อาทิตย์อับแสง (บทที่ 34)
ก็ภูเก็ตบอกไม่ใช่หรือว่าจะแวะมาเพื่อเอาชุดนอนที่ยุวดีใส่ไปมาคืนเธอ
แล้วยัง…เกษราหันไปทางแกรนด์เปียโนสีดำ มองเน็คไทสีเข้มเส้นงามทำจากไหมเนื้อดีที่เขาลืมไว้ในเมื่อเกือบอาทิตย์ก่อน หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองพยายามจะจำ หรือจะลบภาพความทรงจำเกี่ยวกับเขากันแน่
เมื่อก่อน…ให้เคยห่างเหินเพราะความแปลกหน้า แต่เมื่อใกล้ชิด ก็ยังเหินห่าง…เหมือนคนแปลกหน้าอยู่ดี
ภูเก็ต…ด้วยสันดานผู้ชายเจ้าชู้ และเธอเองก็ไม่ไว้วางใจผู้ชายที่มากรักร้อยเล่ห์ มากผู้หญิงเช่นเขา เธอเพียรระวังตัว ระวังใจเสมอเวลาที่อยู่กับเขา หรือเวลาที่คิดถึงเขา และยิ่งการกระทำของเขาหลังจาก…คืนนั้น แม้ว่าเขาเคยสารภาพว่า
'แต่ผมคิดจะรักคุณนะหนูปีบ’
คารมลมปาก พลิกลิ้น รอยยิ้มเป็นประกายที่ไม่ต่างจากแววตา…นายธนาคารรูปงามช่างถนัดนัก
ทำให้แม้แต่กระทั่งยายจ๋าผู้หลงๆ ลืมๆ ยังต้องจดจำ
ทำให้ป้าลิยอมรับได้สนิทใจนัก
และแม้แต่เธอเอง…กายก็เผลอหลงไปกับเขาในคืนนั้นหลังจากที่…ใจ…ไม่รู้ชัดนักว่าล่องลอยหายไปตั้งแต่เมื่อไร
เกษราลุกขึ้นเดินไปที่แกรนด์เปียโน บรรจงแตะนิ้วเบาๆ ไล่ตามเนื้อผ้าของเน็คไทของราคาแพง
เจ้าของเน็คไท…รสนิยมดี เหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นว่าที่ลูกเขยเจ้าของธนาคาร ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน
เขารักผู้หญิงคนนั้น
รักแล้วก็รักหมดหัวใจ ไม่เหลือที่ให้ใครคนอื่นอีกเลย
คนอื่นที่เข้ามาก็แค่…คั่นเวลา ระหว่างรอให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมา
เสียงกดออดรัวห้าหกทีทำให้เกษราสะดุ้งตื่นจากภวังค์ของห้วงความคิด สาวเท้าฉับไปที่บริเวณหน้าประตูห้องพักของคอนโดใหญ่ทันที
อีตาภูเก็ต…ลองของ เพราะเธอบอกเขาไปแล้วนี่ว่า…ยุ่ง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า…เธอจะไม่อยู่ที่ห้องไม่ใช่หรือ
มือเรียวเล็กแตะบนที่จับเปิดประตูอย่างชั่งใจ ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจมองผ่านตาแมวเพื่อให้มั่นใจ
เขา…ยืนนิ่งตัวตรง ไม่ขยับแม้เพื่อจะกดออดเรียกอีกครั้ง
สายตาของเขาจับมั่นไม่ไหวติ่ง มองเขม็งที่ตาแมวราวรู้ว่าเธอกำลังแอบมองอยู่ และนั่นทำให้เกษราสะดุ้งผงะออกห่างจากประตู เกรงว่าเขาจะ…รู้จริงๆ
หัวใจที่เต้นแรงอาจเป็นเพราะหนึ่งในร้อยเหตุผลที่วนเวียนอยู่ในความคิด เพียงแต่ว่าทุกเหตุผลและทุกความคิดมีภูเก็ตอยู่เสมอ และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงเดินกลับมาที่ประตูหน้าห้องอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกๆ แล้วเปิดประตู
เพียงแต่ว่า ณ บัดนี้ หน้าห้องมีเพียงความว่างเปล่า ไม่ต่างจากปลายทางเดินที่อยู่สุดกำแพงอีกด้านที่เงียบสนิทไม่มีผู้ใด เมื่อนั้นเธอจึงถอยหลังกลับเข้ามาด้านใน ปิดประตูเบาๆ
เบา…พอกับการเต้นของหัวใจในเวลานี้
“แค่นี้ก็รอไม่ได้” เธอนึกค่อน…ไม่ได้โกรธ แต่พาลเพราะความคิด “ทีกับยัยระรินน่ะรอได้เป็นปีๆ”
ร่างระหงเดินมาหลังเปียโนสีดำตัวใหญ่ คว้าเน็คไทเส้นสวยของเขามากำแน่นไม่สนใจว่ามันจะมีรอยยับเพราะแรงอารมณ์หาเรื่องที่พุ่งขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
เหตุ…มี
ผล…ก็มี
และล้วนเป็นสิ่งที่เกษราไม่อยากจะยอมรับเลย…เรารักเขา
รัก…เพราะความรู้สึกแบบนี้บ่งบอก
รัก…เพราะความกระวนกระวายในใจกระตุกเตือน
รัก…เพราะความคิดถึงที่ประจักษ์ชัดทุกวินาที
แล้วยังการกระตุกเบาๆ ราวสะกิดเตือนที่หัวใจของเธอย้ำอยู่เสมอมาหลายเดือนแล้ว แต่เป็นเพราะเธอไม่อยากจะยอมรับ เพราะนางเอกเบอร์หนึ่งอย่างเกษราที่มีผู้ชายเข้ามามากมาย ทำไมต้อง…รัก นายธนาคารที่มีแต่เรื่องฉาว
คนที่มีผู้หญิงหลายคนแวะเวียนเข้ามาไม่วายเว้น
ผู้ชายที่ไม่มีหัวใจและความรักให้ใครอื่นนอกจาก…ระริน
ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาก็เพียงผลประโยชน์และความต้องการ…ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น…ทำไมต้อง อีตาภูเก็ต!
เสียงกดออดที่รัวขึ้นอีกครั้งทำให้หญิงสาววิ่งพรวดไปหน้าประตูห้องทันที พยายามเก็บอาการกระหืดกระหอบ เพียรทำใจให้สงบ และเมื่อแน่ใจแล้วก็กระชากเปิดโดยไม่จำเป็นต้องดูผ่านตาแมวว่า…ใคร
เพียงแต่…ใคร กลับไม่ใช่คนที่เธอคิดว่าควรเป็น หญิงสาวชะงักเบิ่งตาโตมองอย่างพิศวง
นายธนาคารที่ในสูทเนื้อดีอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว...ไม่ใช่ภูเก็ต
แววตาวาววับน่ากลัวไม่ต่างจากดวงหน้าบึ้งตึง ไม่มีเคล้าความอ่อนโยน รื่นรมณ์ดังเช่นผู้ชายอีกคน
“มาที่นี่ได้ยังไง มาทำไม” เสียงกระชากไม่มีความเป็นมิตร แววตาหวาดระแวงพยายามมองไปด้านหลังของผู้มาเยือนเผื่อว่าอาจจะมีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น
ทว่า…ไม่มี เมื่อนั้นเกษราจึงค่อยๆ ดันประตูบานใหญ่ที่เปิดออกกว้างให้แคบลง ก่อนจะถามอย่างหวั่นๆ “ใครให้ขึ้นมา”
“ทำไม…หรือมาไม่ได้ หรือต้องเป็นไอ้หมอนั่นเท่านั้นถึงจะมาได้” แววโกรธเคลือบความอิจฉาริษยาชัดเจน มือของเขาตะปบบนบานประตูผลักอย่างแรง ไม่สนใจร่างของหญิงสาวที่เซถลาไปข้างหลังจนเกือบล้ม
“ออกไป!” นัยน์ตาเรืองวับด้วยความโกรธจัด พร้อมร่างที่ปรี่เข้าไปพยายามจะปิดประตูใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะณัฐก้าวเข้ามาภายในห้อง ยืนบังราวกำแพงหนาขวางทางเข้าออก
เขาใช้มือดันร่างของหญิงสาวให้ถลาเข้าไปข้างใน ก่อนจะเดินตามเข้ามา ไม่สนใจบานประตูที่ค่อยๆ ปิดลง ร่างในสูทสีเข้มค่อยๆ เยื้องกราย ราวเสือร้ายจ้องตะคุบเหยื่อ เสียงเกรี้ยวกราดแผดดังลั่น
“คุณยอมเป็นข่าวกับผม ชวนผมไปบ้าน ไปโน่นไปนี่ ผมคิด…คิดว่าคุณมีใจ จริงใจ แต่ทำไม…ทำไม!”
“ฉันไม่ได้ยอมเป็นข่าว แต่คนมันลือกันไปเอง” เกษราค่อยๆ ถอยร่นไปด้านหลัง พยายามอยู่ให้ห่างอีกฝ่ายให้มากที่สุด “และที่ชวนไปบ้านก็ให้คุณไปอย่างเพื่อน แต่คุณล้ำเส้น!”
“ข้ออ้าง

!” เสียงห้วนปัดภายใต้ไรกรามที่ขบแน่น “ทีไอ้นั่นไปได้ คุณไม่ไล่ แต่กับผม…ไล่อย่างกับหมูกับหมา เห็นผมเป็นอะไร ทำไมมันมีดีกว่าตรงไหน หลงมัน ช่วยมัน ช่วยขนาดจะเอาผมเข้าคุก”
“ภูเก็ตไม่ผิด” เกษราตวาดขึ้นบ้าง มือกำแน่นพร้อมสวนกลับทุกเมื่อ แต่ร่างเล็กก็ยังค่อยๆ ถอยเข้ามาด้านใน พยายามคิดหาทางออก
อย่างมากก็เข้าห้องใดห้องหนึ่งล็อคกลอนถ่วงเวลา แล้วค่อยโทรฯ ให้พีทซี่หรือเบลล์ด้านล่างขึ้นมาช่วย
แต่ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องห่างจากคนจิตวิปริตให้มากที่สุด
ใช่…ณัฐไม่ปรกติ ก็ดูแววตานั่นสิ แล้วยังสีหน้าท่าทาง สะบัดหัวไปมา ริมฝีปากสั่นลั่กๆ ไม่ต่างจากมือที่ชูขึ้น
“บ้า! หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น หลงรูปมัน หลง…หลง…ทำไม ทำไม!” เสียงสั่นไหวๆ โกรธแค้นนั่นยังไม่เท่าไร แต่ปลายเสียงที่จับเวลาตะคอก ไม่ต่างจากเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
ผู้ชายที่จิตใจปรกติ แม้จะอยู่ภายใต้อารมณ์โกรธ…ไม่ทำกัน
และแม้แต่คนเมา…อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนเมาที่เธอเคยได้เห็น ก็ไม่ทำกัน
เกษราเสียวสันหลังวาบ ไม่ควรเลยที่ปล่อยให้คนบ้าเช่นนี้เข้าถึงตัว ถ้าตอนนั้นเธอฟังภูเก็ตและพีทซี่…ถ้า…
“คุณออกไปได้แล้ว” เธอพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่น สะกดความหวาดกลัวไว้ข้างใน หากร่างเล็กก็ยังคงถอยเข้ามาจนหลังชนกับขอบเปียโนใหญ่ “เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปขอเอกสารคืนจากแอลทัส”
“

! โกหก!” ณัฐตวาดสาดคำใส่หน้าอีกฝ่าย ริมฝีปากเหยียดจนคนที่ได้เห็นรู้สึกขยะแขยง แล้วจะสายตาของเขาที่กวาดมองไปทั่วร่างของดาราสาวที่อยู่ในชุดลำลองแม้จะคุมมิดชิด แต่ก็ทำจากผ้าเนื้อบางนักรัดพอให้เห็นเรือนร่างชัดเจน “ทำไม…ทำไมนะเกด ผมมีอะไรที่ด้อยกว่ามัน เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ หน้าที่การงาน เงิน…ผมมีมากกว่ามัน ไอ้นั่น…ผู้ดีตกอับ แม้แต่ญาติยังเกลียดมัน ยังจะเอาเรื่องมัน คนแบบนั้น…จอมปลอม”
เสียงสูงต่ำไล่ตามอารมณ์ของเขาที่ไม่คงที่ แล้วยังการเปล่งหัวเราะเบาๆ ในท้ายประโยค แต่เกษราไม่โต้ตอบ เธอเลือกที่จะนิ่ง รอโอกาสวิ่งหลบเข้าไปข้างในเพียงแต่เวลานี้ยังไม่มีจังหวะ เธอได้แต่ปล่อยให้เขาพร่ำเพ้อโวยวายต่อไป
“มันมีอะไรดีนักเหรอ มันมีแต่เปลือก จอมปลอม ไม่จริงใจ เห็นแก่ตัว คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น คนแบบนี้เหรอที่ทุกคนหลงจนโงหัวไม่ขึ้น!” สายตาที่มองมีแววน้อยเนื้อต่ำใจบางอย่าง หากก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น เพราะพลันนัยน์ตาวาววับเกรี้ยวกราดดังไฟที่ลุกพรึบเมื่อเขาเหลือบไปเห็นเน็คไทเส้นสวยที่วางอยู่บนแกรนด์เปียโนสีดำ
เจ้าของ…ก็คงเป็นไอ้หมอนั่น
และที่เมื่อครู่เกษรารีบเปิดประตูก็คงคิดว่าเขาเป็นไอ้ภูเก็ต!
เธอรอ…มัน
ใจก็คงมีแต่มัน แล้วเขาล่ะ…ที่ผ่านมา…เขาเทียบมันไม่ได้เชียวหรือ
ให้ผ่านมากี่ปี เขาก็ยังเทียบมันไม่ได้เลย
“ทำไม!”
เสียงกรีดร้องราวเจ็บปวดทำให้เกษราสะดุ้ง ตัดสินใจหันหนีอย่างที่วาดวางแผนไว้ เพียงแต่ไม่ทัน ช้าไปเพียงเศษเสี้ยววินาทีเพราะมือใหญ่คว้าแขนของเธอ แล้วกระชากกลับมาจนร่างของเธอแนบชิดกับเขา
หญิงสาวรู้สึกเจ็บเพราะแรงเขย่า แต่นั่นไม่เท่ากับความหวาดกลัวที่พุ่งขึ้นในใจเมื่อเห็นสีหน้าและรอยยิ้มสะใจกึ่งโกรธแค้นของเขาที่ปรากฏคละเคล้ากับรอยหยามหยัน สลับกับสันกรามที่ขบแน่น
สัญชาตญาณกำลังบอกว่าเธอตกอยู่ในอันตราย และนั่นทำให้หญิงสาวดิ้นหนัก พลางตวัดกำปั้นของมืออีกข้างเข้าเต็มหน้าเขา พร้อมกับหัวเข่าที่ยันตรงเป้ากางเกงของชายหนุ่มอย่างแรง
การตอบโต้ของผู้หญิงตัวเล็กทำให้ณัฐผงะ ก้มลงด้วยความเจ็บปวด เปิดโอกาสให้หญิงสาววิ่งถอยร่นออกมา หากก็เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเพราะเขาไล่หลังตามมาเกือบทันที
“ฤทธิ์เยอะนัก…” เสียงเน้นหนักรัวหัวเราะกระซิบข้างหู เมื่อคว้าร่างเล็กนั้นไว้ได้อีกครั้ง “ดิ้นได้ดิ้นไป”
อ้อมแขนของเขากระชับร่างที่ดิ้นยั้วเยี้ยบิดตัวไปมาราวรังเกียจเขายิ่งนัก
“ทีกับมันดิ้นยั่วอย่างนี้หรือเปล่า”
“ฉันเต็มใจ เพราะฉันรักเขา” เกษราไม่คิดว่านี่เป็นการยั่วยวนกวนโมโหอีกฝ่าย เพราะมันคือความจริง “รัก…เป็นสิ่งที่คนบ้าโรคจิตอย่างแกไม่มีวันเข้าใจ”
และณัฐก็คงไม่เข้าใจ เสียงที่เขาร้องโอดโอยลั่นยาวแสดงเช่นนั้น
“ทำไมเกด” อีกแล้วที่เขาถาม…ทำไม “ผมรักเกด รักมาก รักอย่างที่มันไม่สามารถรักเกดได้ อย่างที่มันไม่สามารถรักใครได้นอกจากตัวมันเอง” ชายหนุ่มรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด ระดมจูบไปทั่วใบหน้านวล รับรู้ถึงกรุ่นกลิ่นของร่างกาย ความรู้สึกของเขาจุดขึ้น เสียงที่บอกสั่นไหวด้วยอารมณ์ “ผมจะทำให้เกดลืมมัน จะได้รู้ว่าคนที่รักเกดจริงๆ น่ะคือใคร”
เขาไม่สนใจอาการดิ้นรนอย่างรังเกียจ เพราะยิ่งดิ้น อ้อมกอดของเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น พลางดันร่างเล็กถลาลงไปนอนราบบนโซฟายาวที่อยู่ไม่ไกล และอาการขัดขืนอย่างหนักของหญิงสาว ทั้งมือไม้แขนขาที่ต่อสู้สุดฤทธิ์และเสียงที่ร้องลั่น จุดประกายให้ความรู้สึกของเขาลุกโชติ การขัดขืนทำให้คึกคะนอง สนุก เร้าใจ แต่ก็สร้างความรำคาญ เพียงเพราะเริ่มรู้สึกขัดใจ และในห้วงอารมณ์ทำให้ณัฐกำหมัดตุ๊ยท้องแบนเรียบด้วยผิวบาง จนหญิงสาวร้องครางเพราะความเจ็บปวด
“ใครจะช่วย…” ณัฐหัวเราะเยาะเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ล้วนไร้สาระ
สายตาของเขากวาดมองใบหน้าของเธอ ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำกับเรืองร่างราวแพรนุ่มเนื้อดีที่อยู่ในอุ้งมือ
นานแล้ว…ที่ไม่มีใครให้ความรู้สึกเช่นนี้
โสเภณีหรือผู้หญิงไร้ค่าคนไหน แม้แต่อัญชลีก็ไม่เคยทำให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกเติมเต็มสาสมใจในความต้องการของเขา เรือนร่างอรชรกรุ่นกลิ่นอ่อนหวานเย้ายวน จนใจอยากทนุถนอม ไปพร้อมกับการรุกล้ำด้วยอารมณ์
ความรู้สึกทั้งหลายสลับไปมา ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง พร้อมๆ กับลมหายใจที่สูดดมกินหอมจากเรือนผม จรดเรืองร่างของดาราสาว
เขาไม่สนหรอกว่าเกษราเคยเป็นของภูเก็ต
เขาสะใจเพียงแค่ว่า ถ้าเกษราเป็นของเขาแล้ว ไม่ว่าภูเก็ตหรือใครคนอื่นก็ไร้ความหมาย
“เดี๋ยวก็จะรู้ว่าผมมีดีกว่าไอ้ภูเก็ตมากแค่ไหน…” รอยยิ้มเยียดเยาะสะใจล้นพ้น มือรวบรัดข้อมือของอีกฝ่ายแน่น พอๆ กับร่างทั้งร่างที่กดทับลงหนัก ตรึงอีกฝ่ายไม่ให้ขยับ “ไม่แน่ เกดอาจจะไม่ต้องการมันอีกเลยก็ได้”
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 34) โดย มานัส
ก็ภูเก็ตบอกไม่ใช่หรือว่าจะแวะมาเพื่อเอาชุดนอนที่ยุวดีใส่ไปมาคืนเธอ
แล้วยัง…เกษราหันไปทางแกรนด์เปียโนสีดำ มองเน็คไทสีเข้มเส้นงามทำจากไหมเนื้อดีที่เขาลืมไว้ในเมื่อเกือบอาทิตย์ก่อน หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองพยายามจะจำ หรือจะลบภาพความทรงจำเกี่ยวกับเขากันแน่
เมื่อก่อน…ให้เคยห่างเหินเพราะความแปลกหน้า แต่เมื่อใกล้ชิด ก็ยังเหินห่าง…เหมือนคนแปลกหน้าอยู่ดี
ภูเก็ต…ด้วยสันดานผู้ชายเจ้าชู้ และเธอเองก็ไม่ไว้วางใจผู้ชายที่มากรักร้อยเล่ห์ มากผู้หญิงเช่นเขา เธอเพียรระวังตัว ระวังใจเสมอเวลาที่อยู่กับเขา หรือเวลาที่คิดถึงเขา และยิ่งการกระทำของเขาหลังจาก…คืนนั้น แม้ว่าเขาเคยสารภาพว่า
'แต่ผมคิดจะรักคุณนะหนูปีบ’
คารมลมปาก พลิกลิ้น รอยยิ้มเป็นประกายที่ไม่ต่างจากแววตา…นายธนาคารรูปงามช่างถนัดนัก
ทำให้แม้แต่กระทั่งยายจ๋าผู้หลงๆ ลืมๆ ยังต้องจดจำ
ทำให้ป้าลิยอมรับได้สนิทใจนัก
และแม้แต่เธอเอง…กายก็เผลอหลงไปกับเขาในคืนนั้นหลังจากที่…ใจ…ไม่รู้ชัดนักว่าล่องลอยหายไปตั้งแต่เมื่อไร
เกษราลุกขึ้นเดินไปที่แกรนด์เปียโน บรรจงแตะนิ้วเบาๆ ไล่ตามเนื้อผ้าของเน็คไทของราคาแพง
เจ้าของเน็คไท…รสนิยมดี เหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นว่าที่ลูกเขยเจ้าของธนาคาร ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน
เขารักผู้หญิงคนนั้น
รักแล้วก็รักหมดหัวใจ ไม่เหลือที่ให้ใครคนอื่นอีกเลย
คนอื่นที่เข้ามาก็แค่…คั่นเวลา ระหว่างรอให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมา
เสียงกดออดรัวห้าหกทีทำให้เกษราสะดุ้งตื่นจากภวังค์ของห้วงความคิด สาวเท้าฉับไปที่บริเวณหน้าประตูห้องพักของคอนโดใหญ่ทันที
อีตาภูเก็ต…ลองของ เพราะเธอบอกเขาไปแล้วนี่ว่า…ยุ่ง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า…เธอจะไม่อยู่ที่ห้องไม่ใช่หรือ
มือเรียวเล็กแตะบนที่จับเปิดประตูอย่างชั่งใจ ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจมองผ่านตาแมวเพื่อให้มั่นใจ
เขา…ยืนนิ่งตัวตรง ไม่ขยับแม้เพื่อจะกดออดเรียกอีกครั้ง
สายตาของเขาจับมั่นไม่ไหวติ่ง มองเขม็งที่ตาแมวราวรู้ว่าเธอกำลังแอบมองอยู่ และนั่นทำให้เกษราสะดุ้งผงะออกห่างจากประตู เกรงว่าเขาจะ…รู้จริงๆ
หัวใจที่เต้นแรงอาจเป็นเพราะหนึ่งในร้อยเหตุผลที่วนเวียนอยู่ในความคิด เพียงแต่ว่าทุกเหตุผลและทุกความคิดมีภูเก็ตอยู่เสมอ และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงเดินกลับมาที่ประตูหน้าห้องอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกๆ แล้วเปิดประตู
เพียงแต่ว่า ณ บัดนี้ หน้าห้องมีเพียงความว่างเปล่า ไม่ต่างจากปลายทางเดินที่อยู่สุดกำแพงอีกด้านที่เงียบสนิทไม่มีผู้ใด เมื่อนั้นเธอจึงถอยหลังกลับเข้ามาด้านใน ปิดประตูเบาๆ
เบา…พอกับการเต้นของหัวใจในเวลานี้
“แค่นี้ก็รอไม่ได้” เธอนึกค่อน…ไม่ได้โกรธ แต่พาลเพราะความคิด “ทีกับยัยระรินน่ะรอได้เป็นปีๆ”
ร่างระหงเดินมาหลังเปียโนสีดำตัวใหญ่ คว้าเน็คไทเส้นสวยของเขามากำแน่นไม่สนใจว่ามันจะมีรอยยับเพราะแรงอารมณ์หาเรื่องที่พุ่งขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
เหตุ…มี
ผล…ก็มี
และล้วนเป็นสิ่งที่เกษราไม่อยากจะยอมรับเลย…เรารักเขา
รัก…เพราะความรู้สึกแบบนี้บ่งบอก
รัก…เพราะความกระวนกระวายในใจกระตุกเตือน
รัก…เพราะความคิดถึงที่ประจักษ์ชัดทุกวินาที
แล้วยังการกระตุกเบาๆ ราวสะกิดเตือนที่หัวใจของเธอย้ำอยู่เสมอมาหลายเดือนแล้ว แต่เป็นเพราะเธอไม่อยากจะยอมรับ เพราะนางเอกเบอร์หนึ่งอย่างเกษราที่มีผู้ชายเข้ามามากมาย ทำไมต้อง…รัก นายธนาคารที่มีแต่เรื่องฉาว
คนที่มีผู้หญิงหลายคนแวะเวียนเข้ามาไม่วายเว้น
ผู้ชายที่ไม่มีหัวใจและความรักให้ใครอื่นนอกจาก…ระริน
ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาก็เพียงผลประโยชน์และความต้องการ…ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น…ทำไมต้อง อีตาภูเก็ต!
เสียงกดออดที่รัวขึ้นอีกครั้งทำให้หญิงสาววิ่งพรวดไปหน้าประตูห้องทันที พยายามเก็บอาการกระหืดกระหอบ เพียรทำใจให้สงบ และเมื่อแน่ใจแล้วก็กระชากเปิดโดยไม่จำเป็นต้องดูผ่านตาแมวว่า…ใคร
เพียงแต่…ใคร กลับไม่ใช่คนที่เธอคิดว่าควรเป็น หญิงสาวชะงักเบิ่งตาโตมองอย่างพิศวง
นายธนาคารที่ในสูทเนื้อดีอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว...ไม่ใช่ภูเก็ต
แววตาวาววับน่ากลัวไม่ต่างจากดวงหน้าบึ้งตึง ไม่มีเคล้าความอ่อนโยน รื่นรมณ์ดังเช่นผู้ชายอีกคน
“มาที่นี่ได้ยังไง มาทำไม” เสียงกระชากไม่มีความเป็นมิตร แววตาหวาดระแวงพยายามมองไปด้านหลังของผู้มาเยือนเผื่อว่าอาจจะมีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น
ทว่า…ไม่มี เมื่อนั้นเกษราจึงค่อยๆ ดันประตูบานใหญ่ที่เปิดออกกว้างให้แคบลง ก่อนจะถามอย่างหวั่นๆ “ใครให้ขึ้นมา”
“ทำไม…หรือมาไม่ได้ หรือต้องเป็นไอ้หมอนั่นเท่านั้นถึงจะมาได้” แววโกรธเคลือบความอิจฉาริษยาชัดเจน มือของเขาตะปบบนบานประตูผลักอย่างแรง ไม่สนใจร่างของหญิงสาวที่เซถลาไปข้างหลังจนเกือบล้ม
“ออกไป!” นัยน์ตาเรืองวับด้วยความโกรธจัด พร้อมร่างที่ปรี่เข้าไปพยายามจะปิดประตูใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะณัฐก้าวเข้ามาภายในห้อง ยืนบังราวกำแพงหนาขวางทางเข้าออก
เขาใช้มือดันร่างของหญิงสาวให้ถลาเข้าไปข้างใน ก่อนจะเดินตามเข้ามา ไม่สนใจบานประตูที่ค่อยๆ ปิดลง ร่างในสูทสีเข้มค่อยๆ เยื้องกราย ราวเสือร้ายจ้องตะคุบเหยื่อ เสียงเกรี้ยวกราดแผดดังลั่น
“คุณยอมเป็นข่าวกับผม ชวนผมไปบ้าน ไปโน่นไปนี่ ผมคิด…คิดว่าคุณมีใจ จริงใจ แต่ทำไม…ทำไม!”
“ฉันไม่ได้ยอมเป็นข่าว แต่คนมันลือกันไปเอง” เกษราค่อยๆ ถอยร่นไปด้านหลัง พยายามอยู่ให้ห่างอีกฝ่ายให้มากที่สุด “และที่ชวนไปบ้านก็ให้คุณไปอย่างเพื่อน แต่คุณล้ำเส้น!”
“ข้ออ้าง
“ภูเก็ตไม่ผิด” เกษราตวาดขึ้นบ้าง มือกำแน่นพร้อมสวนกลับทุกเมื่อ แต่ร่างเล็กก็ยังค่อยๆ ถอยเข้ามาด้านใน พยายามคิดหาทางออก
อย่างมากก็เข้าห้องใดห้องหนึ่งล็อคกลอนถ่วงเวลา แล้วค่อยโทรฯ ให้พีทซี่หรือเบลล์ด้านล่างขึ้นมาช่วย
แต่ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องห่างจากคนจิตวิปริตให้มากที่สุด
ใช่…ณัฐไม่ปรกติ ก็ดูแววตานั่นสิ แล้วยังสีหน้าท่าทาง สะบัดหัวไปมา ริมฝีปากสั่นลั่กๆ ไม่ต่างจากมือที่ชูขึ้น
“บ้า! หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น หลงรูปมัน หลง…หลง…ทำไม ทำไม!” เสียงสั่นไหวๆ โกรธแค้นนั่นยังไม่เท่าไร แต่ปลายเสียงที่จับเวลาตะคอก ไม่ต่างจากเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
ผู้ชายที่จิตใจปรกติ แม้จะอยู่ภายใต้อารมณ์โกรธ…ไม่ทำกัน
และแม้แต่คนเมา…อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนเมาที่เธอเคยได้เห็น ก็ไม่ทำกัน
เกษราเสียวสันหลังวาบ ไม่ควรเลยที่ปล่อยให้คนบ้าเช่นนี้เข้าถึงตัว ถ้าตอนนั้นเธอฟังภูเก็ตและพีทซี่…ถ้า…
“คุณออกไปได้แล้ว” เธอพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่น สะกดความหวาดกลัวไว้ข้างใน หากร่างเล็กก็ยังคงถอยเข้ามาจนหลังชนกับขอบเปียโนใหญ่ “เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปขอเอกสารคืนจากแอลทัส”
“
เสียงสูงต่ำไล่ตามอารมณ์ของเขาที่ไม่คงที่ แล้วยังการเปล่งหัวเราะเบาๆ ในท้ายประโยค แต่เกษราไม่โต้ตอบ เธอเลือกที่จะนิ่ง รอโอกาสวิ่งหลบเข้าไปข้างในเพียงแต่เวลานี้ยังไม่มีจังหวะ เธอได้แต่ปล่อยให้เขาพร่ำเพ้อโวยวายต่อไป
“มันมีอะไรดีนักเหรอ มันมีแต่เปลือก จอมปลอม ไม่จริงใจ เห็นแก่ตัว คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น คนแบบนี้เหรอที่ทุกคนหลงจนโงหัวไม่ขึ้น!” สายตาที่มองมีแววน้อยเนื้อต่ำใจบางอย่าง หากก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น เพราะพลันนัยน์ตาวาววับเกรี้ยวกราดดังไฟที่ลุกพรึบเมื่อเขาเหลือบไปเห็นเน็คไทเส้นสวยที่วางอยู่บนแกรนด์เปียโนสีดำ
เจ้าของ…ก็คงเป็นไอ้หมอนั่น
และที่เมื่อครู่เกษรารีบเปิดประตูก็คงคิดว่าเขาเป็นไอ้ภูเก็ต!
เธอรอ…มัน
ใจก็คงมีแต่มัน แล้วเขาล่ะ…ที่ผ่านมา…เขาเทียบมันไม่ได้เชียวหรือ
ให้ผ่านมากี่ปี เขาก็ยังเทียบมันไม่ได้เลย
“ทำไม!”
เสียงกรีดร้องราวเจ็บปวดทำให้เกษราสะดุ้ง ตัดสินใจหันหนีอย่างที่วาดวางแผนไว้ เพียงแต่ไม่ทัน ช้าไปเพียงเศษเสี้ยววินาทีเพราะมือใหญ่คว้าแขนของเธอ แล้วกระชากกลับมาจนร่างของเธอแนบชิดกับเขา
หญิงสาวรู้สึกเจ็บเพราะแรงเขย่า แต่นั่นไม่เท่ากับความหวาดกลัวที่พุ่งขึ้นในใจเมื่อเห็นสีหน้าและรอยยิ้มสะใจกึ่งโกรธแค้นของเขาที่ปรากฏคละเคล้ากับรอยหยามหยัน สลับกับสันกรามที่ขบแน่น
สัญชาตญาณกำลังบอกว่าเธอตกอยู่ในอันตราย และนั่นทำให้หญิงสาวดิ้นหนัก พลางตวัดกำปั้นของมืออีกข้างเข้าเต็มหน้าเขา พร้อมกับหัวเข่าที่ยันตรงเป้ากางเกงของชายหนุ่มอย่างแรง
การตอบโต้ของผู้หญิงตัวเล็กทำให้ณัฐผงะ ก้มลงด้วยความเจ็บปวด เปิดโอกาสให้หญิงสาววิ่งถอยร่นออกมา หากก็เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเพราะเขาไล่หลังตามมาเกือบทันที
“ฤทธิ์เยอะนัก…” เสียงเน้นหนักรัวหัวเราะกระซิบข้างหู เมื่อคว้าร่างเล็กนั้นไว้ได้อีกครั้ง “ดิ้นได้ดิ้นไป”
อ้อมแขนของเขากระชับร่างที่ดิ้นยั้วเยี้ยบิดตัวไปมาราวรังเกียจเขายิ่งนัก
“ทีกับมันดิ้นยั่วอย่างนี้หรือเปล่า”
“ฉันเต็มใจ เพราะฉันรักเขา” เกษราไม่คิดว่านี่เป็นการยั่วยวนกวนโมโหอีกฝ่าย เพราะมันคือความจริง “รัก…เป็นสิ่งที่คนบ้าโรคจิตอย่างแกไม่มีวันเข้าใจ”
และณัฐก็คงไม่เข้าใจ เสียงที่เขาร้องโอดโอยลั่นยาวแสดงเช่นนั้น
“ทำไมเกด” อีกแล้วที่เขาถาม…ทำไม “ผมรักเกด รักมาก รักอย่างที่มันไม่สามารถรักเกดได้ อย่างที่มันไม่สามารถรักใครได้นอกจากตัวมันเอง” ชายหนุ่มรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด ระดมจูบไปทั่วใบหน้านวล รับรู้ถึงกรุ่นกลิ่นของร่างกาย ความรู้สึกของเขาจุดขึ้น เสียงที่บอกสั่นไหวด้วยอารมณ์ “ผมจะทำให้เกดลืมมัน จะได้รู้ว่าคนที่รักเกดจริงๆ น่ะคือใคร”
เขาไม่สนใจอาการดิ้นรนอย่างรังเกียจ เพราะยิ่งดิ้น อ้อมกอดของเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น พลางดันร่างเล็กถลาลงไปนอนราบบนโซฟายาวที่อยู่ไม่ไกล และอาการขัดขืนอย่างหนักของหญิงสาว ทั้งมือไม้แขนขาที่ต่อสู้สุดฤทธิ์และเสียงที่ร้องลั่น จุดประกายให้ความรู้สึกของเขาลุกโชติ การขัดขืนทำให้คึกคะนอง สนุก เร้าใจ แต่ก็สร้างความรำคาญ เพียงเพราะเริ่มรู้สึกขัดใจ และในห้วงอารมณ์ทำให้ณัฐกำหมัดตุ๊ยท้องแบนเรียบด้วยผิวบาง จนหญิงสาวร้องครางเพราะความเจ็บปวด
“ใครจะช่วย…” ณัฐหัวเราะเยาะเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ล้วนไร้สาระ
สายตาของเขากวาดมองใบหน้าของเธอ ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำกับเรืองร่างราวแพรนุ่มเนื้อดีที่อยู่ในอุ้งมือ
นานแล้ว…ที่ไม่มีใครให้ความรู้สึกเช่นนี้
โสเภณีหรือผู้หญิงไร้ค่าคนไหน แม้แต่อัญชลีก็ไม่เคยทำให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกเติมเต็มสาสมใจในความต้องการของเขา เรือนร่างอรชรกรุ่นกลิ่นอ่อนหวานเย้ายวน จนใจอยากทนุถนอม ไปพร้อมกับการรุกล้ำด้วยอารมณ์
ความรู้สึกทั้งหลายสลับไปมา ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง พร้อมๆ กับลมหายใจที่สูดดมกินหอมจากเรือนผม จรดเรืองร่างของดาราสาว
เขาไม่สนหรอกว่าเกษราเคยเป็นของภูเก็ต
เขาสะใจเพียงแค่ว่า ถ้าเกษราเป็นของเขาแล้ว ไม่ว่าภูเก็ตหรือใครคนอื่นก็ไร้ความหมาย
“เดี๋ยวก็จะรู้ว่าผมมีดีกว่าไอ้ภูเก็ตมากแค่ไหน…” รอยยิ้มเยียดเยาะสะใจล้นพ้น มือรวบรัดข้อมือของอีกฝ่ายแน่น พอๆ กับร่างทั้งร่างที่กดทับลงหนัก ตรึงอีกฝ่ายไม่ให้ขยับ “ไม่แน่ เกดอาจจะไม่ต้องการมันอีกเลยก็ได้”
(ต่อ)