จากมุมเล็กๆตรงนี้เสมอ

เคยอ่านกระทู้ที่เกี่ยวกับเรื่องการแอบรัก แอบปลื้มมาก็เยอะแล้ว ซึ่งก็นะมีทั้งจบแบบแฮปปี้เอนดิ่งและก็แบบน้ำตาก็มา

วันนี้ก็เลยลองมาเขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองดูบ้าง

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2553 - ต้นปี 2554  ก็ราวๆ 3-4 ปีที่ผ่านมาเนอะ  ตอนนั้นเราเรียนปี 1 อยู่ที่มหิดล ศาลายา





เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นในคาบเรียนวิชา MUGE หรือมูเก้ ที่เด็กมหิดลรู้จัก

วิชา MUGE นั้นจะเป็นวิชาซึ่งว่าด้วยสังคมศึกษาเพื่อพัฒนามนุษย์ โดยจะเป็นวิชาที่เด็กมหิดลปี 1 ทุกคนต้องเรียน ดังนั้นในคลาสก็จะมีนักศึกษาจากหลากหลายคณะมาเรียนรวมกัน เช่น วิศวะ วิทยา หมอ เภสัช ทันตะ ศิลปศาสตร์ ฯลฯ  ซึ่งนักศึกษาทุกคนจะถูกคละและแบ่งออกไปอยู่เป็นกลุ่มรหัส A-D และกลุ่มย่อย 1-6 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง 1 section ก็ตกราวๆ 150 คน

เราได้อยู่กลุ่ม C1

ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด คือมีเรียนวิชา MUGE 103 ณ ห้องบรรยาย L2-201 ช่วงเวลา 13.00 ของวันอังคาร ด้วยความเป็นนักศึกษาใหม่และยังคงไม่คุ้นชินกับสถานที่และก็ตึกเรียนของที่นั่นเลยหลงทิศหลงทางอยู่นานสองนาน ทำให้เข้าเรียนคาบนั้นช้าไปประมาณ 10 นาที แน่นอนว่าเมื่อเดินเข้าไปกับเพื่อนอีก 2 คน บรรยากาศในห้องนี้เงียบอย่างกับป่าช้าเพราะว่าคลาสได้เริ่มไปแล้ว อาจารย์ที่กำลังทำการสอนก็หันมามองเรา 3 คน คิดในใจ ชะตาขาดตั้งแต่วันแรกที่เรียนเลยเหรอวะ แต่เอาจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงต่อจากนั้น อาจารย์ก็แค่บ่นๆนิดๆ หน่อยๆ  จากนั้นเราก็นั่งเรียนไปได้สัก 10 นาที ประตูห้องเรียนถูกผลักเข้ามา นักศึกษาชาย 3 คนในชุดนักศึกษาที่ไม่ค่อยเรียบร้อยนักเดินเข้ามานั่งแถวเดียวกันกับเราแต่คนละฝั่ง จากนั้นเพื่อนที่นั่งข้างๆสะกิดแล้วกระซิบบอกเราว่า 'ผู้ชายสามคนนั่นเรียนหมอ!!' เราหันไปมองแล้วก็แอบคิดในใจว่า แต่งตัวอย่างนี้เนี่ยนะเรียนหมอ!! impression แรกที่คิดไว้ในตอนแรกคือหมอต้องแต่งตัวเรียบร้อย ใส่สูท ผูกไทด์ ใส่แว่นหนาหลายมิลฯ ถือหนังสือกองโต แต่สามคนนี้โคตรไม่เข้าข่ายเลยสักนิด แต่งตัวสบายและชิวมาก

เรานี่แอบนั่งหัวเราะ ก่อนจะกลับมาฟังอาจารย์ต่อ สักพักก็ได้ยินเพื่อนที่นั่งเรียนข้างๆซุบซิบกัน พอจับใจความได้ประมาณว่า สองในสามคนนั้นหล่อมาก เหมือนหนุ่มโสดในฝัน Cleo ไอเราก็คิดในใจอะไรมันจะขนาดนั้นวะ หล่อขนาดนั้นเชียวหรือ เลยแอบชำเลืองมองนิดนึงพอเป็นพิธีแต่ก็เห็นไม่ชัดเพราะนั่งกันคนละด้าน

     พอจบคลาสต่างคนก็ต่างแยกย้าย เราก็กำลังจะกลับหอ เดินลงมาด้านล่างตึก ก็เหลือบไปเห็นหนึ่งในสามคนนั้น กำลังปลดล็อกกุญแจจักรยานอยู่ เรามองแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง   อืม...หน้าตาก็โอเคนะ 555
    
ด้วยวิชา MUGE จะมีอีก 2 รหัสคือ MUGE 101 กับ 102 ซึ่งเนื้อหาก็เรียนไม่ต่างกันมากนัก เราก็ต้องเรียนตาม Gr. ที่ถูกแบ่งเอาไว้ในตอนแรก แน่นอนว่าต้องเจอสามหนุ่มอีกเช่นเคย เพื่อนที่เริ่มชักจะสนิทกันก็สะกิดทุกวันเรื่องสองหนุ่ม (เพราะอีกหนุ่มไม่หล่อเท่าไหร่) ตอนแรกเราก็ไม่สนใจ ทำตัวเฉยๆ อุเบกขามาก แต่พักหลังๆ เพื่อนชักจะคุยเรื่องนี้กันบ่อยมากขึ้น เราก็เริ่มสติหลุด แอบชำเลืองไปมองนาทีละองศาสององศา จนหลังๆนี่แทบจะหันไปมองทั้งตัว

ลืมบอกไปว่าเราไม่ได้มองทั้ง 2 คนนะ มองแค่คนเดียว ซึ่งหล่อสุดในนั้น 55

พอหลายๆอาทิตย์เข้า topic นี้เริ่มเงียบหายไป แต่เราเหมือนสปาร์กกับคนนั้นนะ จึงเริ่มแฝงตัวเป็นโคนันไปสืบว่าเขาชื่ออะไร เรียนหมอคณะไหน

ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ด้วยฝีมืออันเก่งกาจ จึงได้มาทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น เรียนหมอคณะไหน (ฺสถาบันสมทบฯ) ภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน (ภาคเหนือ) พักอยู่หอไหน เรียนจบที่ไหนมา..

จากนั้นเราก็เอาข้อมูลที่ได้มาตามหา FB ของเขา โดยมีเพื่อนสนิทช่วย ไม่ถึงอาทิตย์ก็เจอจนได้ (ทำไมถึงหานาน พอดีว่าเพื่อนมันลืม)

เขาใช้ชื่อจริงภาษาอังกฤษเป็นชื่อ FB  ภาพโปรไฟล์ที่เห็นตอนนั้นเท่ห์มาก กำลังยืนเล่นดนตรีอยู่ ไม่รอช้า กดเพิ่มเพื่อนทันที (14 กันยายน 2553 เวลา 17.37 น.)

รออยู่หลายวันทำไมไม่รับสักทีวะ?? แอบคิดให้กำลังใจตัวเองว่า สงสัยเปิดบัญชีเอาไว้แต่ไม่เล่นมั้ง แต่ถ้าไม่เล่นทำไมถึงมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทั้งลงภาพ แท็กภาพ ตั้งสเตตัส กดไลค์สารพัด

งั้นไม่เป็นไร..ในเมื่อยังไม่รับก็ส่องไปก่อนแล้วกัน

ทุกครั้งที่มีเรียน MUGE ทั้งสามวิชา เราก็นั่งมอง แบบชำเลืองบ้าง ตาถลนบ้างแล้วแต่สถานการณ์

เมื่อถึงช่วงสอบไฟนอล เทอม 1 ประมาณปลายกันยายน-ต้นตุลาคม

[Record] 4 ตุลาคม 2553 วันนี้พอสอบเสร็จปุ๊บ กำลังจะเดินไปกินข้าวกลางวันที่ตึกคณะสังคมฯ เก่า บังเอิญเดินเฉี่ยวกันบริเวณด้านหน้าตึกศิลปศาสตร์ เขาหันมามองหน้าเรา เราก็มองหน้าเขาเหมือนกัน ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเขาก็เบือนหน้ากลับไป คิดในใจ หยิ่งป่ะวะ..

[Record] 5 ตุลาคม 2553 วันสอบวันสุดท้าย ซึ่งเราสอบกันตึกเดียวกันแต่คนละห้อง คนละชั้น (เขาสอบห้อง L2-102 ส่วนเรา L1-201) เห็นหน้าเขาก่อนเข้าสอบทำให้กำลังใจในการสอบเต็มเปี่ยมเลยทีเดียว พอสอบเสร็จเราก็รีบวิ่งลงมาที่ชั้นลอย มายืนแอบมองตรงหัวเสาเหมือนพวกโรคจิต ถ้ำมองอย่างไรอย่างนั้น ระยะไม่เกิน 3 เมตร เห็นนะแต่ไม่ชัด เลยวิ่งลงมาชั้นหนึ่งเลย เอาให้ชัดถึงรูขุมขน ก็ทำเป็นเดินตามหาเพื่อน เทียวไปเทียวมาอยู่แถวนั้นนานสองนาน มองไปมองมา เหลือบไปเหลือบมาจนเขาเริ่มรู้ตัว  ก็เลยต้องรีบเดินลงไปจากตึกอย่างเร็ว ช่วงที่กำลังเดินกลับหอ เขานั่งซ้อนจักรยานคันสีน้ำเงินแถบแดงโดยมีเพื่อนอีกคนเป็นคนขับ ในระหว่างที่ขับผ่านเรา จู่ๆ เขาหันมายิ้ม เรานี่หันซ้ายหันขวา เฮ้ย!! คนเดินมาเป็นร้อย แล้วยิ้มให้ใครวะนั่น ??  แต่ตอนนั้นมโนไปเองว่ายิ้มให้เรา 555

มาถึงห้อง เปิด FB ตัดสินใจส่งข้อความไปให้เขา

หวัดดีหมอ..... แฮปปี้ปิดเทอมนะ ยังไงๆ ก็ช่วยรับเฟซเราด้วยนะ

(ป.ล. ตอนนั้นเขายังไม่รับแอด)

ปิดเทอม 2 week ไม่ได้เจอหน้าแทบขาดใจ

พอเปิดเทอมมาก็เฝ้ารอเรียนวิชา MUGE อย่างใจจดใจจ่อ แต่ก่อนจะถึงคาบนั้น ตอนเช้าเราต้องเดินไปแถวๆร้านเอกสารใต้ตึกวิทย์ฯ (SC-3) โป๊ะเชะ บังเอิญเจอเขาพอดีที่ร้าน เราก็เดินเข้าไปยื่นหนังสือให้กับเจ้าของร้าน ในระหว่างนั้นเหมือนรู้สึกได้ว่ามีสายตานับสิบกำลังจับจ้องมาที่ตัวเอง เราก็หันไปมอง คือทั้งเขาและเพื่อนของเขาอีกราวๆสิบห้าคน จ้องมาที่เราด้วยความสงสัย จ้องนานเสียด้วย ไอเราก็นะรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีที่ยืนในสังคมตรงนั้นอย่างมาก เลยค่อยๆถอยร่นไปบอกเจ้าของร้านว่าเดี๋ยวมาเอานะเอกสารน่ะ ก่อนจะวิ่งหายจ๋อยไปเลย

ตั้งแต่วันนั้นมา เราก็พยายามเลี่ยงการเจอเขาและผองเพื่อนฝูงใหญ่ของเขา

[Record] 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา 19.31 น.

สองเดือนเต็มๆพอดี เพิ่งกดรับแอด
T-T ซาบซึ้งน้ำตาไหลมากตอนนั้น

จากนั้นเราก็ตัดสินใจคุยทักไปเลย มั่นมากในตอนนั้น
เรา : DD
เรา: หวัดดี= หมอ___ ^^
เขา: d kub
เรา: ขอบคุณที่รับแอดนะ ^ ^
เขา : อืม
เรา : จำ me ได้ป่ะ : )
เขา: ไม่ได้อ่า
เรา: เหอออ  ToT จำไม่ได้ซะงั้น
เรา:  Have a good dream and sweet dream ^^  BYE  BYE
เขา: bye kub

นี่นับว่าเป็นบทสนทนาเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราคุยกัน
ป.ล.แต่เป็นแค่ 1 ใน 100 ของบทสนทนาที่เราพิมพ์ไปคุยกับเขา

หลังจากนั้นก็มีเรื่องราวดีๆอีกมากมายที่เกิดขึ้น และเขาก็รู้ว่า เราเออ แอบปลื้มไรงี้ แต่เขาก็เฉยๆนะ เราก็เฉยๆเหมือนกัน แต่ต้องตีความเอาเองว่า เรากับเขาให้นิยามคำว่าเฉยแตกต่างกันแค่ไหน

[Record] 7 มกราคม 2554 ช่วงพักกลางวัน



ณ หอสมุดฯ  โซน E-lecture  (เป็นพื้นที่ที่นักศึกษาจะมาเรียนย้อนหลังกันผ่านวีดีโอ)
พอดีช่วงปีใหม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดมา เลยซื้อช็อกโกแลตแท่งกลับมาด้วย กะว่าจะเอามาฝากเขา เลยเดินตามหาเขาจนทั่วมหาลัยจนเจอ เขานั่งที่โซน E-lecture โต๊ะ B2 ด้วยความที่อายเพราะตอนนั้นคนยอะมากๆ เลยไม่กล้าที่จะเอาไม่ให้ แต่เพื่อนตัวดีทั้งหลายมันดูถูกนะสิ ว่าป๊อด ไม่กล้าหรอกอะไรอย่างนี้ เลยตัดสินใจไปที่โต๊ะที่เขานั่งอยู่ ตอนนั้นสายตานับร้อยจับจ้องมาอย่างสนอกสนใจ

เขากำลังจะถอด Head phone ออก  แต่เรานี่รีบพูดออกมาก่อน

" อ๊ะหมอ___ เราซื้อช็อกโกแลตมาฝาก "

จากนั้นเราก็เผ่นหายไปจากหอสมุดอย่างรวดเร็ว

หลังจากตอนพักกลางวันคาบถัดมาคือ MUGE 102 ซึ่งต้องเรียนห้องเดียวกัน เราก็ลุ้นใจเต้นแรงว่าเขาจะหยิบของที่เราให้กลับมาหรือเปล่า?
ภาพแรกที่เห็นคือเขาไม่ได้ถือมันเอาไว้ในมือ
วินาทีนั้น ใจหล่นไปอยู่ที่ตามตุ่ม
แต่แวบเดียวเราก็สังเกตไปเห็นสมุดที่เขาถืออยู่ ตรงกลางของหนังสือมันมีช็อกโปแลตของเราซ่อนอยู่ พูดได้คำเดียวตอนนั้น คือ  ฟินมาก!!

เขายิ้มให้เราด้วยนะ  ฟินยกกำลังสองไปเลยทีเดียว

[Record] 21 มกราคม 2554 วิชา MUGE 102 ห้อง L1-102



ตายแล้ว มานั่งเรียนอยู่หลังเรา!!!  เหงื่อแตกพลั่กๆ ทั้งที่ห้องแอร์เย็นเฉียบ

ด้วยห้องเรียนมันจะมีโทรทัศน์ติดผนังห้องด้านข้าง ประกอบกับที่นั่งมันจะเป็นแบบ Slope ดังนั้นเราจึงใช้ทำเลอันถูกต้องและอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ที่สุด ด้วยการแอบส่องเขาโดยใช้โทรทัศน์เป็นอุปกรณ์สะท้อนภาพ
นั่งมองอยู่นานสองนาน เห็นทุกอากัปกริยา  การเคลื่อนไหว จนกระทั่งเหมือนว่าเขาคงจะสังเกตเห็นว่าไอบ้านี่จะนั่งมองโทรทัศน์ทำไมทั้งๆที่มันไม่ได้เปิดเอาไว้ เขาเลยมองมายังโทรทัศน์ ซึ่งมันก็สะท้อนเราให้เขาเห็นเช่นกัน วินาทีนั้นเหมือนโลกแทบแตก เราหลบตาอย่างเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำ และก็ทำเนียนเดินกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

สุดท้าย [Record] 3 มีนาคม 2554  วันสอบไฟนอลวันสุดท้ายของชีวิตปี1

เขาอาจไม่รู้ว่าเรายอมเดาข้อสอบถึง 20 ข้อ เพื่อที่จะมาวิ่งรอเขาที่หน้าห้องสองของเขา กลัวว่าเขาจะสอบเสร็จและกลับไปเสียก่อน
เมื่อเขาออกจากห้องมา เรายื่นตุ๊กตาและแผ่นซีดีที่บันทึกเรื่องราวต่างๆเอาไว้ ก่อนจะบอกเขา

"โชคดีนะ"

เขาพยักหน้าแทนคำตอบ  จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไป ไม่ได้เจอกันอีกจนกระทั่งถึงวันนี้ (7 มิถุนายน 2557)

แม้จะ 3 ปีกว่าแล้วที่ไม่ได้เจอกัน แต่เราก็ไม่เคยลืมนะ

ท้ายที่สุด..อยากบอกเขาว่า

ขอบคุณมากที่ครั้งหนึ่งเราเคยรู้จักกัน แม้เป็นเวลาแค่หนึ่งปีก็ตาม แต่เราก็แฮปปี้มากๆ
ขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจและแรงกระตุ้นในชีวิตการเรียนของเรานะ
และขอบคุณที่ไม่อันเฟรนด์เรานะ 555
อ้อลืมไป ขอให้ Lucky in Love นะ (แฟนสวยมาก)

และอยากจะขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้รำคาญนะ ไม่ได้มีเจตนาจริงๆ (T0T)
ยังหวังว่าวันหนึ่งเราคงได้เจอกันอีก

ตั้งใจเรียนและทำงานนะ  อีก 2 ปี รับปริญญา จะส่งดอกไม้ไปให้


# มีต่อด้านล่างๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่