ไม่มีเวลาได้ดูภาพยนต์ในช่วงนี้เลยครับ โดยล่าสุดผมว่างโคตรๆ เลยมีโอกาสแวะผ่านเข้าโรงภาพยนต์ และเลือกที่จะจิ้มหนังเบาสมองที่จะทำให้เราอุ่นใจ แต่พระเจ้า ภาพยนต์เรื่องนี้ไม่ได้สนองความต้องการที่จะดูเอาบันเทิงเลยครับ
Edge of Tomorrow เป็นการกลับมาของสุดยอดพระเอกขวัญใจชาวโลกอย่าง Tom Cruise ที่เหมือนประกาศเป็นนัยๆ ว่าอั๊วจะกลับมาทวงบัลลังค์เจ้าพ่อหนังแอ็คชั่นของยุคปัจจุบัน หลังจากที่ 2 - 3 เรื่องก่อนๆของแกพากันบู่แบบยกเซ็ท โดยรับบทเป็น พันตรี William Cage นายทหารผู้ไม่เคยสัมผัสสงครามหรือการต่อสู้ แต่ดันมาโดนจับไปรบในสงครามที่ต้องสู้กับเอเลี่ยนนอกโลกซึ่งเป็นสัตว์มีชีวิตเซลล์เดียว หรือที่คนในภาพยนต์เรียกมันว่า "มิมิค" งานนี้ทำเอา Cage อกสั่นขวัญผวา ก็เพราะเจ้าตัวไม่เคยสวมชุดหุ่นยนต์ทหารที่เป็นนวัตกรรมผลิตมาเพื่อสู้กับพวกมิมิคโดยเฉพาะ ปลดล็อกเซฟปืนก็ไม่เป็น แน่นอนล่ะครับ ตายสถานเดียว!! แต่คุณ Cage เจ้ากรรมดั้นนน ไม่ตายซะนี่ เพราะพอแกตายในสงคราม แกก็ย้อนกลับมาในช่วงเวลาก่อนรบตลอด พอแกตายปุ๊ป แกก็ตื่นมาที่เดิมอีก วนไป วนมา จนกระทั่งแกเจอคนที่เคยเป็นอาการนี้เหมือนกันมาก่อน นั่นคือ Rita Vrataski (Emily Blunt) ที่เป็นนักรบกองกำลังพิเศษ ทั้ง 2 ต้องร่วมกันช่วยกันต่อสู้ เพราะสิ่งที่ Cage เป็นอยู่นั้น คือความหวังเดียวของมวลมนุษย์ชาติ...
ยอมรับตามตรงนะครับ ผมโคตรเซอร์ไพรซ์ และแอบดีใจเล็กๆ ที่เรื่องนี้ พี่ทอมของเราแก... ไม่เก่งเว้ย 555 ผมมีความสุขกับการที่แกไม่เก่งเอามากๆ เพราะทุกๆเรื่องที่ผ่านมาของแกเนี่ย แกเทพทุกเรื่อง แล้วผมมีความสุขอยู่ได้ ชม. นิดๆ แล้วความฝันผมก็จบ เพราะพี่แกก็เก่งจนได้!!!
ความเห็นส่วนตัว - ภาพยนต์มีการดำเนินเรื่องที่เร็ว แต่การเล่าเรื่องไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิด ผมแอบรำคาญเจ้าตัวสัตว์ประหลาดนิดๆ ที่ออกแบบมาแบบ...ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ได้แต่คิดในใจว่า "เอาน่า..

คือเอเลี่ยนอะแหละ" ผมเลยผ่านจุดนั้นมาได้ หนังมีอารมณ์ขันสอดแทรกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ กับพล็อตเรื่องที่เข้มข้นแบบนี้ เรียกได้ว่าหวานตัดเปรี้ยวแบบนุ่มละมุนลิ้นมากๆ Special Effect อยู่ในระดับดีแบบมาตรฐาน Hollywood ด้านนักแสดงนำ ทั้ง 2 คน อย่าง Tom Cruise และ Emily Blunt แสดงกันได้จิ้นมาก แม้ทั้งเรื่องจะไม่ได้แสดงออกถึงความโรแมนติกกันมาก แต่ผม... สัมผัสได้!!! แอบตกใจเล็กๆ ว่านี่อาจเป็นหนังที่ดีที่สุดของ Tom Cruise นับตั้งแต่ Valkyrie เลยทีเดียววว
ฉากประทับใจ - เป็นฉากที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Cage หลอก Rita ว่าเพิ่งมาได้ไกลสุดได้แค่ถึงบ้าน ซึ่งหลอกกันได้ทั้งคนดูในโรงทั้งโรง แต่มันมีมุมน่ารักของ Cage ที่เป็นห่วง Rita ไม่อยากเห็นเธอตายในทุกๆวัน ฉากนี้มีความหมายดีครับ เพราะหลังจากตื่นขึ้นมาหลังจากตายในฉากที่ว่านี้ Cage ก็ได้ทำสิ่งนึงที่กล้าหาญมากๆ
เหตุผลที่ควรไปดู
1. อย่างที่บอกล่ะครับ ว่าถ้าจะดูเอาบันเทิงเนี่ย อย่า!!! เพราะเรื่องนี้ จะทำคุณตาไม่กะพริบกันเลยทีเดียว
2. ผมแอบไปดูหุ่นของ Emily Blunt ด้วยแหละ ใครคิดถึงเธอ ก็ยอมเสียตังค์กันหน่อย
3. เพราะการมีทีมพากย์ชั้นเยี่ยมของไทย ทำให้ความสนุกมันคูณ 3 เลยครับ
4. ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ผมว่าฉากสงคราม เหมือนยกพลขึ้นอ่าวนอร์มังดี ในเรื่อง Saving Private Ryan ใครอยากดูความอลังในฉากนี้ ก็ต้องลองเสพล่ะครับ
5. เนื้อเรื่องที่กระชับ เหมาะกับความเป็นวัยรุ่นแถบร้อนแบบบ้านเรา
6. อยากการันตีด้วยชื่อเสียงที่ไม่มีเลยของผมว่า นี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของ Tom Cruise นับตั้งแต่ Mission: Impossible – Ghost Protocol และเป็นภาพยนต์ที่ดีที่สุดของ Tom Cruise นับตั้งแต่ Valkyrie
ความหมายของคะแนน
0 - 5 : มันห่วยซะเหลือเกิน
5.5 - 6.5 : พอได้
7 : ดูก็ได้ ไม่ดูก็ดี
7.5 - 9 : หนังดีที่ควรดู
9.5 - 10 : พลาดเรื่องนี้ ตายตาไม่หลับ
คะแนน
8/10
Review บ้านๆ - Edge of Tomorrow (ซูเปอร์...ไอ้เณรดับทัพอสูร)
ไม่มีเวลาได้ดูภาพยนต์ในช่วงนี้เลยครับ โดยล่าสุดผมว่างโคตรๆ เลยมีโอกาสแวะผ่านเข้าโรงภาพยนต์ และเลือกที่จะจิ้มหนังเบาสมองที่จะทำให้เราอุ่นใจ แต่พระเจ้า ภาพยนต์เรื่องนี้ไม่ได้สนองความต้องการที่จะดูเอาบันเทิงเลยครับ
Edge of Tomorrow เป็นการกลับมาของสุดยอดพระเอกขวัญใจชาวโลกอย่าง Tom Cruise ที่เหมือนประกาศเป็นนัยๆ ว่าอั๊วจะกลับมาทวงบัลลังค์เจ้าพ่อหนังแอ็คชั่นของยุคปัจจุบัน หลังจากที่ 2 - 3 เรื่องก่อนๆของแกพากันบู่แบบยกเซ็ท โดยรับบทเป็น พันตรี William Cage นายทหารผู้ไม่เคยสัมผัสสงครามหรือการต่อสู้ แต่ดันมาโดนจับไปรบในสงครามที่ต้องสู้กับเอเลี่ยนนอกโลกซึ่งเป็นสัตว์มีชีวิตเซลล์เดียว หรือที่คนในภาพยนต์เรียกมันว่า "มิมิค" งานนี้ทำเอา Cage อกสั่นขวัญผวา ก็เพราะเจ้าตัวไม่เคยสวมชุดหุ่นยนต์ทหารที่เป็นนวัตกรรมผลิตมาเพื่อสู้กับพวกมิมิคโดยเฉพาะ ปลดล็อกเซฟปืนก็ไม่เป็น แน่นอนล่ะครับ ตายสถานเดียว!! แต่คุณ Cage เจ้ากรรมดั้นนน ไม่ตายซะนี่ เพราะพอแกตายในสงคราม แกก็ย้อนกลับมาในช่วงเวลาก่อนรบตลอด พอแกตายปุ๊ป แกก็ตื่นมาที่เดิมอีก วนไป วนมา จนกระทั่งแกเจอคนที่เคยเป็นอาการนี้เหมือนกันมาก่อน นั่นคือ Rita Vrataski (Emily Blunt) ที่เป็นนักรบกองกำลังพิเศษ ทั้ง 2 ต้องร่วมกันช่วยกันต่อสู้ เพราะสิ่งที่ Cage เป็นอยู่นั้น คือความหวังเดียวของมวลมนุษย์ชาติ...
ยอมรับตามตรงนะครับ ผมโคตรเซอร์ไพรซ์ และแอบดีใจเล็กๆ ที่เรื่องนี้ พี่ทอมของเราแก... ไม่เก่งเว้ย 555 ผมมีความสุขกับการที่แกไม่เก่งเอามากๆ เพราะทุกๆเรื่องที่ผ่านมาของแกเนี่ย แกเทพทุกเรื่อง แล้วผมมีความสุขอยู่ได้ ชม. นิดๆ แล้วความฝันผมก็จบ เพราะพี่แกก็เก่งจนได้!!!
ความเห็นส่วนตัว - ภาพยนต์มีการดำเนินเรื่องที่เร็ว แต่การเล่าเรื่องไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิด ผมแอบรำคาญเจ้าตัวสัตว์ประหลาดนิดๆ ที่ออกแบบมาแบบ...ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ได้แต่คิดในใจว่า "เอาน่า..
ฉากประทับใจ - เป็นฉากที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งหลอกกันได้ทั้งคนดูในโรงทั้งโรง แต่มันมีมุมน่ารักของ Cage ที่เป็นห่วง Rita ไม่อยากเห็นเธอตายในทุกๆวัน ฉากนี้มีความหมายดีครับ เพราะหลังจากตื่นขึ้นมาหลังจากตายในฉากที่ว่านี้ Cage ก็ได้ทำสิ่งนึงที่กล้าหาญมากๆ
เหตุผลที่ควรไปดู
1. อย่างที่บอกล่ะครับ ว่าถ้าจะดูเอาบันเทิงเนี่ย อย่า!!! เพราะเรื่องนี้ จะทำคุณตาไม่กะพริบกันเลยทีเดียว
2. ผมแอบไปดูหุ่นของ Emily Blunt ด้วยแหละ ใครคิดถึงเธอ ก็ยอมเสียตังค์กันหน่อย
3. เพราะการมีทีมพากย์ชั้นเยี่ยมของไทย ทำให้ความสนุกมันคูณ 3 เลยครับ
4. ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ผมว่าฉากสงคราม เหมือนยกพลขึ้นอ่าวนอร์มังดี ในเรื่อง Saving Private Ryan ใครอยากดูความอลังในฉากนี้ ก็ต้องลองเสพล่ะครับ
5. เนื้อเรื่องที่กระชับ เหมาะกับความเป็นวัยรุ่นแถบร้อนแบบบ้านเรา
6. อยากการันตีด้วยชื่อเสียงที่ไม่มีเลยของผมว่า นี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของ Tom Cruise นับตั้งแต่ Mission: Impossible – Ghost Protocol และเป็นภาพยนต์ที่ดีที่สุดของ Tom Cruise นับตั้งแต่ Valkyrie
ความหมายของคะแนน
0 - 5 : มันห่วยซะเหลือเกิน
5.5 - 6.5 : พอได้
7 : ดูก็ได้ ไม่ดูก็ดี
7.5 - 9 : หนังดีที่ควรดู
9.5 - 10 : พลาดเรื่องนี้ ตายตาไม่หลับ
คะแนน
8/10