มาแชร์ประสบการณ์โดนลากเข้าวงจรธุรกิจเครือข่าย บทเรียนที่เจ็บแสบที่สุด

เรื่องนี้เกิดเมื่อปลายปีที่แล้วเราตัดสินใจอยู่นานมากว่าจะเล่าดีมั้ย เพื่อนก็บอกให้ตั้งหลายทีแล้ว ประกอบกับเจอหลายๆคนเองเล่าเรื่องคล้ายๆกันและมีเพื่อนๆร่วมมหาลัยและคนละมหาลัยที่เคยโดนลากเข้าเครือข่ายนี้ เราเลยอยากจะเล่าเรื่องของเราเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ทุกๆคน ตอนนั้นเรียนปี1คณะวิศวะ จุฬาฯ ความคิดก็ยังคิดว่าแค่ใช้ชีวิตไปวันๆสนุกกะเพื่อนๆก็พอแล้วจนกระทั่งมีเพื่อนคณะเดียวกัน(ที่เรียกว่าค่อนข้างสนิทก็ได้)เค้าอยู่ชมรมวางแผนชีวิตมาชวนไปตอบแบบสอบถามกับรุ่นพี่คณะศิลปศาสตร์พอได้คุยเค้าก็พูดดีอะ มีหลักการการวางแผนอนาคตสวยหรู สุดท้ายจบลงที่จะให้ไปฟังอบรมการวางแผนชีวิตที่แถวๆเซ็นทรัลชิดลม ตอนแรกเราก็สนใจนะตอนนั้นเราก็สับสนตัวเองกะจะซิ่วหมออยู่แล้วเลยอยากฟังแง่มุมความคิดอะไรดีๆ บวกกับเพื่อนเราอยากให้เราไปมากแล้วก็อยากให้เราชวนเพื่อนเราไปด้วยเราก็ว่าน่าสนใจดีแต่ชวนเพื่อนคนไหนๆก็ไม่มีใครว่างเลยอารมณ์คือไม่อยากจะไปละ แต่เกรงใจเพื่อนเค้าอุตส่าห์ขอร้องให้ไปเราก็เลยไปก็ไปวะวันเสาร์ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วได้น้ำใจเพื่อนด้วย
           สุดท้ายกลายเป็นว่าไปอบรมวางแผนอะไรซักอย่างมีรุ่นพี่จุฬาฯ มีเป็นหมอจุฬาซะด้วย พูดเกี่ยวกับ ธุรกิจสหกรณ์อัลติคอไรไม่รู้ แล้วท้ายๆก็มีพี่หมอจุฬาเอาตารางรายได้แอมเวย์ตรีเพชรล้านเพชรอะไร(ฟะ)มาให้ดู คือตอนนั้นก็ เอิ่ม เริ่มรู้ตัวหน่อยๆละ แล้วเพื่อนเราก็แนะนำให้เรารู้จักรุ่นพี่ผู้ชายปีสี่ร่วมมหาลัยคณะวิทยาฯอยู่ชมรมวางแผนชีวิตหวังดีอยากแนะนำวิธีให้วางแผนชีวิตให้เราก็คุยๆไปพอเป็นพิธีแต่บางทีเค้าก็แย๊บเราแรงนะพอเราคุยขำๆเค้าบอกเพ้อเจ้อว่ะไรงี้เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แล้วเค้าก็พูดประมาณว่าถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้นแม่สบายอะไรประมาณนี้นัดวันอาทิตย์ให้เราไปคุยอีกทีที่คณะวิทย์แล้วก็ให้CDแนวทางความสำเร็จของนักธุรกิจตรีเพชรอะไรของแอมเวย์นี่แหละบอกให้เราไปฟังแกบอกไม่ฟังพรุ่งนี้ไม่ต้องมาหาเขา คือเราก็เอิ่มมแต่เพื่อนเรานั่งด้วยไงเราก็รับคำไปแล้วก็กลับ ปรากฎว่าคืนวันเสาร์กรุ๊ปเพื่อน(ที่คนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย)นัดกันจะไปดู Frozen เราก็ เออ ไปๆ ด้วยไม่ไปฟังอะไรทั้งนั้นแหละเราเลยโทรไปบอกเพื่อนเราคนนั้นว่าเราจะไม่ไปแล้วนะเพื่อนนัดดูหนังกัน เพื่อนเราพูดกับเราว่า "แล้วเมื่อไหร่ชีวิตเราจะดีขึ้นอะ แล้วเมื่อไหร่เราจะเปลี่ยนได้ ชีวิตเราจะเป็นแบบนี้อีกนานเท่าไหร่ เมื่อไหร่เราจะสามารถมีอิสรภาพทางการเงินบ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้ ฟังแล้วฉุนมาก เราก็พยายามบอกแล้วว่ามีเงินมากมายไปก็เท่านั้นตายไปก็เอาไปไม่ได้หรอก ตอนนี้แม่เราก็มีความสุขดีแล้วไม่ได้อยากได้เงินอะไรมาก แต่เค้าก็วนอยู่ประเด็นเดิมจนเรารำคาญเลยรับปากส่งๆว่าจะไป แต่ใจนี่งี๊ดมาก" จนแม่โทรมาคือเราเด็กหอไงแม่โทรหาทุกวันเช้าเย็นเลยเล่าให้แม่ฟังแม่ก็บอกไม่ต้องคิดไรมากหรอกทำใจให้สบาย
          เช้ามาด้วยอาการเซ็งสุดๆจะอดรนทนไม่ไหวแล้วอยากไปพักผ่อนตามประสาพอดีเพื่อนโทรมาขอเลื่อนเวลานัดเราเลยไม่รักษาน้ำใจอะไรทั้งนั้นบอกเลยว่าไม่ไป และขอเบอร์อิพี่ผู้ชายนั่นด้วยเราจะโทรไปบอกว่าไม่ไปแล้ว เค้าก็ให้เบอร์เรามา ทีนี้ความพินาศที่แท้จริงอยู่ตรงนี้ค่ะทุกท่าน

บทสนทนาที่ยัง(แค้น)อนาถในใจ ชีวิตนี้นึกขึ้นเมื่อไหร่ก็ขึ้นทุกที

เรา : (เปิดด้วยคำพูดอย่างผู้ดี) ขอบคุณพี่มากที่อยากจะช่วยแนะแนวทางวางแผนชีวิตให้หนู แต่ตอนนี้หนูไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้แล้วอะคิดว่าทั้งคืนและปวดหัว ชีวิตแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ขอบคุณพี่มากนะ
เขา : (เขาตอบว่าไงรู้มั้ยคะ) ถ้าน้องยังเป็นงี้ต่อชีวิตน้องพินาศแน่ ตระกูลน้องพินาศแน่ น้องมันเห็นแก่ตัวไม่คิดจะทำอะไรเพื่อพ่อแม่ ตอนพี่อายุเท่าน้องพี่มีเงินเลี้ยงพ่อแม่ได้แล้วแล้วชีวิตน้องมีค่าอะไรบ้างเมื่อเทียบกับพี่ ชีวิตน้องไม่ได้มีค่าอะไรเลย
(แดรกจุดเลยค่ะ งง สิคะ แล้วเกี่ยวอะไรกับตระกูลเรามิทราบตระกูลเราก็เล็กนิดเดียว ชีวิตเราก็ไม่ได้ไฮโซหรูหราหรือดีเว่อร์อะไรมากมายก็จริง แต่มาพูดงี้ได้ไงวะ)
เรา : (ข่มใจให้เย็นสุดๆละตอนนั้น)  เห้ยพี่พูดงี้ได้ไง พี่รู้ได้ไงว่าชีวิตหนู ตระกูลหนูจะพังพินาศ เมื่อวานหนูก็โทรไปคุยกะแม่เล่าเรื่องให้แม่ฟังแม่ก็บอกว่าแม่มีความสุขแล้วขอแค่หนูกินอิ่ม นอนหลับ แข็งแรง แม่ไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้ว (คือคำพูดนี้ของแม่ตอบโจทย์ทุกอย่างหมดแล้วอ่ะ เราแทบร้องอะ)
เขา : น้องไปคุยกับแม่ทำไม ทำไมไม่คุยกับคนรุ่นเดียวกันแม่จะไปรู้เรื่องอะไร ที่น้องพูดน้องมันหลอกตัวเอง หาข้ออ้างไปวันๆ ทุเรศว่ะ สงสารแม่น้องจริงๆที่มีลูกอย่างน้อง (นี่ตูไป ฆ่าพ่อฆ่าแม่มันตอนไหนวะเนี่ยด่าซะ เงิบไปหลายดอก)
เรา : (ในใจคือไม่ยอมอะ เราคิดว่าเรามีเหตุผลกว่า) เงินอะถึงจะมีเยอะแยะไปให้แม่ แต่ถ้าหนูทุกข์ใจหรือหนูตายไปแม่ก็ไม่มีความสุขหรอก
เขา : งั้นน้องก็ไปตายดิ (บอกเลยคำนี้ สะท้อนตีกันในหัวตอนนั้นแทบระเบิดเหมือนภูเขาไฟ) ชีวิตน้องไม่มีทางประสบความสำเร็จหรอก ถ้าน้องมาแข่งกับพี่นะชีวิตน้องไม่มีทางประสบความสำเร็จเท่าพี่หรอก พี่มีเงินให้พ่อแม่ได้ แถมยังให้คนอื่นด้วย น้องแค่แบมือขอแม่ไปวันๆ
(คือนี่เป็นผู้ชายเป็นรุ่นพี่ เราเป็นผู้หญิงเป็นรุ่นน้องเป็นน้องใหม่ด้วย แล้วนี่อะไรอะ ทุเรศว่ะ ไปตายซะ คืออะไรที่เค้าพูดกับผู้หญิงกับรุ่นน้องหรอ ฮ่วย)
เรา : หรอดีจังอะ แล้วถ้าหนูประสบความสำเร็จขึ้นมาหนูกลับมาตอกหน้าพี่หงายนะ(ในใจนี่คือจะเป็นนายกจะเป็นนักบินอวกาศแล้วอะ แค้นโคตร)
เขา : ไม่มีทางอะ ชีวิตน้องพินาศแน่ ลูกหลานน้อง ตระกูลน้องด้วย
เรา : แล้วพี่รู้ได้ไงอะ รู้ได้ไง รู้ได้ไง รู้ได้ไง รู้ได้ไง รู้ได้ไง
เขา : รู้แล้วกัน
เรา : รู้ได้ไงอะ รู้ได้ไง รู้ได้ไง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(คือไล่จนกว่าจะตอบอะไรที่ดีกว่ารู้แล้วกัน)
เขา : มันคือคำเตือนน้อง
เรา : (อ่าวไอ่นี่มั่วนี่หว่า) อ๋อ คำเตือนหรอคะ ขอบคุณนะคะ (ตัดสายเลย)

ตัดสายแล้วคือแค้นอะ งงมากอะจำได้ทุกคำพูดเลยอะ นี่เค้าอยากช่วยเราหรืออยากให้เราโกรธจนบ้าตายกันแน่ ชีวิตนี้ไม่เคยจะให้อะไรเราเลยซักอย่างมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับเราแบบนี้ หลังจากนั้นเราต่อหาเพื่อนคนนั้นเลย ที่พาเราไปเจอความวินาศสันตะโรนี้ คำที่เพื่อนพูด คือ
"ก็ทำตัวเองอย่าให้เป็นอย่างที่เค้าพูดแล้วกัน เราก็แค่แนะนำถ้าแกไม่รับก็ไม่เป็นไร" (เพื่อนโหดสึดมั้ยล่ะ)

แล้วหลังจากนั้นก็ต่อด้วยแม่ แม่บอกเพื่อนคนนี้ให้เลิกคบเลยนะมันต้องเป็นขบวนการอะไรซักอย่างแน่ๆ 555555 มีบอกว่าขอเบอร์(ไอ่พี่เวร)เขาด้วยจะโทรไปบอกว่าลูกชั้นไม่ได้หลอกตัวเอง 5555555

และต่อด้วยเพื่อนอีกหลายคนคือตอนนั้นแค้นมากจริงๆจะไปเอาเรื่องเลย แม่บอกให้ใจเย็นๆไว้คิดให้มากๆ แต่พอเวลาผ่านไปที่เจ็บแค้นก็ค่อยๆเบาลง เวลานี่ดีจริงๆนะ ตอนแรกก็แอบคิดว่าเค้าโกรธมากหรอที่เราปฏิเสธความหวังดีของเขา แต่เพื่อนก็บอกไม่น่าใช่ ถ้าไม่มีผลประโยชน์จากเราคงไม่ด่าเราพินาศขนาดนี้อะ เราก็คิดว่าน่าจะใช่แหละ น่ากลัวจริงๆ เรายอมรับนะว่าตอนนั้นคิดมากจริงๆอยากรู้อนาคตอยากทำให้ดีอยากจะฟังแนวคิดของเขา เขาพูดมีแนวคิดดี แต่หลังจากฟังมากลับมาเจอแบบนี้ มาคิดดูอีกทีอนาคตเราจะขอค่อยๆเรียนรู้ไปดีกว่าเลือกเองแล้วทำตามที่เราเลือก แม่บอกว่ามีความสุขแล้วและดีใจที่มีเราเป็นลูกนั่นคือพอแล้ว ตอนนี้อาจจะให้แม่ไม่ได้มากอาจจะไม่มีเงินให้แต่ก็คิดว่าจะพยายามแล้วซักวันจะต้องให้อย่างที่อยากให้ได้แน่

อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนทุกคนนะ โดยเฉพาะน้องใหม่ใสกิ๊กที่กำลังจะเข้ามหาลัยเหมือนเราปีที่แล้ว (แต่คงไม่เจอพี่โหดคนนั้นแล้วมั้งปีที่แล้วที่เราโดนด่าเขาปีสี่คงจบไปแล้วแต่ก็ไม่รู้นะว่ามีโหดกว่านี้ป่าว ระวังให้ดี 555555) เครือข่ายนี้ใหญ่มากหลายมหาลัยบอกไม่ถูกว่าใหญ่แค่ไหน มันก็ไม่เชิงตกเป็นเหยื่อหรอกธุรกิจแบบนี้มันก็แล้วแต่คนมอง แต่คำพูดและพฤติกรรมแบบนี้อยากให้ระวังเอาไว้แล้วใช้สติให้มาก บอกเลยถ้าไม่นึกถึงแม่ขึ้นมาเราอาจจะสติขาดผึงไปแล้วก็ได้ แต่นี่คือแล้วกเลิกแล้วต่อกันจากนั้นก็ไม่ขอเจอหน้ากันอีกไม่ว่าใครในเครือข่ายนี้ทั้งนั้น

ปล. ค่าอบรมเก็บ 30 บาทนะจ๊ะ (เพื่อนบอกน่าจะวิ่งหนีไปตั้งแต่เก็บตังค์และ 5555)
ปล2.เราเจออิพี่นั่นอีกครั้งเดินมากับเพื่อนที่คณะ(อีกคน)คาดว่าอยู่วงโคจรเดียวกันเราก็ยิ้มให้เพื่อนแต่แกเข้าใจผิดว่ายิ้มให้แกมียิ้มกลับแถมโบกมือด้วย ในใจคือ !@#$#$%%^## ยังแค้นอยู่นะจ๊ะ
ปล3.ใครเคยเจอประสบการณ์คล้ายๆแบบนี้มาแชร์กันนะ ใครเคยเจอแย่กว่านี้อีกก็มาแชร์กัน เราอยากรู้มีใครโดนยิ่งกว่าเราเปล่า 5555

ที่อดทนอ่านมาถึงตรงนี้ขอบคุณมากค่ะ เพิ่งได้ตั้งกระทู้ครั้งแรก พิมยาวเหมือนนิยายแต่นี่เรื่องจริงไม่อิงนิยายจ่ะ ทั้งเจ็บทั้งแค้นจริงๆ เม่าในกองไฟ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่