คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
เห็นด้วยว่าลดจำนวน แต่มีความเห็นว่าจะไห้ประสิทธิภาพคงอยู่
ทบ มีกองพล เหล่ารบอยู่ประมาณ สิบกว่ากองพล
แต่มีกองพลเตรียมพร้อมไม่กี่กองพล ความเห็นของผมคือ
ลดจำนวนลง อาจจะสองในสาม รึว่าครึ่งหนึ่ง
แล้วแปลงหน่วยที่เหลือทั้งหมดเป็นหน่วยเตรียมพร้อม ที่ทรงประสิทธิภาพ
อย่างกรมทหารราบ ทุกกรม ก็กลายเป็น กรมทหารราบยานเกราะ[แบบ ร21รอ] หรือกรมทหารราบใช้ร่ม[แบบ ร31รอ]ทั้งหมด
คิดว่าตัวเลขงบประมาณ ไม่น่าจะลดลง ผู้ไหญ่ไม่น่าจะค้าน ประสิทธิภาพไม่ลดลง แม่ทัพนายกองก็คงไม่ค้าน
การเกณทหารน้อยลง ประชาชนก็คงไม่ค้าน อะไรประมานนี้น่ะครับ
ทบ มีกองพล เหล่ารบอยู่ประมาณ สิบกว่ากองพล
แต่มีกองพลเตรียมพร้อมไม่กี่กองพล ความเห็นของผมคือ
ลดจำนวนลง อาจจะสองในสาม รึว่าครึ่งหนึ่ง
แล้วแปลงหน่วยที่เหลือทั้งหมดเป็นหน่วยเตรียมพร้อม ที่ทรงประสิทธิภาพ
อย่างกรมทหารราบ ทุกกรม ก็กลายเป็น กรมทหารราบยานเกราะ[แบบ ร21รอ] หรือกรมทหารราบใช้ร่ม[แบบ ร31รอ]ทั้งหมด
คิดว่าตัวเลขงบประมาณ ไม่น่าจะลดลง ผู้ไหญ่ไม่น่าจะค้าน ประสิทธิภาพไม่ลดลง แม่ทัพนายกองก็คงไม่ค้าน
การเกณทหารน้อยลง ประชาชนก็คงไม่ค้าน อะไรประมานนี้น่ะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ประเทศไทยไม่ค่อยมีภัยคุกคาม ตรงไหนเหรอครับ ทางตะวันตกพม่าก็ยังไม่สงบ ทางตะวันออกก็มีเขมรที่ไม่รู้จะอาการกำเริบคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อไหร่
แถมประเทศไทยไม่ได้เล็กๆ เอาแค่กำลังประจำการแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศนี่ 2 แสนก็ไม่พอแล้ว
ซึ่งอัตราส่วนกำลังพลกับประชากรของไทยนี่ 3 แสนต่อประชากร 60 ล้าน เท่ากับ 0.5% จัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐานเหมือนทั่วโลกแล้วครับ
การลงทุนทางการทหารนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขาดทุน เลี้ยงทหารพันวันใช้งานวันเดียว
แต่ถ้าจะไม่ยอมขาดทุนมากลดจำนวนทหารไปเยอะๆ เกิดอะไรขึ้นจะเสียหายหนักขึ้นไปอีก เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
แถมประเทศไทยไม่ได้เล็กๆ เอาแค่กำลังประจำการแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศนี่ 2 แสนก็ไม่พอแล้ว
ซึ่งอัตราส่วนกำลังพลกับประชากรของไทยนี่ 3 แสนต่อประชากร 60 ล้าน เท่ากับ 0.5% จัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐานเหมือนทั่วโลกแล้วครับ
การลงทุนทางการทหารนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขาดทุน เลี้ยงทหารพันวันใช้งานวันเดียว
แต่ถ้าจะไม่ยอมขาดทุนมากลดจำนวนทหารไปเยอะๆ เกิดอะไรขึ้นจะเสียหายหนักขึ้นไปอีก เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
แสดงความคิดเห็น
กองทัพไทยควรปรับลดกำลังพลรึยังครับ เพื่อความเหมาะสมกับภัยคุกคามในปัจจุบัน (ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองนะครับ !!!)
จากที่ศึกษามาพอสมควรพบว่าในปัจจุบันภัยคุมคามสำหรับประเทศไทย มีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก สงครามเต็มรูปแบบแทบจะเป็นไปได้ยากและ/หรือ เป็นไปไม่ได้แล้ว อย่างมากที่เกิดขึ้นก็คงเป็นภัยคุกคามและความขัดแย้งขนาดเล็กถึงกลางเฉพาะพื้นที่จำกัด นอกจากนั้นก็จะเป็นสงครามนอกแบบ สงครามต่อต้านการก่อการร้าย สงครามปราบยาเสพติด ฯลฯ ซึ่งกำลังรบทั้งหมดของกองทัพไทยโดยเฉพาะกองทัพบกถูกเซ็ทขึ้นมาสำหรับรองรับสงครามเต็มรูปแบบ และภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ ทั้งสงครามเวียตนาม สงครามเย็น ซึ่งปัจจุบันได้หมดไปแล้ว อีกทั้งการป้องกันชายแดนปัจจุบันก็เป็นหน้าที่ของ ทหารพราน ตชด. และนาวิกโยธิน(ในบางพื้นที่) รวมถึงทหารกองประจำการบางหน่วยด้วยเช่นกัน
ในขณะที่อัตราการจัดและยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกทุกวันนี้ ใหญ่โตเกินความจำเป็นมาก ตัวอย่างเช่น ในหนึ่งกองพลทหารราบมีสามกรมทหารราบ ซึ่งผมมองว่ามันมากเกินไปสำหรับภัยคุกคามปัจจุบัน (คหสต. คิดว่าเหลือซักหนึ่งกรมกำลังดี) ผมไม่ได้บอกให้ลดทอนงบประมาณ ผมสนับสนุนให้คงงบป้องกันประเทศไว้เท่าเดิม เพราะงบป้องกันประเทศควรเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมต่อGDP แต่ทั้งนี้ให้ปรับรูปแบบการใช้งบ จากใช้งบกำลังพล เป็นการซื้อ/ซ่อมแซม/วิจัยและพัฒนา ยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยแทน
ซึ่งผมมีแนวคิดว่าหากปรับลดกำลังพลลงได้ 2 ใน 5 เราจะมีงบเหลือเพิ่มขึ้นถึง 33-40% ไว้สำหรับการซื้อ/ซ่อมแซม/วิจัยและพัฒนา ยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยแทน ทีนี้รูปแบบกำลังรบก็จะกะทัดรัด ทันสมัย และเหมาะสมกับสถานการณ์มากๆยิ่งขึ้น
คิดเห็นว่าอย่างไรกันครับ ??
ป.ล.ย้ำอีกครั้งว่าอย่าโยงเข้าเรื่องการเมืองนะครับ ผมมาสนทนาในเรื่องวิทยาการทหารเฉยๆ