Change ผิดใหมที่เกิดมาเป็นเพศที่ 3

เรื่องราวทั้งหมดที่จะเล่าต่อไปนี้ คือ "เรื่องจริง"
นี่เป็นครั้งแรกของการเล่าถึงประวัติของผมเอง (เอ็กซ์)
ปัจจุบันอายุ 29 ปี
อาชีพอิสระ
......................................
      เกิดมาจำความได้สิ่งแรกที่ได้เห็นคือ ครอบครัวที่แสนจะโหดร้าย ผมมีพี่ทั้งหมด 7 คนแน่นอน ผมเป็นคนสุดท้อง ผมจำได้ดีถึงปัจจุบันตั้งแต่ผมเกิดมา
จนกระทั้งบัดเดี๋ยวนี้ยังไม่เคยได้รับการกอดที่อบอุ่นจาก "พ่อและแม่" (ไม่ต้องอิจฉาผมนะครับ) หลายคนอาจจะคิดไปก่อนแล้วว่าผมอยู่กับคนอื่น เปล่าเลย
ครอบครัวผมอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า เมื่อตอนผม 7 ขวบ หน้าที่ประจำวันตั้งแต่ผมจำความได้นะหรอ! ตักน้ำจากบ่อใส่ตุ่ม ล้างจาน ซักผ้าเอง และก็ เลี้ยงหลานสาวตัวเล็กๆอีก 1 คน พี่ 3 คนเรียนในชั้นประถมที่ไล่เรี่ยกัน หน้าที่ผมเลยหนักตั้งแต่เล็กๆ อ้อ!เกือบลืม ที่บ้านผมมีอาชีพรับจ้าง พี่สาวเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านเกิดของแม่อยู่อุบลราชธานี พ่อของแม่เป็นคนจีนเค้าเป็นแพทย์แผนจีนขนาดแท้ มีที่เป็นร้อยๆไร่ แต่ทำไม๊! พ่อกับแม่ถึงหนีมาอยู่ด้วยกันที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่างกันนะ.....จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้คำตอบเพราะไม่เคยคิดจะถามท่านเลย
      
      ที่ๆผมอยู่นั้นเค้าไม่ได้เรียกว่าบ้าน แต่เค้าเรียกว่า "แค้มป์คนงาน" ผมเป็นคนหัวรั้น ดื้อ ประเภท ถ้าไม่ผิด จะไม่รับโทษนั้นๆอย่างเด็ดขาด ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นในหมู่บ้านที่เป็นแคมป์ และบ้านคนพื้นเพ อยู่หลายสิบคน กิจกรรมยามว่าง ก็ลุยป่ามัน ป่าอ้อย เพื่อหาเงินประทังชีวิตพร้อมกับครอบครัว ที่แคมป์คนงานไม่มีไฟฟ้าใช้ มีแต่ตะเกียงกับกระบอกไฟฉายที่ใช้เป็นเครื่องนำทางชีวิตในตอนกลางคืน และมีกองไฟกองใหญ่ในวัยนั้น
ผมยังไม่เคยเหตุความโหดร้ายในครอบครัวสักเท่าไหร่ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ผมจดจำมากที่สุด เรียกได้ว่าลบยังไงก็ไม่มีวันหลุดออกไปจากหัวสมองได้เลย
      
       เหอะๆ . . เสียงพี่ชาผม ภูมิใจในความสามารถที่ทำรถกระป๋องได้ วัสดุที่ใช้ก็แสนจะไฮโซมากในยุคนั้น  สงสัยละสิว่าคืออะไร ผมจะบอกให้ก็ได้
ล่ะอย่าไปบอกใครต่อเชียวนะ อืมมมม..
มี กระป๋องนมตรามะลิ แน่นอน สมัยนั้นต้องรู้จักและได้สัมผัสแทบทุกคนยิ่งเป็นครอบครัวที่ยากจนๆ แบบครอบครัวผม ก็จะได้ดื่มด่ำกับรสนมอันแสนอร่อยนี้แน่นอน  มีกระป๋องนมแล้วก็ต้องมี พื้นรองเท้า..คุณพระ.. มันไฮโซเสียนี่กระไร และอีก 2 อย่างสุดท้ายนะครับจะขาดไม่ได้เลยคือ ไม้ไผ่เหลากลมๆ กับเชือกฟางที่หาเก็บได้ตามกระสอบข้าวทั่วไป  วิธีทำก็ง่ายๆ เจาะรูกระป๋องนมแล้วตัดพื้นรองเท้าให้กลมๆ แล้วก็เอาไปทำเป็นล้อ แค่นี้ล่ะจบ.+..+
และทันทีที่ผมเห็น ผมก็ต้องรีบวิ่งไป ไปชมรถมัน ว่าสวย ทำตาเว้าวอน ไม่นานเกินรอ มันก็จะทำให้ บรึ๋น ๆ ๆ ๆ เสร็จโก๋ !  
     เข้าบ้านได้แล้ว..จะเล่นกันถึงไหน ไอ้เด็กพวกนี้    เสียงคุณอาตวาด แพแวด แทบกรีดหัวใจ ลูกเด็กเล็กแดงต่างพากันวิ่งโกลาหล กับบ้านเรียกได้ว่าน่ากลัวกว่า "สยองขวัญวันพุธ" เสียอีก วันนี้มีเมนู ต้มผักจิ้มน้ำพริก ไข่ต้ม ไขทอด ผมปรบมือด้วยความดีใจ ที่วันนี้เราไม่ได้กินแต่น้ำพริก อย่างเดียว กินเสร็จพี่สาวซึ่งเรียนอยู่ประถม 5 ก็ทำหน้าที่ล้างจาน อ้อ! ตอนเด็กผมเป็นคนซกมก น้ำท่าไม่ค่อยอาบเล่นเหนื่อยแล้วนอนเลย เสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็ขี้เกียจซัก หมกอย่างเดียวเลยครับ (55+ คิดแล้วก็ยังขำ) ห้อง 4 เหลี่ยมเล็กๆต้องบรรจุคนนอน 5 คน อีก 5 คนต้องไปนอนโต๊ะนอกบ้าน หน้าฝนไม่ต้องบรรยาย หลังคาที่แคมป์รับน้ำได้ดี กะละมังเอย ถ้วยเอย ถังเอย รองน้ำกันให้จ้าละหวั่น ฝนไม่หยุดไม่ได้นอน ถ้าง่วงจริงๆก็หามุมหลับ
     ไอ้หนู... เสียง อาจารย์ใหญ่(อาจารย์ อำนวย)โรงเรียนประถม มาเรียกยามเช้า
"พ่อแม่ไปใหน"
"ไปทำงานครับ"
"แล้วหนูไม่ไปโรงเรียนหรอครับ"
"ผมไปโรงเรียนได้แล้วหรอครับ"
"อืม..มากับครูนะ เดี๋ยวครูให้เสื้อผ้าจะได้ไปโรงเรียนกัน"
ผมไม่รอช้าวิ่งแนบจับมือครูใหญ่ไปโรงเรียนทันควัน โดยไม่สนว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาศได้นั่งรถกระบะ
"เข้ามาสิ"
เข้า!!!! (เข้ายังไงเปิดประตูไม่เป็น)
ครูใหญ่อมยิ้ม และก็เปิดประตูจากด้านใน ผมจำได้แม่นว่ารถคันนั้นสีแดง แต่จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไร
ทันทีที่เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทจากกุญแจ ผมก็นั่งวาดฝันถึงโรงเรียนทันที ซึ่งก่อนที่จะเปิดเทอมนั้นเห็นเพื่อนๆพากันบ่นว่าปีนี้ได้ขึ้น ป.1 แล้ว บ้างก็บอกว่าพ่อแม่ฉันจะพาไปซื้อชุดใหม่ (บางคนได้รถจักรยานเป็นของขวัญด้วยนะ) แต่ผมเข้าใจในชีวิตและโชคชะตาดี เลยไม่ขอร้องอะไรนอกจากได้ไปโรงเรียน และ ไม่เคยคิดน้อยใจที่ตัวเองได้เข้าโรงเรียนช้ากว่าคนอื่น เมื่อถึงโรงเรียนเวลานั้นก็เกือบ 8 โมงเช้าแล้วครูใหญ่เดินเข้าไปในห้องพักครูแล้วให้ครู อ้อย เป็นคนหาชุดนักเรียนให้ใส่
    
   เป๊ง ๆ เป๊งๆ เป๊งๆ . . . เสียงระฆังดังขึ้น เอ้า เด็กชายวิชัย(ชื่อผม) เธอวิ่งไปตรงโน้นนะ ไปเข้าแถวกับเพื่อนๆ ผาอายุ 7 ขวบอยู่อยู่อนุบาลยืนรองหัวแถวรองจากไอ้จุก (ต่ำไปสูง) หันไปทางขวา อุ๊ต๊ะ!!! ครอบครัวฉัน   "ทั้งหมดจัดแถว" ต่างคนก็ต่างยื่นแขนออกมาแตะไหล่เพื่อนข้างหน้า อันนี้ผมช่ำชองเพราะ ผมชอบให้เพื่อนๆเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง

จุดผลิกผัน โชคชะตา ความโหดร้าย และ ความเวทนา จะเป็นอย่างไร เมื่อเด็กตัวเล็กๆคนนึงต้องเข้าสู่โรงเรียน โดยที่ยังไม่มีรายชื่อในโรงเรียน ...ติดตามต่อไปในโอกาศหน้า  ผมมือใหม่จริงๆ ไม่เคยคิดจะเขียนเรื่องพวกนี้หรอก แค่อยากแชร์ให้แง่คิดพ่อแม่ และ คนที่สิ้นคิด หมดหนทาง เท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่