หมดเงิน 35,200 บาท ใน 1 สัปดาห์เพื่อบริการห่วยแตกและเข็ดหลาบจากดีแทคและซัมซุง

ถ้าไม่เจอเหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 สัปดาห์
ถ้าไม่หมดเงิน 35,200 บาท เพื่อซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Samsung (ซัมซุง) 2 เครื่อง จาก DTAC SHOP (ดีแทค) คงไม่ออกมาวิจารณ์ใคร
แม้การออกมาวิจารณ์ครั้งนี้ ก็ไม่ได้หวังให้ทั้งดีแทคและซัมซุง ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ ด้วย

เมื่อ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ไปซื้อ SAMSUNG GALAXY GRAND2 (ซัมซุง กาแล็กซี่ แกรนด์ 2) จากศูนย์ดีแทค ชั้นใต้ดิน เข้าไปซื้อเวลาประมาณบ่ายครึ่ง ซื้อเสร็จบ่ายสองครึ่ง ยังไม่ทันได้ลองใช้โทรศัพท์เลย ก็ปรากฏว่า เวลาประมาณทุ่มครึ่ง ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน มีสายเข้าแต่จอดับ ทำอะไรไม่ได้เลย ขับรถบนทางด่วนไป ก็ก้มลงกดตลอดแต่จอก็ดับอยู่อย่างนั้น
กระทั่งภึงบ้าน จอดรถในโรงรถ จอก็ยังดับสนิท มาจอสว่างหลังจากลงจากรถราว 5 วินาที
เราก็รีบโทรไปที่ศูนย์ที่ซื้อมา ตอนนั้นเวลาเกือบ 2 ทุ่ม ศูนย์คงใกล้ปิด แต่หากพนักงานมีใจบริการ (อย่างที่โฆษณาไว้) ก็คงไม่ตอบกลับมาว่า "ส่งซ่อมได้" เราเพิ่งซื้อมายังไม่ถึง 6 ชั่วโมง โทรศัพท์มีปัญหาใช้งานไม่ได้ พนักงานตอบแบบนี้ เราโมโหมาก จึงตอบกลับไปว่า "ชั้นเพิ่งซื้อมา มีปัญหาใช้งานไม่ได้ ทำไมต้องส่งซ่อมคะ"
แม่เจ้า คุยไปคุยมาปลายสายบอกว่าพรุ่งนี้ให้เอาเครื่องมาเช็กที่ศูนย์
โอเค คืนนั้นทั้งคืน เวลาจะใช้โทรศัพท์ต้องเปิดไฟหัวเตียง และเอาจอไปเล็งที่ไฟ ถ้าเล็งไม่ดี จอก็ดับ

รุ่งเช้าเราลางานไปเพื่อจัดการธุระเรื่องนี้ และพบกับ "ช่างประจำศูนย์" ช่างทดสอบโดยใช้รหัสเพื่อตรวจสอบ และกลับมายืนยันว่า "ปกติ" อุต๊ะ Samsung Galaxy Grand 2 เวลาจะใช้ต้องเปิดไฟ !!!!!!
เราไม่ยอมค่ะ สู้ตาย เมื่อดีแทคศูนย์นั้นไม่มีบริการหลังการขายตามที่โฆษณาไว้
ในฐานะผู้บริโภค "ต้องไม่ยอม"
เมื่อเรายืนยันว่า ไม่ปกติ ช่างและพนักงานขายต่างทำหน้าราวกับ "เรื่องมากยิ้ม บอกแล้วว่าปกติ"
ในที่สุด ก็โทร.ไปหาช่างที่ศูนย์ซัมซุง ตลกมาก...ตลกอย่างที่ไม่คิดฝัน ช่างซัมซุงตอบว่า "ซ่อมได้" ยิ้ม เดินออกจากศูนย์ไม่ถึง 24 ชั่วโมง มีปัญหาชัดขนาดนี้ยังบอกว่า ซ่อมได้
และดีแทคก็ให้เราไปดำเนินเรื่องเอง
พอไปถึงศูนย์ซ่อมซัมซุงบอกว่า ต้องลงซอฟต์แวร์ใหม่ ในใจเรานึกเลย "ไม่อยากรับผิดชอบนี่หว่า การเคลมเครื่องบ่อยๆ ในแต่ละรุ่น แต่ละวัน คงทำให้ Samsung Thai (ซัมซุงประจำประเทศไทย) หมองหม่น" นาทีนั้นเราไม่พูดดีแล้ว
เราใช้สมาร์ทโฟนมามากกว่า 15 เครื่อง และแต่ละเครื่องราคาหมื่นจนถึงแพงสุดๆ ในตลาด มีสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ipod ipad เต็มบ้าน ทำไมจะดูไม่รู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร ในฐานะผู้ใช้งาน ไม่มีทางรู้มากกว่าช่างหรอก...จริงไหม

รอ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ช่างรีเซ็ตเครื่อง ตอนไปรับเครื่อง เราถามย้ำว่า หายอาการจอดับแล้วใช่ไหม ช่างตอบว่า "หายแล้ว" เราถามย้ำอีกว่า สรุปเป็นที่ซอฟต์แวร์ หรือ ช่างตอบว่า "ใช่ครับ" เราเลยบอกว่า งั้นช่วยลองเครื่องให้ดูหน่อยค่ะ ต่อหน้าต่อตาเลย พอกดเอาออโต้ออก จอมืดสนิทเลย
ช่างใช้ความคุ้นเคย ปรับเร่งแสงจนสว่างสุดๆ แล้วส่งกลับมาให้เรา "ปกติ"

เราเห็นแล้ว ไม่ปกติ จึงบอกช่างไปว่า ขอทดสอบในห้องมืดๆ หน่อย
ช่างชี้มือโบ้ยไปหาพนักงานหญิงอีกคน ให้พาเราเข้าไปหลังร้าน
พอเดินเข้าไป จอก็มืด
เรากับพนักงานหญิงก็เดินออกมาหาช่างอีก ช่างตอบน่ารักมากค่ะ นี่คือคำพูดของช่างชำนาญการซัมซุง "ปรับแสงแบบนี้ จอก็มืดสิ" ว่าแล้วก็เร่งแสงจ้าเต็มที่ น่าตลกไหม อยากถามกลับจังเลยว่า โทรศัพท์เมิงเปิดเร่งแสงแบบนี้หรือเปล่า และถ้าเร่งแสงขนาดนี้ จะใช้โทรศัพท์ได้ถึง 5 นาทีไหม
ตอบส่งๆ แบบนี้คือหนึ่งในบริการหลังการขายของแบรนด์นี้ใช่ไหม

เดินเข้าเดินออกอยู่ 3 รอบ หน้าร้าน หลังร้าน จอก็ดับสนิทเมื่ออยู่ในที่แสงสลัว รอบสุดท้าย พนักงานผู้หญิงที่เดินเข้าไปเห็นอาการ จึงช่วยพูดกับช่างว่า "พี่ จอมันดับจริงๆ " สิ้นประโยค ช่างคนเดิมก็คว้าใบเคลมเครื่อง วางเอกสารป้าบที่โต๊ะและพูดห้วนๆ เหมือนเดิมว่า "เอาใบเคลมไปเปลี่ยนเครื่องที่ศูนย์ดีแทค"

พอได้ใบเคลมมา เราเอาใบเคลมเดินไปศูนย์ดีแทคข้างๆ
ที่ตลกมากกกกกกกกกคือ พนักงานดีแทครุ่นพี่ให้เซลล์คนขายมาขอโทษ คำขอโทษคือ "หนูไม่รู้ว่าเครื่องที่ขายให้พี่จะเป็นแบบนี้"

ฟังแล้วเราของขึ้นกว่าเดิม ไอ้ที่โมโห ไม่ใช่เพราะโทรศัพท์ไม่ดี แต่เพราะบริการของดีแทคและซัมซุงต่างหากเฟ้ย

แถตั้งแต่แรก จนถึงเปลี่ยนเครื่อง ก็ไม่เลิกแถ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่