พระภิกษุเวลาท่านเทศน์นี่ท่านได้เตรียมตัวมาก่อนไหม ทำไมส่วนใหญ่ พูดซ้ำ วนไปมา หาแก่นสารสาระใดๆไม่ได้

กระทู้คำถาม
ไม่เชื่อลองไปฟังในยูทูปส่วนใหญ่ นี่พูดวนไปวนมา ซ้ำไปมา พูดเรื่อยเปื่อย นึกอะไรได้ก็พูด
หลักธรรมอะไรก็มีแต่เรื่องเดิมๆ บางทีมีคนถามก็ถามอย่างตอบอย่าง
แล้วก็ชอบมาโจมตีกล่าวว่าวัตถิยม แม๊ นั่งเทศน์สบายในห้องแอร์ ไม่ต้องตะเบ็งเสียงใช้ไมค์ ใช้กล้องวิดีโอถ่าย
บันทึก อัพลงเวปยูทูป ในคอมพิวเตอร์
ถ้าจะโจมตีวัตถุนิยมก็น่าจะธุดงค์อยู่ในป่าไม่ใช่ใช้ของวัตถุทันสมัยใหม่ๆแล้วยังโจมตีวัตถุนิยมอีก

คนกดไลท์นี่ก็เนาะไม่รู้ว่าได้ฟังจับใจความหรือเปล่า
หรือแค่เห็นเสียงคนแก่ๆพูดช้าๆน่านอนก็กดไลท์แล้วไม่ได้สนใจหลักธรรม

ใครไม่เชื่อไปหาคลิปพระเทศน์มาได้เลย ส่วนใหญ่เปนแบบนี้เกือบทั้งนั้น

ขอให้ คมช. ปฎิรูปการเทศนาของพระภิกษุด้วยครับ

พระภิกษุเวลาท่านเทศน์นี่ท่านได้เตรียมตัวมาก่อนไหม ทำไมส่วนใหญ่ พูดซ้ำ วนไปมา หาแก่นสารสาระใดๆไม่ได้ ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
อรรถกถา พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=34&i=1&p=1

(บางส่วน)

          ว่าด้วยสมบัติ ๓ ประเภท             
              อนึ่ง ภิกษุผู้ปฏิบัติดีแล้ว (สุปฏิปนฺโน) ในพระวินัยอาศัยสีลสัมปทา ย่อมบรรลุวิชชา ๓ ก็เพราะตรัสประเภทแห่งวิชชา ๓ เหล่านั้นนั่นแหละไว้ในพระวินัยนี้. ภิกษุผู้ปฏิบัติดีแล้วในพระสูตร อาศัยสมาธิสัมปทา ย่อมบรรลุอภิญญา ๖ ก็เพราะตรัสประเภทแห่งสมาธิเหล่านั้นนั่นแหละไว้ในพระสูตรนั้น. ภิกษุผู้ปฏิบัติดีแล้วในพระอภิธรรม อาศัยปัญญาสัมปทา ย่อมบรรลุปฏิสัมภิทา ๔ ก็เพราะตรัสประเภทแห่งปฏิสัมภิทาเหล่านั้นนั่นแหละไว้ในพระอภิธรรมนั้น. ภิกษุผู้ปฏิบัติดีแล้วในพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรมเหล่านี้ ย่อมบรรลุสมบัติอันต่างด้วยวิชชา ๓ อภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทา ๔ นี้โดยลำดับ ด้วยประการฉะนี้.

              ว่าด้วยวิบัติ ๓ ประเภท             
              อนึ่ง ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระวินัย เป็นผู้มีความสำคัญว่าไม่มีโทษในผัสสะที่มีใจครองเป็นต้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามแล้ว โดยความเสมอด้วยสัมผัสมีเครื่องลาดและเครื่องนุ่งห่ม มีสัมผัสเป็นสุขเป็นต้นที่ทรงอนุญาตแล้ว เหมือนคำที่พระอริฏฐะกล่าวว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงแล้ว โดยประการที่ธรรมทั้งหลายอันกระทำอันตรายที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วนี้ ไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้เสพอยู่ได้๑- ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นผู้ทุศีล.
              ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระสูตร ไม่รู้คำอธิบาย เหมือนในประโยคมีอาทิว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ มีปรากฏอยู่ในโลก ดังนี้ ย่อมถือเอาผิด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาตรัสไว้ว่า บุคคลมีอัตตาอันถือเอาผิด ย่อมกล่าวตู่เราด้วย ย่อมขุด (ทำลาย) ซึ่งตนด้วย และย่อมประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นมิจฉาทิฏฐิ.
              ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระอภิธรรมจะวิจารธรรมเกินไป ย่อมคิดแม้สิ่งที่ไม่ควรคิด (อจินไตย) ต่อจากนั้น ก็จะถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต สมกับพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ เหล่านี้ บุคคลไม่ควรคิด ซึ่งเมื่อคิดอยู่ ก็พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า แห่งความคับแค้น๒- ดังนี้.
              ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระไตรปิฎกนี้ ย่อมถึงความวิบัติอันต่างด้วยความเป็นผู้ทุศีล ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ และความฟุ้งซ่านแห่งจิตนี้ โดยลำดับด้วยประการฉะนี้.
              ด้วยคำมีประมาณเท่านี้ คาถาแม้นี้ก็เป็นอันข้าพเจ้ากล่าวแล้วว่า
                                  ภิกษุย่อมบรรลุประเภทแห่งปริยัติ
                        สมบัติ และแม้วิบัติอันใด ในปิฎกใด โดย
                        ประการใด พึงเจริญเนื้อความแม้นั้น
                        ทั้งหมด ด้วยประการนั้น.
              บัณฑิต ครั้นทราบปิฎกทั้งหลายโดยประการต่างๆ ด้วยอาการอย่างนี้ แล้วพึงทราบพุทธพจน์แม้ทั้งหมดที่ประมวลมาด้วยสามารถแห่งปิฎกเหล่านั้นว่า เป็นปิฎก ๓ ดังนี้.
____________________________
๑- วินย. เล่ม ๒/ข้อ ๖๖๒/หน้า ๔๓๑
๒- องฺ จตุกฺก. เล่ม ๒๑/ข้อ ๗๗/หน้า ๑๐๔.

!
!
           ภิกษุผู้ทรงอภิธรรมชื่อว่าพระธรรมกถึก             
              จริงอยู่ ได้ยินว่า ภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรมเท่านั้น ชื่อว่าพระธรรมกถึก นอกจากนี้แม้กล่าวธรรม ก็ไม่ใช่เป็นพระธรรมกถึก เพราะเหตุไร เพราะว่า ภิกษุผู้ไม่ทรงพระอภิธรรมเหล่านั้นเมื่อกล่าวธรรม ย่อมกล่าวลำดับกรรม ลำดับวิบาก กำหนดรูปอรูป ลำดับธรรมให้สับสน ส่วนภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรมย่อมไม่ให้ลำดับธรรมสับสน เพราะฉะนั้น ภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรม จะกล่าวธรรมหรือมิได้กล่าวก็ตาม แต่ในเวลาที่เธอถูกถามปัญหาแล้วก็จักกล่าวแก้ปัญหานั้นได้ พระศาสดาทรงหมายถึงคำนี้ว่า ภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรมนี้เท่านั้น ชื่อว่าเป็นพระธรรมกถึกอย่างยิ่ง ดังนี้ จึงทรงประทานสาธุการแล้วตรัสว่า โมคคัลลานะกล่าวดีแล้ว ดังนี้.

*****************************************

พระภิกษุเวลาท่านเทศน์นี่ท่านได้เตรียมตัวมาก่อนไหม ทำไมส่วนใหญ่ พูดซ้ำ วนไปมา หาแก่นสารสาระใดๆไม่ได้

ท่านคงเทศน์ไปตามความรู้สึกส่วนตัวครับ และท่านก็ไม่ใช่ พระธรรมกถึกด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่