ปัจจุบันแฟนอายุย่าง 35 ปี เมื่อสองปีที่แล้วตรวจพบว่าเป็นลูคีเมียชนิดฉับพลัน เลยเข้ารับคีโมไป 5 คอร์ส คอร์สละประมาณ 3 อาทิตย์ และจะได้ออกจากโรงพยาบาลมาใช้ชีวิตข้างนอกประมาณ 2 อาทิตย์ จึงจะรักษาคอร์สต่อไป

ขอเล่าเป็นความรู้นะคะ ใน 1 คอร์ส จะได้รับคีโม 3 วัน (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ซึ่งจะทำให้เม็ดเลือด เกร็ดเลือดในตัวต่ำหมด อาการข้างเคียงคือ ผะอืดผะอม อ๊วก กินอะไรไม่ค่อยได้เลย จากนั้นจะได้รับยาฆ่าเชื้อต่างๆ เพื่อกันร่างกายติดเชื้อ เนื่องจากร่างกายจะอ่อนแอมากๆ ช่วงนี้ และอาจได้รับเลือด/เกร็ดเลือด หากเม็ดเลือด/เกร็ดเลือดในร่างกายต่ำมากๆ และเมื่อร่างกายฟื้นฟูอยู่ในเกณฑ์ดีแล้วเมื่อไร จะได้ออกจาก รพ. ก็หมดไป 1 คอร์ส

เมื่อครบ 5 คอร์สแล้ว ก็ใช้ชีวิตปกติ หมอนัดตรวจสุขภาพเดือนละครั้ง จากเดือนละครั้งก็ 2 เดือนครั้ง และเมื่อปลายเดือนเมษายน 57 หมอตรวจพบว่าเค้ากลับมาเป็นอีก เลยต้องวางแผนการรักษาอีกรอบคือ คีโมด้วยยาแรงกว่าเดิม 5 คอร์ส จากนั้นจะปลูกถ่ายไขกระดูก

แฟนก็เข้าโรงพยาบาลรับยาคีโมรอบแรก รอบนี้ยาแรงกว่าตัวเดิม อาการข้างเคียงก็มากกว่าเดิม จะได้รับคีโมคอร์สละ 5 วัน จากนั้นจะได้รับพวกยาฆ่าเชื้อ แต่รอบนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมาคือ เค้าเหมือนจะยอมรับว่าเค้าไม่ไหวแล้ว พูดเรื่องความตายบ่อยๆ วางแผนเรื่องการตาย และสุดท้ายไม่อยากจะรักษารอบต่อไปแล้ว เพราะว่ามันทรมาน รักษาไปก็เหมือนสัตว์ทดลอง ได้แต่ยา โดยที่ไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่ อยากออกมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิต

เลยสงสัยว่ามีใครมั๊ยที่รักษาแล้ว โรคสงบ อยู่ได้อีกหลายปี (ไม่ว่าจะคีโมหรือปลูกถ่าย)  มาแชร์ความรู้หรือประสบการณ์กันนะคะ จะได้เอาไปเล่าให้เค้าฟังเพื่อเป็นกำลังใจให้เค้าสู้ต่อไปค่ะ