คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
มาต่อค่ะ
หลังจากนำน้องออกมาตรวจสภาพแล้ว พบว่าน้องเป็นเชื้อรากระจายทั่วตัวกินขนแหว่งๆเป็นวงๆ แถมยังโชว์เสตปกระชากขนนิ้วเท้า ทึ้งๆๆๆๆๆโชว์ คุณพ่อ คุณแม่ อย่างเร้าใจ เราเลยรีบกดโทรศัพท์โทรหาคุณหมออย่างเร่งด่วน แต่คราวนี้ แฟนเราไม่ยอมให้เราคุยเองแล้ว
แฟนเรา: เอ่อ คุณหมอครับ น้องเป็นเชื้อราทั่วตัวเลยนะครับ รุนแรงมากด้วย อันนี้เราไม่ได้ตกลงกันไว้นะครับว่าน้องเป็นรา
ผู้ขาย: อ๋อ หมอเห็นแล้วค่ะ น้องกำลังจะหายแล้วค่ะ หมอรักษามาเดือนนึงแล้วอาบน้ำทุกวันเลย ตอนแรกเป็นเยอะกว่านี้อีกค่ะ
ก็คุณก็รับไปแล้ว อาบน้ำให้น้องด้วยนะคะ เอาเบตาดีนแมวที่เป็นสีชมพูๆอ่าค่ะ แต้มให้น้องทุกวัน วันละ 2 เวลานะคะ เด๋วน้องก็หายค่ะ
(เรากับแฟนหันหน้ามองกัน เจ้าลูกแมวนี้อายุแค่ 40 วันเองนะคะ รักษามาดือนนึงนี้ มันเป็นขี้เรื้อนตั้งแต่แรกเกิดเลยหรือคะ)
เรากับแฟนสตั๊น อึ้งไป แป้บนึง เกือบคล้อยตามคนขายแล้ว นึกว่าพาแมวไปหาหมอ ปรึกษาสุขภาพแมวป่วย
แฟนเรา: เอ่อ คุณหมอครับ คือว่า ที่บ้านผมมีแมวอีกหลายตัวนะครับ ผมเกรงว่ามันจะไปติดกับบรรดาแมวแมว และลูกแมวที่บ้านนะครับ ถ้ายังไงมาเจอกันก่อนดีไหมครับ ขอฝากไว้ที่คุณหมอจนกว่าน้องจะหายสนิทเริ่มมีขนขึ้นเหมือนเดิมได้ไหมครับ
ผู้ขาย: เอ๊ะ ก็บอกว่าน้องกำลังจะหายค่ะ ไม่แพร่เชื้อแน่นอนค่ะ หมอวินิจฉัยแล้วค่ะ หมอเป็นห่วงว่าแมวที่บ้านคุณจะมีเชื้อมาติดเจ้าตัวนี้มากกว่านะคะ หมอเป็นห่วงแมวที่บ้านคุณมากกว่าค่ะ
(อ้าว เฮ้ย จะดีเหรอคะ... คุณพลาดแล้วละค่ะ จะแหยมอะไรก็แหยมได้แต่อย่ามาแหยมคุณนายสะอาด เรื่องนี้ยอมไม่ได้ ไวรัสแคลลิซิคราวก่อนยังไม่ได้สะสางนะคะ)
เรา ปรี๊ดขึ้นทันที: คุณหมอคะ คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ที่บ้านอาบน้ำแมวทุกสามวัน สัปดาห์ละสองครั้ง ใช้มาลาเซ็บสลับกับแชมพูทองพันชั่งของด็อกเตอร์เมิร์จ เช็ดด้วยโทนเนอร์ก่อนพาขึ้นเตียงทุกวันค่ะ ผ้าปูที่นอนเราก็เปลี่ยนทุกสัปดาห์ค่ะ บ้านเราถูกด้วยไฮเตอร์เจือจางทุกวันค่ะ
(ผู้ขาย อึ้งไปแป๊บนึง ... แฟนเราเอ๋อไปเรียบร้อยแล้ว ปกติเราจะเรียบร้อยและขี้เกรงใจมาก)
ผู้ขาย: เอ่อ ถ้าคุณมั่นใจว่าบ้านคุณเซฟ บ้านคุณสะอาดพอ แล้วทำไมคุณจะรับน้องไปอยู่อีกตัวไม่ได้ละคะ ถ้าปกติคุณอาบน้ำแมวที่บ้านเป็นปกติอยู่แล้ว อาบเจ้าตัวนี้เพิ่มอีกตัวไม่ได้หรือคะ มันไม่เสียเวลามากขึ้นหรอกค่ะ ก็แค่อาบน้ำน้อง ทายาน้อง ก็แค่นั้นเอง แค่นั้นเอง และแค่นั้นเอง (อ้าวววววว ตกลงเราซื้อแมวหรือขอแมวเค้าไปเลี้ยงนี่ เริ่มสับสน)
เรา: ขอพูดสั้นๆไม่อ้อมค้อมนะคะ เราซื้อแมวคุณนะคะ และเราไม่พอใจ ไม่แฮปปี้กับสภาพของน้องมากๆ ด้วยราคานี้ เราควรได้น้องกลับบ้านด้วยสภาพที่ดีกว่านี้นะคะ คุณขายแมวแพงกว่าที่อื่นเป็นเท่าตัว แต่เรายอมจ่ายเพราะเราอยากได้คุณภาพ อยากได้ความมั่นใจ อ๊ะ...... (แฟนเราเห็นท่าไม่ดี ดึงโทรศัพท์ไปคุยเอง)
แฟนเรา: เอ่อ คุณหมอครับ ถ้ายังไงรบกวนมาเจอกันก่อนนะครับ ที่ไหนดีครับ
ทางฝั่งผู้ขายแจ้งชื่อห้างอีกแห่งมาซึ่งค่อนข้างไกลกว่าที่แรกพอสมควร แต่เราและแฟนก็โอเค ขอให้ได้เจอ สักหน่อยเถอะ
เรากับแฟนขับรถกลับไปที่จุดที่ผู้ขายแจ้งเกือบ 60 กม. ระหว่างทางเจ้าตัวน้อย ปีนขึ้นมานอนซุกที่ข้างคอของเรา หลับปุ๋ย เรานั่งน้ำตาคลอ สงสารน้อง ใจนึงก็ไม่อยากจะให้น้องต้องกลับไปเจอสภาพที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้ อีกใจนึงก็เป็นห่วงเด็กๆที่บ้าน ถ้าพากลับไปทั้งแบบนี้ก็มีความเสี่ยงที่ลูกๆเราจะติดเชื้อที่ทั้งมองเห็นและมองไม่เห็นอีกไม่รู้เท่าไหร่ แฟนเราเห็นเราร้องไห้แลยถามว่าจะเอายังไง จะพากลับไปเลยไหม อย่าใช้อารมณ์นะ ค่อยๆคิด เราทบทวนอยู่สักพักนึงแล้วตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องไปคุยกับผู้ขายก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
พอถึงที่หมายแฟนเราจอดรถ สักพักผู้ขายเดินมากับหุ้นส่วนของเค้า
แฟนเราพยายามทำใจเย็นๆอุ้มน้องขึ้นมา ชี้ให้เค้าเห็นรอยแหว่งๆ และผิวดำๆด้านๆของน้อง รวมถึงสะเก็ดที่พร้อมปล่อยละอองเรณู
ผู้ขาย: ไม่ต้องชี้ค่ะ หมอรู้ หมอทราบค่ะ หมอเห็นแล้วค่ะ แต่หมอวินิจฉัยแล้วว่าน้องกำลังจะหายแล้วค่ะ ทายา อาบน้ำอีกหน่อยก็หายแล้วค่ะ ไม่แพร่เชื้อค่ะ ดูๆๆๆสิคะ (แล้วผู้ขายก็เอานิ้วหยี้ๆ ผิวดำๆด้านๆของน้อง สะเก็ดก็ฟูขึ้นมา) เนี่ยค่ะ เค้ากำลังจะสร้างผิวใหม่แล้ว
เรา: ถ้าใกล้หายแล้ว น้องต้องผิวสีอ่อนลง กลับไปใกล้เคียงสีเดิมสิคะ
ผู้ขายทำเสียงหึ แล้วส่งสายตาประมาณว่าอินี่ไม่ฉลาด
ผู้ขาย: ก็เซลผิวน้องเค้าตายไปแล้วมัน จะเป็นสีเดิมได้ยังไงคะ อาบน้ำค่ะ เด๋วน้องก็หายค่ะ ถ้าคุณอาบน้ำน้องที่บ้านประจำอยู่แล้วก็แค่อาบตัวนี้เพิ่มอีกตัวนึงไม่ลำบากหรอกค่ะ
เราช็อกไปสามวิ แฟนเราอ้าปากค้าง
เรา: แต่กว่าน้องจะอาบน้ำใหม่ได้อีกครั้งนึง ก็อีก 7 วันนะคะ ดูจากเล่มแล้ว น้องเพิ่งฉีดยาไปเมื่อวานเอง
ผู้ขายมองหน้าเหมือนเราไม่ฉลาดแล้วทำเสียงหึในคออีกแล้ว : นี่แมวนะคะ ไม่ใช่หมา ฉีดยา 2-3 วันก็อาบน้ำได้แล้วค่ะ
แฟนเรา: แต่ระหว่างที่น้องย้ายบ้านเค้าจะภูมิตกนะครับ แล้วถ้าภูมิตกเค้าจะยิ่งป่วย สุขภาพน้องเค้าไม่ดี เชื้อราจะลามไวมากนะครับ
ผู้ขายทำหน้าเบื่อๆ ประมาณว่านี้คุณกล้าเถียงฉันเหรอ ฉันเป็นหมอนะ: คุณคะ เชื้อรานี้แทบไม่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันเลยค่ะ เกี่ยวน้อยมากๆ
บทสนทนาเริ่มจะวนลูปแล้วเราไม่อยากฟัง เสียเวลา สงสารน้องเลยตัดบท
เรา: คุณหมอคะ คือว่าเราซื้อด้วยราคาขนาดนี้แล้ว เราต้องการคุณภาพนะคะ เราห่วงสุขภาพลูกเราค่ะ เราไม่ได้คืนหรือปฏิเสธการรับน้องนะคะ แค่อยากรับน้องไปในสภาพที่สมบูรณ์กว่านี้ ถ้าเราไม่พอใจจริง ไม่รักน้อง เลือกปฏิบัติ จะรักแต่แมวสวยๆ เราขอคืนน้องไปแล้วค่ะ
ผู้ขาย: โอเคค่ะ จะให้หมอเลี้ยงน้องต่อให้ใช่ไหมคะ ได้ค่ะ แต่หมอไม่รับรองนะคะว่าถ้าจะรอให้หายแล้วค่อยรับน้องไป น้องจะเข้ากับฝูงใหม่ได้หรือเปล่า จะติดบ้าน หรือจะรักเจ้าของใหม่ไหมและมันจะเลยช่วงติดคนไปแล้ว
แล้วผู้ขายก็คว้าน้องแล้วเดินขึ้นรถไปเลย ปล่อยเรากับแฟนอึ้งๆๆๆ
คือว่าเราอยากจะบอกเค้านะคะว่าเด็กๆที่บ้านเรานิสัยดีมากทุกตัว ไม่เคยไล่เพื่อนใหม่ ไม่ดุร้าย เฟรนด์ลี่สุดๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ และตอนนี้เราเริ่มจะสงสัยแล้วว่าคุณเป็นหมอจริงหรือเปล่า เพราะในเล่มวัคซีนที่คุณให้เรามาทั้งสองตัว เป็นเล่มจากคนละคลินิคกัน ยาคนละยี่ห้อกัน สัตวแพทย์ที่เป็นคนเซ็นก็คนละคนกัน แล้วพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่คุณบอกว่านำเข้าจากยุโรป ประเทศโน้นนี้ เราก็เริ่มจะไม่เชื่อแล้วเพราะเท่าที่เราคุยกับคุณมา เราจับทางได้แล้วว่าฟาร์มของคุณเป็นเหมือนหน้าร้านให้เพื่อนพ้องญาติพี่น้องของคุณเอาแมวมาฝากขาย เพราะหลังๆคุณเริ่มโบ้ยแล้วว่าเพื่อนที่เป็นคนดูแลเค้าอาบน้ำให้ทุกวัน หมอก็เช็คแล้วว่าน้องใกล้หายแล้ว เหมือนว่าคุณเป็นแค่คนกลางเฉยๆ
ตลอดทางกลับบ้าน เรานั่งร้องไห้มาตลอด กลัวเค้าเอาน้องไปดูแลต่อไม่ดี ไม่รักษาน้องต่อ ให้น้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด เพราะเราดูแล้วรู้เลยว่าน้องต้องมาจากที่ชื้นแฉะแน่ๆ เพราะเล็บเท้าน้องเค้าแทบไม่มีขนเลย เงินเค้าก็รับจากเราไปเต็มก้อนแล้ว เค้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องคอยใส่ใจเราแล้ว TT^TT
รบกวนขอคำแนะนะด้วยนะคะว่าเราควรทำยังไงต่อไปดี สงสารน้องมาก
ขอบคุณมากค่ะ
หลังจากนำน้องออกมาตรวจสภาพแล้ว พบว่าน้องเป็นเชื้อรากระจายทั่วตัวกินขนแหว่งๆเป็นวงๆ แถมยังโชว์เสตปกระชากขนนิ้วเท้า ทึ้งๆๆๆๆๆโชว์ คุณพ่อ คุณแม่ อย่างเร้าใจ เราเลยรีบกดโทรศัพท์โทรหาคุณหมออย่างเร่งด่วน แต่คราวนี้ แฟนเราไม่ยอมให้เราคุยเองแล้ว
แฟนเรา: เอ่อ คุณหมอครับ น้องเป็นเชื้อราทั่วตัวเลยนะครับ รุนแรงมากด้วย อันนี้เราไม่ได้ตกลงกันไว้นะครับว่าน้องเป็นรา
ผู้ขาย: อ๋อ หมอเห็นแล้วค่ะ น้องกำลังจะหายแล้วค่ะ หมอรักษามาเดือนนึงแล้วอาบน้ำทุกวันเลย ตอนแรกเป็นเยอะกว่านี้อีกค่ะ
ก็คุณก็รับไปแล้ว อาบน้ำให้น้องด้วยนะคะ เอาเบตาดีนแมวที่เป็นสีชมพูๆอ่าค่ะ แต้มให้น้องทุกวัน วันละ 2 เวลานะคะ เด๋วน้องก็หายค่ะ
(เรากับแฟนหันหน้ามองกัน เจ้าลูกแมวนี้อายุแค่ 40 วันเองนะคะ รักษามาดือนนึงนี้ มันเป็นขี้เรื้อนตั้งแต่แรกเกิดเลยหรือคะ)
เรากับแฟนสตั๊น อึ้งไป แป้บนึง เกือบคล้อยตามคนขายแล้ว นึกว่าพาแมวไปหาหมอ ปรึกษาสุขภาพแมวป่วย
แฟนเรา: เอ่อ คุณหมอครับ คือว่า ที่บ้านผมมีแมวอีกหลายตัวนะครับ ผมเกรงว่ามันจะไปติดกับบรรดาแมวแมว และลูกแมวที่บ้านนะครับ ถ้ายังไงมาเจอกันก่อนดีไหมครับ ขอฝากไว้ที่คุณหมอจนกว่าน้องจะหายสนิทเริ่มมีขนขึ้นเหมือนเดิมได้ไหมครับ
ผู้ขาย: เอ๊ะ ก็บอกว่าน้องกำลังจะหายค่ะ ไม่แพร่เชื้อแน่นอนค่ะ หมอวินิจฉัยแล้วค่ะ หมอเป็นห่วงว่าแมวที่บ้านคุณจะมีเชื้อมาติดเจ้าตัวนี้มากกว่านะคะ หมอเป็นห่วงแมวที่บ้านคุณมากกว่าค่ะ
(อ้าว เฮ้ย จะดีเหรอคะ... คุณพลาดแล้วละค่ะ จะแหยมอะไรก็แหยมได้แต่อย่ามาแหยมคุณนายสะอาด เรื่องนี้ยอมไม่ได้ ไวรัสแคลลิซิคราวก่อนยังไม่ได้สะสางนะคะ)
เรา ปรี๊ดขึ้นทันที: คุณหมอคะ คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ที่บ้านอาบน้ำแมวทุกสามวัน สัปดาห์ละสองครั้ง ใช้มาลาเซ็บสลับกับแชมพูทองพันชั่งของด็อกเตอร์เมิร์จ เช็ดด้วยโทนเนอร์ก่อนพาขึ้นเตียงทุกวันค่ะ ผ้าปูที่นอนเราก็เปลี่ยนทุกสัปดาห์ค่ะ บ้านเราถูกด้วยไฮเตอร์เจือจางทุกวันค่ะ
(ผู้ขาย อึ้งไปแป๊บนึง ... แฟนเราเอ๋อไปเรียบร้อยแล้ว ปกติเราจะเรียบร้อยและขี้เกรงใจมาก)
ผู้ขาย: เอ่อ ถ้าคุณมั่นใจว่าบ้านคุณเซฟ บ้านคุณสะอาดพอ แล้วทำไมคุณจะรับน้องไปอยู่อีกตัวไม่ได้ละคะ ถ้าปกติคุณอาบน้ำแมวที่บ้านเป็นปกติอยู่แล้ว อาบเจ้าตัวนี้เพิ่มอีกตัวไม่ได้หรือคะ มันไม่เสียเวลามากขึ้นหรอกค่ะ ก็แค่อาบน้ำน้อง ทายาน้อง ก็แค่นั้นเอง แค่นั้นเอง และแค่นั้นเอง (อ้าวววววว ตกลงเราซื้อแมวหรือขอแมวเค้าไปเลี้ยงนี่ เริ่มสับสน)
เรา: ขอพูดสั้นๆไม่อ้อมค้อมนะคะ เราซื้อแมวคุณนะคะ และเราไม่พอใจ ไม่แฮปปี้กับสภาพของน้องมากๆ ด้วยราคานี้ เราควรได้น้องกลับบ้านด้วยสภาพที่ดีกว่านี้นะคะ คุณขายแมวแพงกว่าที่อื่นเป็นเท่าตัว แต่เรายอมจ่ายเพราะเราอยากได้คุณภาพ อยากได้ความมั่นใจ อ๊ะ...... (แฟนเราเห็นท่าไม่ดี ดึงโทรศัพท์ไปคุยเอง)
แฟนเรา: เอ่อ คุณหมอครับ ถ้ายังไงรบกวนมาเจอกันก่อนนะครับ ที่ไหนดีครับ
ทางฝั่งผู้ขายแจ้งชื่อห้างอีกแห่งมาซึ่งค่อนข้างไกลกว่าที่แรกพอสมควร แต่เราและแฟนก็โอเค ขอให้ได้เจอ สักหน่อยเถอะ
เรากับแฟนขับรถกลับไปที่จุดที่ผู้ขายแจ้งเกือบ 60 กม. ระหว่างทางเจ้าตัวน้อย ปีนขึ้นมานอนซุกที่ข้างคอของเรา หลับปุ๋ย เรานั่งน้ำตาคลอ สงสารน้อง ใจนึงก็ไม่อยากจะให้น้องต้องกลับไปเจอสภาพที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้ อีกใจนึงก็เป็นห่วงเด็กๆที่บ้าน ถ้าพากลับไปทั้งแบบนี้ก็มีความเสี่ยงที่ลูกๆเราจะติดเชื้อที่ทั้งมองเห็นและมองไม่เห็นอีกไม่รู้เท่าไหร่ แฟนเราเห็นเราร้องไห้แลยถามว่าจะเอายังไง จะพากลับไปเลยไหม อย่าใช้อารมณ์นะ ค่อยๆคิด เราทบทวนอยู่สักพักนึงแล้วตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องไปคุยกับผู้ขายก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
พอถึงที่หมายแฟนเราจอดรถ สักพักผู้ขายเดินมากับหุ้นส่วนของเค้า
แฟนเราพยายามทำใจเย็นๆอุ้มน้องขึ้นมา ชี้ให้เค้าเห็นรอยแหว่งๆ และผิวดำๆด้านๆของน้อง รวมถึงสะเก็ดที่พร้อมปล่อยละอองเรณู
ผู้ขาย: ไม่ต้องชี้ค่ะ หมอรู้ หมอทราบค่ะ หมอเห็นแล้วค่ะ แต่หมอวินิจฉัยแล้วว่าน้องกำลังจะหายแล้วค่ะ ทายา อาบน้ำอีกหน่อยก็หายแล้วค่ะ ไม่แพร่เชื้อค่ะ ดูๆๆๆสิคะ (แล้วผู้ขายก็เอานิ้วหยี้ๆ ผิวดำๆด้านๆของน้อง สะเก็ดก็ฟูขึ้นมา) เนี่ยค่ะ เค้ากำลังจะสร้างผิวใหม่แล้ว
เรา: ถ้าใกล้หายแล้ว น้องต้องผิวสีอ่อนลง กลับไปใกล้เคียงสีเดิมสิคะ
ผู้ขายทำเสียงหึ แล้วส่งสายตาประมาณว่าอินี่ไม่ฉลาด
ผู้ขาย: ก็เซลผิวน้องเค้าตายไปแล้วมัน จะเป็นสีเดิมได้ยังไงคะ อาบน้ำค่ะ เด๋วน้องก็หายค่ะ ถ้าคุณอาบน้ำน้องที่บ้านประจำอยู่แล้วก็แค่อาบตัวนี้เพิ่มอีกตัวนึงไม่ลำบากหรอกค่ะ
เราช็อกไปสามวิ แฟนเราอ้าปากค้าง
เรา: แต่กว่าน้องจะอาบน้ำใหม่ได้อีกครั้งนึง ก็อีก 7 วันนะคะ ดูจากเล่มแล้ว น้องเพิ่งฉีดยาไปเมื่อวานเอง
ผู้ขายมองหน้าเหมือนเราไม่ฉลาดแล้วทำเสียงหึในคออีกแล้ว : นี่แมวนะคะ ไม่ใช่หมา ฉีดยา 2-3 วันก็อาบน้ำได้แล้วค่ะ
แฟนเรา: แต่ระหว่างที่น้องย้ายบ้านเค้าจะภูมิตกนะครับ แล้วถ้าภูมิตกเค้าจะยิ่งป่วย สุขภาพน้องเค้าไม่ดี เชื้อราจะลามไวมากนะครับ
ผู้ขายทำหน้าเบื่อๆ ประมาณว่านี้คุณกล้าเถียงฉันเหรอ ฉันเป็นหมอนะ: คุณคะ เชื้อรานี้แทบไม่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันเลยค่ะ เกี่ยวน้อยมากๆ
บทสนทนาเริ่มจะวนลูปแล้วเราไม่อยากฟัง เสียเวลา สงสารน้องเลยตัดบท
เรา: คุณหมอคะ คือว่าเราซื้อด้วยราคาขนาดนี้แล้ว เราต้องการคุณภาพนะคะ เราห่วงสุขภาพลูกเราค่ะ เราไม่ได้คืนหรือปฏิเสธการรับน้องนะคะ แค่อยากรับน้องไปในสภาพที่สมบูรณ์กว่านี้ ถ้าเราไม่พอใจจริง ไม่รักน้อง เลือกปฏิบัติ จะรักแต่แมวสวยๆ เราขอคืนน้องไปแล้วค่ะ
ผู้ขาย: โอเคค่ะ จะให้หมอเลี้ยงน้องต่อให้ใช่ไหมคะ ได้ค่ะ แต่หมอไม่รับรองนะคะว่าถ้าจะรอให้หายแล้วค่อยรับน้องไป น้องจะเข้ากับฝูงใหม่ได้หรือเปล่า จะติดบ้าน หรือจะรักเจ้าของใหม่ไหมและมันจะเลยช่วงติดคนไปแล้ว
แล้วผู้ขายก็คว้าน้องแล้วเดินขึ้นรถไปเลย ปล่อยเรากับแฟนอึ้งๆๆๆ
คือว่าเราอยากจะบอกเค้านะคะว่าเด็กๆที่บ้านเรานิสัยดีมากทุกตัว ไม่เคยไล่เพื่อนใหม่ ไม่ดุร้าย เฟรนด์ลี่สุดๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ และตอนนี้เราเริ่มจะสงสัยแล้วว่าคุณเป็นหมอจริงหรือเปล่า เพราะในเล่มวัคซีนที่คุณให้เรามาทั้งสองตัว เป็นเล่มจากคนละคลินิคกัน ยาคนละยี่ห้อกัน สัตวแพทย์ที่เป็นคนเซ็นก็คนละคนกัน แล้วพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่คุณบอกว่านำเข้าจากยุโรป ประเทศโน้นนี้ เราก็เริ่มจะไม่เชื่อแล้วเพราะเท่าที่เราคุยกับคุณมา เราจับทางได้แล้วว่าฟาร์มของคุณเป็นเหมือนหน้าร้านให้เพื่อนพ้องญาติพี่น้องของคุณเอาแมวมาฝากขาย เพราะหลังๆคุณเริ่มโบ้ยแล้วว่าเพื่อนที่เป็นคนดูแลเค้าอาบน้ำให้ทุกวัน หมอก็เช็คแล้วว่าน้องใกล้หายแล้ว เหมือนว่าคุณเป็นแค่คนกลางเฉยๆ
ตลอดทางกลับบ้าน เรานั่งร้องไห้มาตลอด กลัวเค้าเอาน้องไปดูแลต่อไม่ดี ไม่รักษาน้องต่อ ให้น้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด เพราะเราดูแล้วรู้เลยว่าน้องต้องมาจากที่ชื้นแฉะแน่ๆ เพราะเล็บเท้าน้องเค้าแทบไม่มีขนเลย เงินเค้าก็รับจากเราไปเต็มก้อนแล้ว เค้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องคอยใส่ใจเราแล้ว TT^TT
รบกวนขอคำแนะนะด้วยนะคะว่าเราควรทำยังไงต่อไปดี สงสารน้องมาก
ขอบคุณมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อุทาหรณ์ซื้อขายแมว: เรามีสิทธิ์อะไรบ้างคะถ้าสภาพที่เจอไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้?
วันนี้มีเรื่องรบกวนปรึกษานะคะ เรากุ้มใจมากเลย อาจจะยาวหน่อยนะคะ
เรื่องของเรื่องคือ ก่อนหน้านี้ เราเคยซื้อแมวอเมริกันช็อตแฮร์จากฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้ติดตามในโซเชียลออนไลน์มากพอสมควรเนื่องจากเจ้าของเพจเป็นสัตวแพทย์ด้วยราคาที่สูงกว่าแมวที่ไม่มี CFA ทั่วไปมาก (หมื่นกลางๆ) เพราะถูกชะตากับน้องตั้งแต่แรกเห็นในเนท
นัดรับน้องตอนน้องอายุ 40 วัน ซึ่งจากประสบการณ์ของเรา เราคิดว่าน้องยังเล็กเกินไป น่าจะยังไม่หย่านมเลย แต่ทางผู้ขายยืนยันว่าเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมแล้ว เราก็โอเครับมา น้องแมวตัวแรกน่ารักมากค่ะ เข้ากับพี่ๆเจ้าถิ่นเดิมได้ดีมาก ไม่ทะเลาะกันเลย เราเลยประทับใจขอจองน้องอีกตัวนึงจากฟาร์มนี้จ่ายค่ามัดจำไปครึ่งนึงของค่าสินสอดน้องเรียบร้อย
แต่พอถึงวันที่ 5 เจ้าแมวตัวเก่าของเราก็ป่วยแบบทรุดหนักมาก มีไข้ถึง 105 เราเลยรีบหอบน้องไปส่งที่รพ.สัตว์ ในขั้นแรกคุณหมอแจ้งว่าน้องมีอาการช่องปากและทางเดินหายใจอักเสบ จึงได้ตรวจเลือดไปและพบว่าน้องเป็นหวัดแมวจากเชื้อ CaliciVirus
คุณหมอค่อนข้างจะงงมากเนื่องจากน้องแมวที่บ้านเราเลี้ยงในระบบปิดทุกตัวได้รับวัคซีนครบทุกตัว เจ้าตัวที่ป่วยก็รับไปแล้ว 2 เข็ม แต่เราก็พยายามมองโลกในแง่ดี ไม่ติดใจอะไร ก็ถือซะว่าลูกป่วยก็ค่อยๆดูแลรักษากันไป แอดมิทฝากน้องไว้ 2 วัน จนไข้ลดลงมาและเริ่มทานข้าวได้ รับยาต้านเชื้อไวรัสและฉีดยาปฏิชีวนะทุกวันติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ แยกน้องใส่กรงจากพี่ๆน้องๆของเค้า แต่น้องก็ยังไม่ดีขึ้นและเริ่มมีราขึ้นทั่วตัวเปลี่ยนยาไปแล้ว 2 ตัว คุณหมอเลยแจ้งว่าน้องน่าจะรับเชื้อเพิ่มเรื่อยๆจากที่บ้าน ต้องหาต้นเหตุให้เจอ ระหว่างนั้นแนะนำให้ฝากน้องไว้ที่โรงพยาบาลก่อนเพราะน้องภูมิตกมาก ต้องฉีดยากระตุ้นภูมิวันเว้นวัน 6 เข็ม
สุดท้าย เราเลยต้องพาแมวมี๊ 6 ชีวิตไปตรวจเลือดทั้งครอบครัวรวมถึงน้องน้องเล็กตัวใหม่ด้วย แล้วผลก็ออกมาว่ามีเจ้าสมาชิกใหม่เป็นพาหะของเชื้อตัวนี้แต่ยังไม่แสดงอาการเนื่องจากยังมีภูมิคุ้มกันที่ได้จากนมแม่อยู่ ... ต้องให้ยาต้านเชื้อไวรัสเจ้าตัวนี้ด้วย ก็รักษากันไปทั้ง 2 ตัว หมดค่าใช้จ่ายไปหมื่นกว่าบาท
ตอนนั้นเราเริ่มหวั่นใจแล้วว่าเจ้าตัวที่สองที่เราจองไว้ก็อาจจะมีเชื้อตัวนี้ด้วย แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่คนที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรและไม่อยากโทษใคร เราถือว่าเป็นบทเรียนของเรา รับน้องตัวใหม่มาเราจะรีบพาไปตรวจเลือด แยกน้องออกจากตัวอื่นๆดูอาการ ทั้งๆที่แฟนเราและคนรอบข้างอยากให้แคนเซินที่จองไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกได้บ้าง
พอถึงวันนัดรับน้อง เราไปเจอผู้ขายที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งตามที่เค้าเป็นคนเลือก เนื่องจากที่ๆเราเลือกเค้าบอกว่าจอดรถไม่สะดวก -*- ทั้งๆที่ห้างที่เค้าเลือกนี้กำลังก่อสร้างต่อเติมมากมาย รถก็ติดกว่า แถมที่จอดรถน้อยกว่า แต่เราเป็นคนขี้เกรงใจเลยทำตามที่เค้าบอก
พอถึงเวลานัดหมาย เค้านัดเจอเราที่ร้านอาหารฟาสฟูดที่มีคนเยอะมาก ได้ที่นั่งเป็นโต๊ะเดี่ยววางตระกร้าใบเดียวก็เต็มแล้ว ทั้งเราทั้งเค้าก็ยืนเก้ๆกังๆกันอยู่ เค้าบอกว่าน้องแมวหลับอยู่ อารมณ์ไม่ดี เอาใส่ตระกร้าเลยดีกว่าเด๋วตื่นคน เด๋วเครียด แล้วก็อุ้มขึ้นมาใส่บ็อกที่เราเอามาโดยที่ยังห่อผ้าขนหนูอยู่ ด้วยความที่เราคิดเองว่าเค้าคงกลัวน้องตื่นคน เค้าให้เราอุ้มทั้งผ้าขนหนูห่อไว้เหมือนเด็กอ่อน เราก็ไม่ได้แกะออก ไม่ได้เช็คอะไรมากนอกจากเปิดปากน้องดูแผลในปาก จมูกเปียก หน้าตาไม่มีขี้ตา มาร์คกิ้งใช่ตัวที่จองไว้ ประกอบกับน้องเริ่มตื่นมาโวยวาย ผู้ขายเลยเร่งให้เรารับน้องไป เราก็ใจง่ายให้เงินส่วนที่เหลือเค้าไป แล้วแยกย้าย พอเรากลับมาถึงรถ เห็นน้องหลับก็เกรงใจ (อีกแล้ว) ไม่อยากกวน ก็เอาบ็อกน้องวางบนตัก แฟนเราก็ขับรถออกเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด พอขึ้นทางด่วนได้ประมาณ 50 กม. น้องก็ตื่น แล้วค่อยๆกระดื้บออกมาจากห่อผ้า
ทันใดนั้นนั่นเอง ยิ่งกว่าเจอจูออนเป็นไหนๆ
น้องหัวแหว่งค่ะ !!!
หัวหน้าด้านหลังกระโหลก แหว่งเป็นวง มีสะเก็ดๆเหมือนเป็นรังแค หนังด้านล่างดำปี๋ จากประสบการณ์คินดะอิจิของเรา ฟันธงได้ทันที เชื้อราแน่นอน!!!
เราเรียกแฟนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา (กลัวโดนด่า): ตะเอง ลูกหัวแหว่ง
แฟนเรา (ตั้งใจขับรถ) : ลองโทรหาคุณหมอดูซิ คงซนแล้วไปโดนอะไรมามั้ง
เรากดโทรศัพท์หาผู้ขาย: เอ่อ คุณหมอคะ หัวน้องเค้าด้านหลังแหว่งเป็นวงกลมประมาณข้อนิ้วก้อยได้อ่าค่ะ น้องเป็นอะไรหรือเปล่าคะ
ผู้ขาย: อ๋อ ไม่เป็นอะไรค่ะ น้องซนค่ะ เล่นแล้วขนไปโดนประกายไฟ ก็เลยเล็มๆส่วนที่ไหม้ออกให้ค่ะ ตอนนี้ขนอ่อนเริ่มขึ้นแล้วสบายใจได้ค่ะ
เรา (โลกสวยสุดๆ): น้องจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ จะเป็นแผลเป็นไหมคะ
ผู้ขาย: อ๋อ ไม่หรอกค่ะ สบายใจได้ แล้วก็วางไป
เราก็หันไปบอกแฟน: ตะเอง คุณหมอเค้าบอกว่าน้องโดนไฟไหม้ เด๋วขนก็ขึ้นนะ
แฟนเรา: อะไรอ้ะ นี้เราซื้อแมวนะ ราคาขนาดนี้ทำไมไม่ดูแลเลย เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ไม่ได้ขอเค้ามาฟรีๆนะ ไหนเอามาดูดิ๊ มีตรงอื่นอีกหรือเปล่า
แล้วแฟนเราก็จอดรถเข้าข้างทาง เปิดบ็อคเอาน้องออกมาจากผ้าขนหนู ทันใดนั้นเอง
เรา: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แฟนเรา: เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
สภาพน้องตอนนั้น เหมือนแมวบนดวงจันทร์ มีวงกลมๆขนาดเท่าหัวแม่โป้งกระจายทั่วตัว เรียกได้ว่า เปิดตรงไหนเจอตรงนั้น ยิ่งตรงรักแร้ ต่อมน้ำเหลืองบวมเป็นก้อนๆให้คลำได้เลย ...
เด๋วมาต่อนะคะ โดนเจ้านายสบตาแล้ว แหะๆ