PTTGC: ตลาดกังวลความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบอีกครั้ง - ซื้อ (มูลค่าพื้นฐาน 87.00 บาท)

กระทู้สนทนา
ราคาหุ้นปรับลงแรงเมื่อวานนี้ จนทำให้ PTTGC ซื้อขายระดับ PBV ปี 57 ที่ 1.1 เท่า (-0.75SD ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยของการซื้อขายในอดีต) แม้เรามองว่าความเสี่ยงเชิงลบต่อราคาหุ้นค่อนข้างจำกัดแล้ว แต่ความกังวลของตลาดต่อความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบของ PTTGC อาจกลับมาอีกครั้ง จากการปฏิรูปราคาพลังงาน (คาดได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้า) คาดจะกดดันให้ราคาหุ้น PTTGC ด้อยกว่าตลาดในระยะสั้น แต่สำหรับระยะยาว เรายังคงแนะนำ “ซื้อ”



Event

?   มีการหยิบยกประเด็นที่ว่า การจัดสรรและราคา LPG ในภาคครัวเรือนไม่เป็นธรรม:  วานนี้ราคาหุ้น PTTGC ร่วงลงแรงถึง –2.9% จากความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบของบริษัท โดยเฉพาะ LPG หลังจากที่กลุ่ม “จับตาปฏิรูปพลังงานไทย (จปพ.)” นำโดยคุณรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. กรุงเทพฯ จะยื่นข้อเสนอเร่งด่วยต่อคสช. โดย จปพ. มองว่าการจัดสรร LPG ในประเทศไม่เป็นธรรม โดยมุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเป็นหลัก แทนที่จะมุ่งเน้นภาคครัวเรือนก่อน นอกจากนี้ จปพ. เสนอว่าการจัดสรร LPG ในประเทศ ควรจะเน้นการจัดสรรให้ภาคครัวเรือนใช้ก่อน ด้วยราคาตามต้นทุนที่แท้จริงบวกกำไรที่เหมาะสมและเป็นธรรม (ไม่ใช่อิงตามราคาตลาดโลก) และเมื่อเหลือจึงจัดสรรให้ภาคอื่นๆ ใช้ หากไม่พอให้ภาคอื่นๆ (โดยเฉพาะภาคปิโตรเคมีและภาคอุตสาหกรรม) เป็นผู้รับภาระการนำเข้าเอง



Comment

?  ความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบอาจกลับมาอีกครั้ง: ประเด็นดังกล่าว สร้างความกังวลของตลาดต่อการปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานที่อาจขยายขอบข่ายของการพิจารณาราคา LPG เพิ่มเติม จากเดิมที่แผนเร่งด่วนของคสช. จะเน้นพิจารณาปรับปรุงราคา LPG เฉพาะในภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง (ดังที่เราได้เคยให้ความเห็นไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.) ดังนั้น ความกังวลของตลาดต่อความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบสำหรับ PTTGC อาจกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะวัตถุดิบ LPG ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของปริมาณการใช้วัตถุดิบรวม ทั้งนี้ PTTGC รับวัตถุดิบ LPG ส่วนใหญ่จากโรงแยกก๊าซฯ ของ PTT โดยอิงสูตรราคา “netback pricing” ซึ่งมาจากต้นทุนก๊าซฯ + ต้นทุนโรงแยกก๊าซฯ + ส่วนแบ่งปันกำไรของ PTT (โดยส่วนแบ่งปันกำไร อิงจากราคาปิโตรเคมีขั้นปลายน้ำ หักต้นทุนรวมของโรงแยกก๊าซฯ, แครกเกอร์ และโรงงานปิโตรเคมีปลายน้ำ จนได้ส่วนแบ่งกำไรซึ่งจะมาแบ่งปันกันระหว่าง PTT และ PTTGC) จากสูตรราคาดังกล่าว เราใช้สมมติฐานต้นทุนวัตถุดิบก๊าซฯ สำหรับ PTTGC ที่ 596 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ในปี 57-58

?  การอุดหนุนราคา LPG ที่ผ่านมายาวนาน ส่งผลให้การบริโภค LPG บิดเบือน: การอุดหนุนราคา LPG ในประเทศที่กินระยะเวลามายาวนาน ส่งผลให้การบริโภค LPG ในประเทศถูกบิดเบือนไป และเป็นผลให้ต้องมีการนำเข้า LPG ราคาแพงมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นภาระของกองทุนน้ำมัน ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกปี 57 ประเทศไทยมีการบริโภค LPG 1.85 ล้านตัน โดยสัดส่วน 32% เป็นการบริโภคในภาคครัวเรือน, 25% ในภาคขนส่ง, 24% เป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานปิโตรเคมี, 10% เป็นการใช้ภายในของโรงงานต่าง ๆ เอง และอีก 9% เป็นการใช้ในภาคอุตสาหกรรม

?  การศึกษาผลกระทบ:  ความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบรอบนี้ของ PTTGC ไม่เหมือนรอบที่แล้วที่มีการปรับปรุงต้นทุนราคาก๊าซฯ เมื่อเดือน ส.ค. 55 ระหว่าง PTT และ PTTGC (อันเกิดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบอย่างมีนัย โดยปรับเป็น 70-130 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล จากเดิม 40-80 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งทำให้ต้นทุนก๊าซฯ ของ PTTGC ปรับขึ้นราว 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ในช่วงเวลานั้น) ขณะที่เป็นการยากที่จะประเมินผลกระทบของความเสี่ยงของต้นทุนวัตถุดิบต่อกำไรของ PTTGC ในรอบนี้ อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาของเรา พบว่าทุกๆ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ของต้นทุนก๊าซฯ ที่เปลี่ยนแปลง (อ้างถึงวัตถุดิบก๊าซฯ ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย อีเทน, โพรเพน, และ LPG ซึ่งคิดเป็น 90% ของวัตถุดิบรวม) จะส่งผลกระทบกำไรของ PTTGC ประมาณ 1 พันล้านบาทต่อปี (~3%) และกระทบราคาเป้าหมาย 2.4 บาท/หุ้น ขณะที่โมเมนตัมของผลกระทบจะน้อยลง หากศึกษาเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของต้นทุน LPG เพียงอย่างเดียว กล่าวคือ ทุกๆ  10 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ที่ต้นทุน LPG เปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ PTTGC ราว 240 ล้านบาทต่อปี (~0.7%) และกระทบราคาเป้าหมาย 0.45 บาท/หุ้น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่