไม่อยากกิน เพราะต้องไปคุยธุระต่อไม่อยากเอากลิ่นหัวหอมแดงไปคุยด้วยเลยข้ามไป แล้วในถาดก็ยังมีแกงไก่ รสชาตินี่คือ แกงกระหรี่ เป๊ะ! แต่อร่อยกว่า ไม่หอมเท่ามัสซาลา แต่คุ้นลิ้นคนไทยแบบเรามาก และเครื่องเคียงอย่างสุดท้ายคือ Raita ผักสดแช่โยเกิร์ตพร้อมเครื่องเทศนิดนึง ถูกใจของร้านนี้มาก มันเป็นหอมใหญ่แครอทและพริกขี้หนู (เคยไปกินร้านอื่นเค้าใช้แตงกว่าและเราไม่กินแตงกวาค่ะ) ซัดหมดถ้วยลืมแบ่งเพื่อนเลย แต่เพื่อนก็ได้กินอยู่นะ แต่เห็นไม่ค่อยตัก ตอนเก็บกวาดเลยซัดคนเดียว ส่วนตัวข้าวหมกเป็นข้าวบาสมาติแบบอินเดีย เวลาเห็นในรูปจะเหมือนข้าวปนเส้นหมี่ แต่จริงๆคือตัวเมล็ดข้าวมันผอมบางมากถ่ายรูปมาเลยเป็นทำให้ดูเป็นแบบนั้น (เพิ่งเข้าใจก็วันนี้
ผัดกระเจี๊ยบ อันนี้สั่งเพราะเห็นว่าที่สั่งๆมาเนี่ยยังไม่มีผักเลย แล้วก็เคยเห็นเมนูนี้ในหนัง The Lunch Box พอถามพนักงานว่า ไอ้กระเจี๊ยบเนี่ยเอาไปทำอะไร เค้าก็ชี้ไปที่โต๊ะลูกค้าฝรั่งที่สั่งมาก่อน ก็พบว่าหน้าตาเหมือนที่เคยเห็นในหนังเลยสั่งมา รสชาติดีนะ คือ รสชาติก็แตกต่างจากผัดผักแบบไทยจีนที่เราคุ้นเคย เพราะประโคมเครื่องเทศไปจนแดงอย่างที่เห็น แต่มันทำให้รสชาติของกระเจี๊ยบดีขึ้นอ่ะ ปกติถ้าเป็นเมนูน้ำพริก - ผักลวก เราจะไม่แตะกระเจี๊ยบเลย เพราะรู้สึกว่ามีเมือกและขมนิดๆ แต่กระเจี๊ยบก็คือกระเจี๊ยบ มันมีเมือกๆอยู่ไม่โอเคตรงนี้แหละ ผิดที่กระเจี๊ยบไม่ได้ผิดที่ร้าน เมนูนี้ 60 บาท
สุดท้าย Sweet Lassi เมนูที่ต้องสั่งเลย ยังอร่อยเหมือนเดิม และทำให้รู้ว่า ไอ้ที่เราเอามาทำกินเองที่บ้านอยู่ทุกวันนี่มันช่างไม่ได้ความ คงเป็นที่โยเกิร์ตของเราไม่เปรี้ยวพอ แต่ของร้านเปรี้ยว มัน หวานน้อย ฟองนุ่มข้น อร่อยกำลังดีเลย เมนูนี้ก็สั่งกันทั้งสองคน แก้วละ 50 บาท
สำหรับสองท่านหมดไปทั้งสิ้น 490 บาท ก็ตกคนละ 245 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงสำหรับอาหารอินเดีย และได้กินหลากหลายเมนูขนาดนี้ ถ้าคนที่ยังไม่เคยกินและอยากลองอาหารอินเดียแนะนำเลยร้านนี้ ไม่แพง ไปง่าย เจ้าของร้านใจดี กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงจนเกินไป ที่สำคัญอาหารอินเดียใต้น่าจะคุ้นลิ้นคนไทยง่ายกว่าอาหารจากทางเหนือ เพราะใช้กะทิใส่ในแกง ทำให้รู้สึกเหมือนกินแกงไทย แต่ไม่เผ็ดเท่าและหอมกว่า
ปล.คราวหน้าจะไปลองครัวเชนนัยให้ได้ การกินภารตะฟู้ดมากๆทำห้เกิดอาการเสพติดเครื่องเทศ แต่ไม่อยากมีปัญหาเรื่องกลิ่นต้องระงับความอยากไว้ ... นานๆกินทีถึงจะดีนะตัวเธอ
จบแล้วค่ะ อาจจะไม่ดีมาก เพราะก็อปปี้วางมาจากเฟซส่วนตัวของเราเอง ปรับแค่เอาคำไม่สุภาพและภาษาวัยรุ่นออกเท่านั้น รูปก็ถ่ายจากมือถืออาจจะไม่ชัดมาก ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยค่ะ
***เพิ่มเติม ร้านนี้มีเมนู Veg และ อาหาร Halal ด้วย แต่ไม่มีของหวาน ที่เห็นคือลูกค้าอินเดียจะสั่งชาร้อนหลังอาหารทุกโต๊ะค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น