{{Black Bullet}} Ep.10 ความฝันในอนาคต X พวกเราควรจะต่อสู้เพื่อใคร X เปิดฉากศึกใหญ่



เพื่อตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนลงเลยตั้งใจจะลงในช่วงเวลานี้ต่อไปนะครับ

มาต่อกันเลยครับ


เรื่องราววันนี้เริ่มต้น ณ โรงเรียนประถมชั่วคราว



วันนี้อากาศช่างสดชื่น
กังหันลมบนกระดานดำหมุนเล่นราวกับมีชีวิต

เวลาที่ศึกใหญ่จะเริ่มก็ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว แต่เรื่องการเรียนของเด็กๆก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น 2 คุณครูชั่วคราว เร็นทาโร่และคิซาระ เลยใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด

หลังเก็บกระดาษคำตอบของวิชาเรียนที่เด็กๆบอกว่ายากมากทำไม่ได้เลยก็ถึงเวลาของวิชาต่อไป



สิ่งที่พวกเด็กๆจะได้รับจากนี้อาจ เริ่มต้นมาจาก กองกระดาษเขียนเรียงความชุดหนึ่ง ซึ่ง เร็นทาโร่แจกให้โดยหัวข้อในการเขียนก็คือ

"ความฝันในอนาคตของชั้น"


เข้า Op



หลังกระดาษเขียนเรียงความถูกแจกไปไม่นานนัก ผู้เฒ่าที่คอยดูแลเด็กๆพวกนี้ได้เข้ามาขอบคุณเร็นทาโร่อีกเช่นเคยที่สละเวลาตัวเองมาเป็นครูให้เด็กๆพวกนี้  เร็นทาโร่มีแอบเขินอยู่บ้างแต่ก็ไม่ปฎิเสธที่จะรับคำขอบคุณเช่นนี้



จนสักครู่ต่อมา ผู้ที่เขียนเสร็จคนแรกก็ตะโกนต่อหน้าเพื่อนๆในชั้นเรียน

เอ็นจู - เสร็จแล้วๆเร็นทาโร่!!!

เนื้อหาที่เขียนกล่าวไว้ว่า

" ความฝันในอนาคตของเราก็คือ การได้แต่งงานกับเร็นทาโร่ ทั้งจูบเค้า และ มอบความรักให้เค้า อย่างนี้ทุกวันและตลอดไป "


เร็น - ( เครียดทันที ) ....... ( ห้องกรงรอแต่ไกล )

กลับกันที่เอ็นจูยิ้มระรื่นให้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว


ต่อด้วยคนต่อมา



ทีน่า - เสร็จเหมือนกันค่ะ

ต่อไปมาดูของทีน่ากันบ้าง เนื้อหาคือ



" ความฝันของชั้นคือ การได้แต่งงานกับคุณพี่ จะจูบเค้า มอบความรักให้เค้ารัก อย่างนี้ทุกวันและตลอดไป "

เร็น - ( กลุ้มเลย ) ...... พวกเธอ....



เรื่องของ 2 คนนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะนาฬิกาบอกเวลาได้ดังให้ถึงเวลาส่งเรียบร้อย แต่ผลก็คือ

เด็ก - .........

บรรยากาศมันเงียบเป็นป่าช้าไปในพริบตา เพราะเด็กน้อยทั้งหลายตีสีหน้าเศร้าและทำได้แต่เพียงนั่งนิ่ง ในมือยังคงถือเครื่องเขียนไว้แต่หน้ากระดาษกลับขาวโพล่งไปหมด

สาเหตุตรงนี้อาจเป็นไปได้ว่า

- เด็กต้องสาปพวกนี้ไม่รู้ถึงอนาคตข้างหน้าของตัวเองเพราะโลกใบนี้ต่างปฎิเสธพวกจนว่าไม่ใช่มนุษย์ ทั้งยังขับไล่พวกเธอเป็นหมูเป็นหมา เปรียบเทียบว่า หน้ากระดาษขาวโพลน ก็คือ ความไร้ซึ่งอนาคตและจุดหมายในการใช้ชีวิตของตัวเองก็เป็นได้



ฝั่งเร็นทาโร่อาจจะเดาตรงนี้ถูกหรือคิดเป็นอย่างอื่นในทำนองเดียวกันก็ได้ ตอนนี้เองที่ขอปรึกษากับคิซาระเรื่องขอเบิกงบประมาณเพื่อเอาไปทำอะไรสักอย่าง

คิ - ( ชู 3 นิ้ว หมายถึง  เสรีภาพ อิสรภาพ และสันติภาพ ต่อต้านการปกครอง เอ็ย!!! มีอยู่ 3 พันกว่าๆ )
เร็น - (มองไปทางเด็กๆ) เอาละ เดี๋ยวจากนี้จะพาไปทัศนศึกษานะ


ใช่แล้ว สิ่งที่เร็นทาโร่ตั้งใจจะทำก็คือ การพาเด็กๆทั้งหลายได้ออกมาเปิดหูเปิดตาโลกภายนอก โดยการพาเที่ยว เขตปกครองโตเกียว



เด็กๆทั้งหลายอาจกำลังคิดว่า โลกใบนี้มันช่างกว้างใหญ่เสียจริง จากที่เด็กพวกนี้จำความได้ก็ถูกทั้ง พ่อแม่และโลกใบนี้ ทอดทิ้งมาตั้งแต่เกิด แล้วอาศัยอยู่นอกเขตปกครองมาโดยตลอด



เด็กๆ - สุดยอดเลย



หลังพาเที่ยวมาทั่วก็มายังสถานที่แห่งหนึ่ง นอกตัวเมือง ซึ่งเป็นอนุสรณ์อะไรบางอย่างที่มีรูปปั้นของเทพธิดาอวยพรเด่นเป็นสง่า

เร็น - สถานที่แห่งนี้คือ...อนุสรณ์ เปลวเพลิงแห่งการปฎิวัติ  (ชื่อสถานที่แห่งนี้เร็นทาโร่เคยพูดมาแล้วใน Ep.9)

โดยเร็นทาโร่ได้เล่าประวัติกันสักเล็กน้อยว่าเมื่อครั้งอดีตได้เกิดสงครามใหญ่ขึ้นถึง 2 ศึกกับ กองทัพกาสเทรียส์

โดยศึกแรกเกิดขึ้น ณ เขตปกครองโตเกียวแห่งนี้
และ
ศึกที่สองคือ สงครามแถบคันโต

โดยอนุสรณ์ เปลวเพลิงแห่งการปฎิวัติแห่งนี้ก็ได้ถูกสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่พวกมนุษย์ชนะสงคราม ทั้งเป็นดั่งอนุสรณ์รำลึกถึง ผู้ที่เคยเสียสละชีวิตตนเองในสงครามครั้งนั้น



( ตรงนี้พวกเด็กๆบอกว่าเหมือนกับ งานเทศกาล Genun ที่เป็นงานเทศกาลปล่อยโคมไฟลอยขึ้นฟ้ารึเปล่า เพราะเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการไว้ทุกข์แก่ผู้ตายในสงครามกาสเทรียส์ )

เร็น - จริงสิ งานเทสกาลปีนี้ใกล้จะถึงแล้วนิ ?

เรื่องน่าเศร้าก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อนั้นพวกเด็กๆต่างทำหน้าเศร้าสร้อยว่า พวกเราจะต้องตายรึเปล่าค่ะ พวกเราจะได้เห็นงานเทศกาลปีนี้รึเปล่า

ถึงเด็กๆจะคิดเช่นนั้นแต่เร็นทาโร่ก็ได้บอกให้เข้าใจว่า

อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ที่ตัวเองพามาที่ เพราะ อนุสรณ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รำลึกแก่ที่ มนุษย์ชนะสงครามกาสเทรียส์ได้ แม้ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โมโนลิซแผ่นที่ 32 อาจจะถูกทำลายก็จริง แต่ JASDF ต้องปกป้องพวกเด็กๆไว้แน่นอน ไม่ต้องห่วง

แล้วคำพูดนี้ที่อาจเป็นดั่งคำสัตย์สาบานของตนเองว่า

เร็น - ไม่ต้องห่วง เพราะทั้งชั้นและคุณครูคิซาระ พวกเราจะต่อสู้เพื่อปกป้องทุกอย่างไว้เอง



การได้รับคำปลอมประโลมใจเช่นนี้ เด็กๆทั้งหลายที่ได้รับ สีหน้ายิ้มแย้มและสดชื่นได้กลับมาสู่ใบหน้าอีกครั้ง แล้วเรียกรวมตัวกันปรึกษาเรื่องบางอย่าง

เด็กๆ - พวกเรามาทางนี้กัน

หลังปรึกษากันชั่วครู่ ทันใดนั้น ใบหน้าทั้งหมดอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็หันมามองเร็นทาโร่พร้อมๆกัน และ ชูมือ 2 ข้างเป็นวงกลมว่า

เด็ก - คุณครูค่ะ...คุณครูสอบผ่านค่ะ
เร็น - ?

เด็ก - หนูรักคุณครูที่สุดเลยค่ะ
เด็ก - มีคนที่อยากคบหรือแต่งงานกับคุณครูถึง 5 คนเลยค่ะ
เด็ก -  หนูคนนึงค่ะ
เด็ก - หนูด้วยค่ะ
เด็ก - หนูด้วย



เอ็นจู & ทีน่า - หา!!!!




เด็กๆทั้งหลายต่างทั้งรักและขอบคุณเร็นทาโร่เป็นที่สุด ไปแล้ว ต่างเข้ามารุมล้อมเร็นทาโร่กันทั้งหมดและกอดรัดตัวจนล้มลงแล้วหัวเราะกันอย่างสุขสำราญใจ




( เอ็งจะเป็นเจ้าพ่อฮาเร็มโลลิแล้วสินะ )


คืนนั้น





เพื่อสงครามที่กระชั้นเข้ามา ต่างคนต่างก็นอนหลับเอาแรงกันตั้งแต่เนิ่นๆ เร็นทาโร่ที่พึ่งปิดไปนอน เรื่องที่ตนเองบอกกับเด็กๆเมื่อตอนกลางวัน แม้แต่ตนเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า พลังของ อาเดลบารัน มันจะมากน้อยเพียงใด

คิ - ซาโตมิคุง...ยังตื่นอยู่รึเปล่า ?

แม้แต่คิซาระเองก็นอนไม่หลับด้วยเช่นกัน ทั้งเธอก็มีเรื่องอย่างจะพูดด้วยเป็นการส่วนตัว


เวลาดึกดื่นๆเช่นนี้ สถานที่ซึ่งทั้ง 2 คนมุ่งไปกลับไม่ใช่ที่ไหน นั้นคือ



แผ่นศิลาโมโนลิซ แผ่นที่ 32 ซึ่งเป็นดั่งเขตแดนของสงครามที่จะเกิดขึ้นไม่ช้านี้   ในตรงจุดนี้เองที่เมื่อคิซาระลองให้เร็นทาโร่สัมผัสกับตัวแผ่นศิลาดูก็มีจุดหนึ่งที่แปลกประหลาดพอดูคือ

เร็น - (สัมผัสปรากฎว่า ผนังลอกเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย) ?!

ความจริงอันแสนโหดร้ายคือ ของเหลวที่อาเดลบารันปล่อยออกมามันกลับเล่นงาน วาราเนี่ยม จนเสียหายได้ถึงขนาดนี้



โดยคิซาระอธิบายให้ฟังว่า แผ่นโมโนลิซ เดิมจะถูกสร้างขึ้นจากบล็อกสี่เหลี่ยม แล้วทำการขนส่งวัสดุก่อสร้างแล้วประกอบมันขึ้นมาจนเป็นรูปดั่งกล่าว โดยเริ่มต้นจะตั้งระดับความสูงไว้ที่ 100 เมตรแน่นอนว่าความสูงระดับนี้ กาสเทรียส์ Stage I-III อาจเข้ามาไม่ได้แน่นอน

ทางเร็นทาโร่ถึงจะคิดตามคิซาระอยู่ด้วยแต่กลับมีจุดหนึ่งที่เริ่มสงสัยว่า



เร็น - แปลกมาก..ทำไม อาเดลบารันถึงไม่คิดโจมตี แผ่นโมโนลิซ แผ่นอื่น นอกจากมาโจมตีเฉพาะแผ่นนี้
คิ - หลังอาเดลบารันโจมตีแผ่นนี้เสร็จก็เสียพลังไปอย่างมากจนต้องพักฟื้นสภาพไปเลยทีเดียว

เรื่องตรงนี้จึงได้ข้อประเด็นสำคัญคือ " เรื่องทุกอย่างอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวแผ่นโมโนลิซ แต่อาจเป็นเรื่องอื่นที่คาดไม่ถึงนั้นคือ แผ่นศิลาโมโนลิซ แผ่นที่ 32 แห่งนี้แหละ "

ซึ่งคิซาระจะลองไปตรวจสอบดูให้แน่ใจ

( เดาว่าคงเป็นเรื่องลับลมคมในกลุ่มรัฐบาล หรือ ตระกูลเทนโด สักอย่าง )

หลังเสร็จจากการตรวจสอบเรื่องที่ค้างคาเรียบร้อย เมื่อออกมาข้างนอกคิซาระก็ขอนอนพักสักหน่อย ทั้งบอกให้เร็นทาโร่มานอนข้างๆด้วยท้องฟ้ายามค่ำคืน ในวันนี้ ดวงดาวสวยเป็นพิเศษ นั้นคือคำพูดของคิซาระก่อนจะเงียบไป



สำหรับเด็กหนุ่มอย่างเร็นทาโร่ บรรยากาศแบบนี้ ทั้งเป็นใจให้แบบนี้ อีกทั้งสาวที่ตัวเองแอบชอบก็นอนอยู่ข้างๆ และ มือทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันขนาดนี้ อาจจะเป็นโอกาสให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ผู้ชายคนนึงอยากลองทำดู

ถึงจะกล้าๆกลัวๆที่จะต้องจับมือแบบทุกครั้ง แต่โอกาสแบบนี้มันหาไม่ได้เท่าไร แต่ทว่า



คิ - ซาโตมิ ?
เร็น - !!
คิ - ที่ชั้นจะพูดจากนี้มันอาจจะด่วนสรุปไปสักหน่อยนะ...ชั้นในตอนนี้มีความสุขมากเลยละ

ในมุมมองของคิซาระ บริษัทคุ้มครองความปลอดภัยเทนโดที่ตัวเองกับเร็นทาโร่ช่วยกันตั้งขึ้นมา หลังมีเอ็นจูและทีน่ามาอยู่ด้วย สิ่งที่คิซาระคิดมีเพียงอย่างเดียวคือเป็นดั่งครอบครัวที่แสนสำคัญมาก

เร็น - ?!



จนไม่ทันสังเกตเลยว่า ใบหน้าของเธอที่เมื่อครู่ยังปกติอยู่ กลับมีก้อนน้ำตาที่เป็นดั่งความทุกข์ใจของเธอค่อยๆไหลออกมาซะแล้ว

คิ - แต่ถ้าความสุขเหล่านั้นมันต้องหายไปจริงๆสักวันละ
คิ - ชั้นนะ..กลัวจริงๆ

หญิงสาวที่ตนเองแอบชอบกำลังหวาดกลัว เมื่อนั้นที่ความกล้าในจิตใจก็ผลักดันให้เด็กหนุ่มกล้าที่จะจับมือของเธอไว้เพื่อปลอบประโลมใจ



เร็น - คุณคิซาระนะ....ผมจะปกป้องคุณเอง
เร็น - ทั้งเอ็นจู ทั้งทีน่า และ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ!!!

นี้ไม่ใช่การพูดเอาอกเอาใจ หรือ ปลอบใจแบบธรรมดา แต่มันคือคำมั่นสัญญาของลูกผู้ชาย

คิ - นั้นสินะ...ใช่เลยละ...ขอบคุณมากนะ ซาโตมิคุง
คิ - (หันไปมองนาฬิกา) อีกไม่กี่วินาทีก็เทียงคืนแล้วละ
คิ - 8 7 6 5 4 3 2 1



ตอนนี้มือทั้งคู่จากที่สัมผัสกันแค่ผิวเผินเริ่มเปลี่ยนมาเป็นกำประสานให้เหนียวแน่นสื่อความหมายว่า จะไม่ไปไหนทั้งนั้นพวกเราจะอยู่ด้วยกันพร้อมกับทุกคนเริ่มต้นวันใหม่ และ เวลาแห่งสงครามที่นับถอยหลังไปในตอนนี้เหลือเพียง 1 วันเท่านั้น

จบครึ่งแรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่