รายการอะไรที่บอกว่า "คนรวยจะยิ่งรวย คนจน(มนุษย์เงินเดือน)จะยิ่งจน ห่างชั้นออกไปเรื่อยๆ พิรามิดตรงกลางจะคอดกิ่ว"

tag คณิตศาสตร์เพราะคิดว่าเกี่ยวกับการคำณวน

ตะกี๊ดูรายการทีวีช่องไทยPBS(ไม่แน่ใจ อาจไม่ใช่) จำไม่ได้ว่ารายการอะไร ถ้าใครรู้ช่วยบอกทีจะไปหาตอนเต็มๆมาดู
นักวิชาการออกมาบอกว่า ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้(ไม่รู้ว่าแบบไหน)

จะทำให้คนรวยจะรวยมากขึ้นเรื่อยๆๆๆ เพราะเขามีเงินเยอะ จะเอาเงินไปทำให้เงินงอก แล้วยกตัวอย่างเช่น พัฒนาอสังหา ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก คนรวยเท่านั้นที่ทำได้ หรือไปทำอื่นๆที่ทำให้เงินจาก 100 เป็น 200

ส่วนคนจน โดยเฉพาะพนักงานกินเงินเดือน ค่าแรงงาน หากไม่มีการปรับเงินเดือนแบบก้าวกระโดด มีอัตราการขึ้นเงินเดือนงั้นๆ คงที่ไปเรื่อยๆ
จะยิ่งจนลงเรื่อยๆๆๆๆ เพราะค่าใช้จ่ายจะเอาไปจ่ายคนรวย แถมอะไรก็แพงขึ้นๆทุกอย่างเงินเดือนที่ขึ้นน้อยนิดทำให้จนลงทั้งๆที่เงินเดือนก็มากขึ้น

พวกยอดปิรามิด(คนรวย) จะสูงขึ้นๆๆๆๆ จะมีกลุ่มคนนี้ไม่กี่ตระกูล แล้วก็ทิ้งห่างชนชั้นกลาง และคนจนไปเรื่อยๆ

สุดท้ายพวกคนจนก็ต้องทำงานหนัก เพื่อเอาเงินที่ได้ไปจ่ายให้คนรวยสูงขึ้นไปอีก ทิ้งห่างกันไปเรื่อยๆ

มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ????  อยากดูรายการเต็มๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
วิศวกร
20 ปีที่แล้วเงินเดือน Start 15,000 บาท
20 ปี่ผ่านไปไวเหมือนโกหก เงินเดือนยังคงที่ Start 15,000 บาท

แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว
20 ปีที่แล้วขายก๋วยเตี๋ยวชามละ 15 บาท วันละ 30 ชาม เดือนละ 13,500บาท
20 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหกชามละ 30 บาท วันละ 30 ชาม เดือนละ 27,000 บาท

วินมอไซด์รับจ้าง
20 ปีที่แล้ววิ่งวินเที่ยวละ 10 บาท วันละ 30 เที่ยว เดือนละ 9,000 บาท
20 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เที่ยวละ 20 บาท วันละ 30 เที่ยว เดือนละ 18,000

เปรียบเทียบง่ายๆ แค่สามอาชีพนี้ จะเห็นชัดๆเลยว่า ใครกันที่จนลงๆ และ จนลงทุกทีๆ ใช่แล้ว มนุษย์เงินเดือนนั่นเอง !!!!

จากประสบการณ์ตรงบอกเลย ถ้าคุณรักจะเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณต้องเป็นมนุษย์เงินเดือนพันธุพิเศษค่าตัวแพง หรือ ไม่ก็มนุษย์เงินเดือนราชการ รัฐวิสาหกิจ เท่านั้น ถึงจะอยู่ได้ ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนพันธุ์ธรรมดา บริษัทท่ั่วๆไป จะอยู่ยากขึ้นทุกวัน อุตส่าห์ลงทุนเรียนจบ ตรี จบโท จบด๊อกเตอร์ มาเสียเงิน เสียเวลา ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น แต่ปรากฎว่ารายได้ สู้ แม่ค้าก๋วยเตียว คนขับแทกซี่ พี่วินหน้าปากซอยได้แค่พอฟัดพอเหวี่ยง ก็ไม่รู้จะเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อไปทำไม

ค้าขาย เท่านั้นครับ !! ด้วยค่าแรงที่ถูกกดให้คงที แต่ราคาสินค้าไม่เคยคงที่ มนุษย์พ่อค้าแม่ค้าเท่านั้นถึงจะมีกะตังค์ จงอย่าแปลกใจที่ทำไม บัณฑิต จบสูงๆ หลายคนผันตัวไปเป็น พ่อค้าขายน้ำปั่น แม่ค้าขายขนมจีบ ซาลาเปา เปิดร้านขายข้าวขาหมู ฯลฯ เพราะด้วยแนวโน้มทางรายได้ที่มาเช่นนี้ การค้าขาย หาเงินได้มาก และ ง่ายกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนเยอะมาก  หากไม่มีการปรับสมดุลใหม่ คิดว่าแรงงานในระบบจะออกไปประกอบอาชีพอิสระกันมากขึ้นๆ และ มากขึ้น จนกระทบกับธุรกิจที่ต้องการแรงงานมีฝีมือ และ สมอง แล้วขอโทษ ส่วนมากพวกที่ออกๆ ไปทำธุรกิจเล็กๆของตัวเองนั้น ล้วนเป็นพวก มีฝีมือ และ สมองเสียด้วยซิ !!!

ด้วยค่าตอบแทนที่ต่างกันมากในลักษณะ ใช้ความรู้น้อยกว่า ปวดหัวน้อยกว่า ความรับผิดชอบน้อยกว่า กดดันน้อยกว่า แต่ได้เงินมากกว่า เป็นอิสระกว่า อย่างงี้มีด้วยเหรอ  ขอยกตัวอย่าง

วิศวกรน้อย สถาปนิกหนุ่ม ที่ออกไปทำรับเหมา และ สร้างบ้านเอง  สร้างบ้าน ซ่อมบ้าน ตกแต่งบ้าน รีโนเวทบ้าน งานเล็กๆ องค์ความรู้ไม่ซับซ้อน ทำได้เรื่อยๆ ถ้าทำได้การจะมีเงิน 20-30 ล้านไม่ใช่เรื่องเกินฝัน

วิศวะกรใหญ่  อยู่บริษัท มหาชน สร้างตึก ออกแบบตึก สร้างสนามกีฬาขนาดยักษ์ สร้างทางด่วน ฯลฯ  ใช้องค์ความรู้เยอะ ปวดหัวเยอะ ความรับผิดชอบเยอะ กดดันเยอะ แต่ขอโทษ รายรับรวมๆ น้อยกว่าวิศวกรน้อยที่ไปรับจ้างสร้างบ้านซะงั้น

มันก็อิหรอบเดียวกันกับพ่อค้าขายน้ำปั่น กะ พนักงานบัญชี  ออกแนวๆนี้หมด

อาชีพอิสระ ธุรกิจส่วนตัว จึงเป็นเทรนด์ของคนยุคนี้ เพื่อปรับสมดุลค่าแรง ถ้าคนหันหลังให้ระบบมากๆ ออกไปทำเองกันหมด หากระบบต้องการดึงคนไว้ ก็ตอ้งเพิ่มค่าแรงขึ้นเพื่อจูงใจในที่สุด

ก็ชักเย่อ กันไปครับว่าเทรนด์จะไปทางไหน แต่อย่างหนึ่งที่บอกได้เลยคือค่าแรงเมืองไทย เป็นอะไรที่กดสุดๆ ละ แต่จะโทษใครดี ขนาดเขาจะขอขึ้นให้ 300 15,000 ยังออกมาต้านเลย แล้วไอ้พวกที่ต้านน่ะ ขอโทษ ก็มนุษย์เงินเดือนชนชั้นกลางที่ว่าแหละส่วนใหญ่  พวกยอดปิรามิดจริงๆ ขึ้นมาแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงซักเส้นหรอก คนชนชั้นนั้นในเมืองไทย แทบจะผูกขาดลอยตัวอยู่เหนือสรรพสิ่งอยู่แล้ว
ความคิดเห็นที่ 12
ก็จริงนะ capitalism ออกแบบมาให้ยอดปิรามิดรวยแบบบัดซบ นอนเฉยๆก็ยังรวย

ดูตัวอย่างนี้ก็ได้

เพื่อนเงินเดือน 70K ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อบริษัท แต่เงินไม่เหลือเก็บเพราะเอาไปซื้อบ้านอยู่เอง เปลี่ยนรถแล้ว 3คันในรอบ10ปีนี้ ยิ่งทำงานหนักยิ่งเครียด ยิ่งใช้เงินเป็นเบี้ยเมื่อมีโอกาส การเงินการลงทุนอะไรไม่เคยรู้จักนอกจาก LTF  

ตัวผมไปนอก10ปี ไม่ซื้อรถซื้อบ้าน ซื้อแต่หุ้น ตอนนี้นอนรับปันผลปีละ 9แสน ไม่มีงานทำตอนนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเดินทาง 9แสนก็ยังเหลือเก็บปีละ 6-7แสน ชิวๆ อัตราการเก็บเงินขณะนี้ที่นอนเฉยๆเก็บได้มากกว่า 85% มนุษย์เงินเดือนในกทม. ที่จบป.ตรีและป.โท ที่ทำงานสัปดาห์ละ6วัน แต่เบื่อๆแล้วว่าจะเริ่มทำติวเตอร์วันเสาร์อาทิตย์ 9แสนจะได้เก็บเต็มๆหรือเพิ่มมากกว่านั้น นี่แค่คนง่อยๆแบบผม ที่บังเอิญหลุดจากวงจรหนูถีบจักรในเมืองไทยตั้งแต่ 10ปีที่แล้ว ยังทำได้เท่านี้

ไม่อยากนึกถึงพวก 0.1% ตัวจริง ธุรกิจกำไรปีละ 1000ล้าน ราคาสินทรัพย์เพิ่มปีละ 2000ล้าน เทียบแล้วคนจนหมื่นคนยังทำเงินได้ไม่เท่า Elite คนเดียว

ระบบทาสสมัยใหม่ เล่นเกมการเงินไม่เป็น ทำธุรกิจไม่เป็น ขยันให้ตายได้แค่พออยู่รอดไปวันๆครับ
ความคิดเห็นที่ 8
โหวตครับ อยากดูรายการเต็ม ๆ เหมือนกัน

ผมไม่หวังอะไรกับประเทศนี้แล้ว โครงสร้างภาษีต่าง ๆ ล้วนเอื้อผลประโยชน์ให้คนรวยทั้งสิ้น

ยกตัวอย่าง ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ที่จัดการไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ฉุดการพัฒนาอสังหา และดันราคาที่ดินให้สูงกว่าความเป็นจริง

ภาษีนิติบุคคล เพิ่งปรับลดลงไปเหลือเพียง 20% คงที่ ในขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุดถึง 35% และเป็นแบบขั้นบันได

เพราะฉะนั้นบอกเลย พวกมนุษย์เงินเดือน พวกนี้ไม่มีวันโงหัวขึ้น ยิ่งเงินเดือนสูงภาษี บคธ. จะตามคุณไป รวมถึงภาษีสังคมก็ยิ่งทวีคูณ

ถ้าไปดูประเทศต่าง ๆ ที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ภาษีพวกนี้เค้ามีความเป็นธรรมในสังคมมาก คนจน คนรวย ไม่ต่างกันมาก

ผิดกับที่ประเทศสารขัณฑ์ คนรวยยิ่งรวย ขยันสะสมทรัพย์ ติดอันดับเศรษฐีโลก คนจนยิ่งจน จนคนจนใกล้จะหมดประเทศแล้ว เพราะตายหมด


ปล.ข่าวล่าสุดวันนี้ ทาง คสช.กำลังเล็งปฏิรูปภาษีทั้งระบบแล้วคับ ถ้าทำให้เกิดความเป็นธรรมได้จริงจะขอบคุณมาก
ความคิดเห็นที่ 28
ถ้าคุณไปดูสารคดีฝั่งทุนนิยมในสหรัฐ

เค้าจะบอกข้อโต้แย้ง

1. จากสถิติพบว่าถึงแม้ช่องว่างจะเพิ่มขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้วตัวคนรวยมีการเปลี่ยนมือตลอดเวลา ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คนรวยที่กลับกลายเป็นจนก็เยอะ คนจนที่กลับกลายเป็นรวยมากก็เยอะครับ ช่องว่างอาจห่างขึ้น แต่ไม่มีหลักฐานอะไรเลยชี้ว่าคนที่เคยจนจะจนลง คนที่เคยรวยจะรวยขึ้น ตรงข้ามคนที่เคยจนไปเป็นรวยกับรวยไปเป็นจนก็เยอะ ลองนึกถึง Suckerberg, Larry Page ก็ได้ครับ คือพวกนี้รวยมากและถ่างจากคนจนมากก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าเค้าไปถึงจุดนี้โดยการมีทุนแต่แรก

2. ถึงแม้ช่องว่างจะเยอะขึ้นแต่ "คุณภาพชีวิต" ของคนจนก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือถ้าลองเทียบก่อนมีทุนนิยม เพียง 5% เท่านั้นในอเมริกาที่มีคนอาศัยอยู่โดยไม่มีแอร์ และมีอีกจำนวนมากมายที่มีปัญหาเรื่องอดอยาก ปัจจุบันจำนวนคนอดอยากแทบจะหมดไปจากอเมริกา และมีเพียง 10% เท่านั้นที่อยู่ในห้องที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ

ในขณะที่คนรวยเองอาจจะแบบโคตรเวอร์คือมีลีมูซีน มีอะไรหรูหราฟุ่มเฟือย แต่ถ้าคนจนไม่ขี้อิจฉาแล้วมองในมุมตัวเอง ก็จะพบว่ามาตรฐานชี้วิตดีขึ้นอย่างรวดเร็วมากตั้งแต่เกิดทุนนิยม ดังนั้นก็ต้องถามว่าอยากอยู่ในโลกแบบไหน โลกที่ทุกคนอดอยากอย่างเท่าเทียมกันหมดทุกคน ต่างคนต่างนั่งช่วยกันเก็บผลหมากรากไม้ประทังชีวิต หรือโลกที่คุณเองก็ไม่อดอยากมีข้าวกินมีที่อยู่มีหมอครบถ้วนดี แต่ต้องนั่งดูคนรวยนั่งรถลิมูซีนรถสปอร์ตตราปริบๆ

ผมขออยู่ในโลกแบบหลังครับ
ความคิดเห็นที่ 15
มนุษย์เงินเดือน
ถูกสอนเรื่องความมั่นคงของการมีงานทำ และกลัวว่าถ้าตกงานจะไม่มีเงินใช้
ดังนั้นการที่จะให้คนพวกนี้ทำงานให้ โดยไม่หนีไปไหนก็คือ "ให้เงินเดือนแค่พอใช้"

เมื่อ โลกเปลี่ยนไป ของแพงขึ้น มีสิ่งยั่วใจให้ซื้อมากขึ้น มนุษย์พวกนี้ก็เป็นหนี้
เมื่อเป็นหนี้แล้ว ก็เหมือนกับบ่วง คล้องไม่ให้ออกจากวงจร มนุษย์เงินเดือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่