ท่านที่เคารพรักครับ โรงละครแห่งชีวิตไม่มีวันรูดม่าน ปิดฉาก ลาโรงลงได้เลย เพราะตัวละครแต่ละท่าน ยังคงดำเนินชีวิตไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและแสวงหาอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง
ปราชญ์ท่านหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า วัยเด็กอาจจะเป็นซ้ายหรือนักเคลื่อนไหว พอทำงานเป็นเสรีนิยม ( ลิเบอรัล ) พอวัยกลางคนเป็น อนุรักษ์นิยม ( คอนเซอร์วาทีฟ )
พอวัยชรา ก็เข้าวัดฟังธรรม รูป รส กลิ่น เสียง เคียงสัมผัส บางคนก็ตัดได้ บางคนก็ตัดไม่ขาด
ตอนอายุมากวัยแก่เฒ่า เข้าชรานี่แหละครับ ที่จะชี้ว่า คนๆนั้น ฝักใฝ่ไปในทางใด ปลงตกปล่อยวางหรือลุ่มหลง มัวเมาจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น เนื่องด้วยจากประสบการณ์ชีวิตที่คร่ำหวอดมายาวนาน ควรจะรู้ว่าอะไรดี อะไรเลว พูดภาษาบ้านๆก็ต้องพูดว่า โตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมกระทำที่ไม่เข้าท่า จึงมีคำเรียกขานคนวัยนี้ไปตามลักษณะการกระทำเช่น
เฒ่าทารก เฒ่าสารพัดพิษ เฒ่าหัวงู
ซึ่งคำเรียกขานเหล่านี้ ก็มาจากสำนวนแปลกำลังภายใน และเรียกขานกันตามตัวละครจากหนังสือกำลังภายใน เช่น จิวแป๊ะทง เฒ่าทารก จากเรื่องมังกรหยก
และจากความสวยงามลึกซึ้งของวรรณกรรมกำลังภายใน ตัวละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง จึงถูกนำมาเรียกขานกันในเชิงเปรียบเทียบ เปรียบเปรย เช่น งักปุ๊กคุ้ง ตงฟานปุป้าย จากเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร
ละครแห่งชีวิต จึงเหมือนทุกรอยเท้าที่ก้าวเดิน เราจะทิ้งรอยจางๆไว้เบื้องหลัง ให้สืบค้นร่องรอยได้เสมอ ว่าใครเป็นอย่างไร
และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแสวงหาแต่ละช่วงของชีวิตจากความอ่อนโยนไร้เดียงสาในวัยเยาว์ ความร้อนระอุ เปี่ยมคุณธรรมน้ำมิตรในวัยฉกรรจ์
ความทรงจำที่ลึกซึ้ง ประทับใจในวัยชรา
ทำให้มีเรื่องราวมากมาย ทั้งที่อยากจะจดจำ และอยากจะลืมเลือน
ละครแห่งชีวิต มีมิตรสหาย ก็มีสตรี
มีบ้างบางคนเห็นว่า มนุษย์ในโลกมีเพียงสองประเภท คือคนดี และคนเลว
บุรุษเป็นเช่นนั้น สตรีก็เป็นเช่นเดียวกัน สตรีที่ดีงาม และสตรีที่เลวทราม
ในฤทธิ์มีดสั้น ลิ่มเซียนยี้เป็นคนประเภทเลว แต่ลิ่มซีอิมและซุนเซี่ยวอั๊งเล่า ?
นางทั้งสองย่อมเป็นคนดี แต่พวกนางก็ไม่ใช่สตรีประเภทเดียวกัน
กับลิ่มซีอิม มิว่าจะมีเรื่องราวใด นางมักจะอดกลั้น อดกลั้น .....
นางมีความเห็นว่า ความดีงามที่สุดของสตรีคือ ความอดกลั้น
แต่สำหรับซุนเซี่ยวอั๊ง กลับผิดกันอย่างสิ้นเชิง ซุนเซี่ยวอั๊งหนักแน่น แจ่มใส มีความกล้าหาญ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
ท่านที่เคารพรักครับ ก่อนอื่นขอเอ่ยถึงพลานุภาพของสตรีไว้ก่อนว่า หากมันลงตัว ก็เป็นแรงผลักดันมหาศาล ที่จะทำให้บุรุษประสบความสำเร็จ
แต่หากไม่ลงตัว ก็คือผีห่า ซาตานดีๆนี่เอง ที่จะฉุดดึงบุรุษให้ดำดิ่งสู่ห้วงนรกอเวจี
ลิ่มเซียนยี้ คือตัวอย่างสตรีประเภทหลังนี้ นางทั้งสวยสะคราญโฉม จนได้รับการยกย่องเป็นสตรีงามอันดับหนึ่งในยุทธจักร
นางไม่เพียงรอบรู้และเจนจัดวิทยายุทธ์การต่อสู้จากตำราอันล้ำค่า แต่นางยังมียอดวิชาที่จะรับมือบุรุษอีกด้วย
บุรุษที่พบ หากยิ่งน่ากลัว นางยิ่งแย้มยิ้ม น่ารัก นี่คืออาวุธชนิดที่หนึ่งของนาง
บุรุษพอใจให้สตรีอยู่ในโอวาท นางทราบว่า หากบุรุษ เริ่มพอใจสตรีนางใด บุรุษจะเริ่มเชื่อฟังสตรีนางนั้นไปโดยไม่รู้ตัว
นางจึงสุภาพและนอบน้อมอย่างยิ่ง นี่คืออาวุธชนิดที่สอง ที่นางรับมือบุรุษ
บุรุษพึงรับฟังคำเยินยอ การจะประจบสอพลอผู้ใด ต้องประจบโดยทั้งไม่ให้ขนลุกเกินไป ไม่เกินความจริงมากไป ความสามารถในการประจบสอพลอของลิ่มเซียนยี้ นับว่าแตกฉานเชี่ยวชาญ จนเป็นผู้ชำนาญ
นางทราบว่า วาจาเยินยอที่คล้ายเกาถูกที่คันของบุรุษ มีประสิทธิภาพ พิชิตบุรุษลงได้ นี่คืออาวุธชนิดที่สาม ที่นางใช้รับมือบุรุษเพศ
บุรุษต้องการให้ท่านแสดงความห่วงใย กังวล สนใจ เมื่อใดที่นางอยู่ต่อหน้าบุรุษ เซียนยี้จะแปรเปลี่ยนดวงตาเป็นมีประกายวิตกกังวล เพราะนางทราบว่า หากท่านต้องการให้ผู้อื่นกังวลท่าน ท่านก็ต้องให้มันได้รู้ตัวก่อนว่า ท่านกำลังกังวล สนใจมัน ห่วงใยมันแทบตาย
นี่คืออาวุธชนิดที่สี่ ที่นางใช้รับมือบุรุษ
และอาวุธชนิดสุดท้าย ไม้ตายของนางคือ ความสวยงามของเรือนร่าง ที่เปี่ยมแรงดีดสะท้อน ลิ่มเซียนยี้รอบคอบในการใช้อาวุธทั้งห้าออกไป ในเวลาที่เหมาะสม นางจึงมีบุรุษเพศจำนวนมากที่สยบยอมเป็นทาสนาง
สตรีในบู๊ลิ้ม เป็นเช่นนี้ สตรีในทางการเมืองเล่า ?
ยิ่งลักษณ์ ยิ้มเย้ยยุทธจักร ตอน สตรีในบู๊ลิ้ม ลิ่มเซียนยี้ สตรีในการเมือง
ปราชญ์ท่านหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า วัยเด็กอาจจะเป็นซ้ายหรือนักเคลื่อนไหว พอทำงานเป็นเสรีนิยม ( ลิเบอรัล ) พอวัยกลางคนเป็น อนุรักษ์นิยม ( คอนเซอร์วาทีฟ )
พอวัยชรา ก็เข้าวัดฟังธรรม รูป รส กลิ่น เสียง เคียงสัมผัส บางคนก็ตัดได้ บางคนก็ตัดไม่ขาด
ตอนอายุมากวัยแก่เฒ่า เข้าชรานี่แหละครับ ที่จะชี้ว่า คนๆนั้น ฝักใฝ่ไปในทางใด ปลงตกปล่อยวางหรือลุ่มหลง มัวเมาจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น เนื่องด้วยจากประสบการณ์ชีวิตที่คร่ำหวอดมายาวนาน ควรจะรู้ว่าอะไรดี อะไรเลว พูดภาษาบ้านๆก็ต้องพูดว่า โตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมกระทำที่ไม่เข้าท่า จึงมีคำเรียกขานคนวัยนี้ไปตามลักษณะการกระทำเช่น
เฒ่าทารก เฒ่าสารพัดพิษ เฒ่าหัวงู
ซึ่งคำเรียกขานเหล่านี้ ก็มาจากสำนวนแปลกำลังภายใน และเรียกขานกันตามตัวละครจากหนังสือกำลังภายใน เช่น จิวแป๊ะทง เฒ่าทารก จากเรื่องมังกรหยก
และจากความสวยงามลึกซึ้งของวรรณกรรมกำลังภายใน ตัวละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง จึงถูกนำมาเรียกขานกันในเชิงเปรียบเทียบ เปรียบเปรย เช่น งักปุ๊กคุ้ง ตงฟานปุป้าย จากเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร
ละครแห่งชีวิต จึงเหมือนทุกรอยเท้าที่ก้าวเดิน เราจะทิ้งรอยจางๆไว้เบื้องหลัง ให้สืบค้นร่องรอยได้เสมอ ว่าใครเป็นอย่างไร
และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแสวงหาแต่ละช่วงของชีวิตจากความอ่อนโยนไร้เดียงสาในวัยเยาว์ ความร้อนระอุ เปี่ยมคุณธรรมน้ำมิตรในวัยฉกรรจ์
ความทรงจำที่ลึกซึ้ง ประทับใจในวัยชรา
ทำให้มีเรื่องราวมากมาย ทั้งที่อยากจะจดจำ และอยากจะลืมเลือน
ละครแห่งชีวิต มีมิตรสหาย ก็มีสตรี
มีบ้างบางคนเห็นว่า มนุษย์ในโลกมีเพียงสองประเภท คือคนดี และคนเลว
บุรุษเป็นเช่นนั้น สตรีก็เป็นเช่นเดียวกัน สตรีที่ดีงาม และสตรีที่เลวทราม
ในฤทธิ์มีดสั้น ลิ่มเซียนยี้เป็นคนประเภทเลว แต่ลิ่มซีอิมและซุนเซี่ยวอั๊งเล่า ?
นางทั้งสองย่อมเป็นคนดี แต่พวกนางก็ไม่ใช่สตรีประเภทเดียวกัน
กับลิ่มซีอิม มิว่าจะมีเรื่องราวใด นางมักจะอดกลั้น อดกลั้น .....
นางมีความเห็นว่า ความดีงามที่สุดของสตรีคือ ความอดกลั้น
แต่สำหรับซุนเซี่ยวอั๊ง กลับผิดกันอย่างสิ้นเชิง ซุนเซี่ยวอั๊งหนักแน่น แจ่มใส มีความกล้าหาญ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
ท่านที่เคารพรักครับ ก่อนอื่นขอเอ่ยถึงพลานุภาพของสตรีไว้ก่อนว่า หากมันลงตัว ก็เป็นแรงผลักดันมหาศาล ที่จะทำให้บุรุษประสบความสำเร็จ
แต่หากไม่ลงตัว ก็คือผีห่า ซาตานดีๆนี่เอง ที่จะฉุดดึงบุรุษให้ดำดิ่งสู่ห้วงนรกอเวจี
ลิ่มเซียนยี้ คือตัวอย่างสตรีประเภทหลังนี้ นางทั้งสวยสะคราญโฉม จนได้รับการยกย่องเป็นสตรีงามอันดับหนึ่งในยุทธจักร
นางไม่เพียงรอบรู้และเจนจัดวิทยายุทธ์การต่อสู้จากตำราอันล้ำค่า แต่นางยังมียอดวิชาที่จะรับมือบุรุษอีกด้วย
บุรุษที่พบ หากยิ่งน่ากลัว นางยิ่งแย้มยิ้ม น่ารัก นี่คืออาวุธชนิดที่หนึ่งของนาง
บุรุษพอใจให้สตรีอยู่ในโอวาท นางทราบว่า หากบุรุษ เริ่มพอใจสตรีนางใด บุรุษจะเริ่มเชื่อฟังสตรีนางนั้นไปโดยไม่รู้ตัว
นางจึงสุภาพและนอบน้อมอย่างยิ่ง นี่คืออาวุธชนิดที่สอง ที่นางรับมือบุรุษ
บุรุษพึงรับฟังคำเยินยอ การจะประจบสอพลอผู้ใด ต้องประจบโดยทั้งไม่ให้ขนลุกเกินไป ไม่เกินความจริงมากไป ความสามารถในการประจบสอพลอของลิ่มเซียนยี้ นับว่าแตกฉานเชี่ยวชาญ จนเป็นผู้ชำนาญ
นางทราบว่า วาจาเยินยอที่คล้ายเกาถูกที่คันของบุรุษ มีประสิทธิภาพ พิชิตบุรุษลงได้ นี่คืออาวุธชนิดที่สาม ที่นางใช้รับมือบุรุษเพศ
บุรุษต้องการให้ท่านแสดงความห่วงใย กังวล สนใจ เมื่อใดที่นางอยู่ต่อหน้าบุรุษ เซียนยี้จะแปรเปลี่ยนดวงตาเป็นมีประกายวิตกกังวล เพราะนางทราบว่า หากท่านต้องการให้ผู้อื่นกังวลท่าน ท่านก็ต้องให้มันได้รู้ตัวก่อนว่า ท่านกำลังกังวล สนใจมัน ห่วงใยมันแทบตาย
นี่คืออาวุธชนิดที่สี่ ที่นางใช้รับมือบุรุษ
และอาวุธชนิดสุดท้าย ไม้ตายของนางคือ ความสวยงามของเรือนร่าง ที่เปี่ยมแรงดีดสะท้อน ลิ่มเซียนยี้รอบคอบในการใช้อาวุธทั้งห้าออกไป ในเวลาที่เหมาะสม นางจึงมีบุรุษเพศจำนวนมากที่สยบยอมเป็นทาสนาง
สตรีในบู๊ลิ้ม เป็นเช่นนี้ สตรีในทางการเมืองเล่า ?