สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
*** ไม่มีประสบการณ์ตรงนะคะ แต่มีเพื่อน/คนรู้จักหลายคนผ่านขั้นตอนพวกนี้มา
พูดถึงไปเรียน resident ทั่วๆ ไปที่อเมริกานะคะ หลักๆ คือสอบ USMLE แล้วก็ matching
สอบ USMLE โดย 2 step แรกเป็นข้อเขียน (สอบที่ไทย)
แล้วก็มีสอบ interview คนไข้ ซึ่งต้องบินไปสอบที่อเมริกา ตรงนี้ต้องศึกษาไปดีๆ
เพราะนอกจากวิธีการ approach ก็จะมีเรื่องมารยาทในการเข้าหาผู้ป่วยซึ่งต่างกับบ้านเรา
และที่สำคัญคือเรื่องภาษา เพราะสอบอันนี้เป็นแบบคะแนนอิงกลุ่ม คือเรากับอเมริกันใช้เกณฑ์เดียวกัน
(มีคนไข้ให้คะแนนด้วย ว่าหมอคนนี้พูดรู้เรื่องมั้ย) จึงต้องฟัง พูด เขียน อ่านได้ดีมากๆ
ส่วนใหญ่คนที่จะสอบ interview มักจะติวกับอาจารย์ที่มีประสบการณ์ติว USMLE โดยเฉพาะ
บางคนก็ใช้วิธีเรียนหมอจบแล้ว ก็ไปทำงานวิจัยตามแล็บในอเมริกา เพื่อฝึกภาษาก่อนสอบจริง
USMLE step 3 แต่ก่อนจำเป็นในบางรัฐ แต่บางรัฐก็ไม่จำเป็น เดี๋ยวนี้ไม่รู้กลายเป็นต้องใช้ทุกรัฐรึยัง
ค่าสอบ USMLE ก็เป็นแสน ยังไม่รวมค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ฯลฯ
พอได้คะแนน USMLE แล้วก็ matching โดยเลือกสาขาและสถาบันที่อยากเข้า
จะสมัครกี่ที่ก็ได้ แต่จ่ายเงินตามจำนวนที่ที่เราสมัคร ยิ่งเหวี่ยงแหเยอะ ก็จ่ายมาก ส่วนใหญ่ขั้นตอนนี้
ก็หลายหมื่นถึงระดับแสน (เท่าที่เห็นฝรั่งจะสมัคร 5-10 ที่แต่คนไทยอาจสมัครถึง 50+ แห่งเพื่อความชัวร์)
>>> จะเห็นว่ารวมขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เงินเยอะมาก ซึ่งถ้าฐานะดีอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าไม่ได้ร่ำรวย ก็อย่าเพิ่งท้อ เพราะถ้าได้เรียน resident เค้าจะมีเงินเดือนให้ ซึ่งเงินเดือน
ตรงนั้นไม่กี่เดือนก็ใช้คืนที่เคยจ่ายๆ มาได้หมด (เงินเดิอน resident ประมาณ 3x,xxx-6x,xxx USD ต่อปี
ขึ้นกับมหาวิทยาลัย และค่าครองชีพแถวๆ นั้น)
การคัดเลือกเค้าจะดูจาก คะแนน USMLE, GPA ตอนเรียนจบหมอ, ใบ recommend, ผลงานวิจัย (ถ้ามี)
อีกอย่างคือ บางที่จะไม่รับคนที่ไม่ใช่ american citizen เลย ตรงนี้ต้องศึกษาไปดีๆ
เรื่องใบ recommend ควรขอจากอาจารย์ที่ดังระดับสากลในสาขานั้นถึงจะดี ไม่งั้นฝรั่งไม่รู้จัก
จุดอ่อนอีกอันของคนไทย คือ เราไม่ค่อยมีผลงานวิจัย ซึ่งฝรั่งจะเห่อตรงนี้มาก
ถ้าเค้า review ข้อมูลเบื้องต้นแล้วสนใจ จึงจะเรียกเราไปสัมภาษณ์ ซึ่งแต่ละที่ก็มีแนวต่างกัน
เช่น บางแห่งถ้าเค้าเรียกสัมภาษณ์ก็โอกาสได้สูงมาก เพราะเค้าสัมภาษณ์เฉพาะคนที่คิดว่าจะรับ
แต่บางแห่งเค้าเรียกสัมภาษณ์เยอะ ก็บอกอะไรไม่ได้
สาขาที่จะเรียนก็สำคัญ ถ้าจะไปเรียนออร์โธปิดิกส์ ศัลย์พลาสติก จักษุ รังสี >>>> ยากมากค่ะ
เพราะคนอเมริกันยังแย่งกันเรียนสุดๆ แต่ถ้ารองๆ ลงมาเช่น med หรือ เด็ก ก็ง่ายหน่อย
สถาบันที่ดังมากๆ ที่กล่าวถึง โอกาสที่จะได้ไปเข้าเรียนระดับ resident คงยาก
(ยกเว้น profile สุดยอดมากจริงๆ เช่น ได้รับทุนอานันทฯ หรือเคยมีผลงานตีพิมพ์ลงวารสารระดับสากล อะไรแบบนี้)
แต่ถ้าจบ board แล้ว จะไปต่อ fellowship จะง่ายกว่า
ขอให้โชคดีค่ะ
พูดถึงไปเรียน resident ทั่วๆ ไปที่อเมริกานะคะ หลักๆ คือสอบ USMLE แล้วก็ matching
สอบ USMLE โดย 2 step แรกเป็นข้อเขียน (สอบที่ไทย)
แล้วก็มีสอบ interview คนไข้ ซึ่งต้องบินไปสอบที่อเมริกา ตรงนี้ต้องศึกษาไปดีๆ
เพราะนอกจากวิธีการ approach ก็จะมีเรื่องมารยาทในการเข้าหาผู้ป่วยซึ่งต่างกับบ้านเรา
และที่สำคัญคือเรื่องภาษา เพราะสอบอันนี้เป็นแบบคะแนนอิงกลุ่ม คือเรากับอเมริกันใช้เกณฑ์เดียวกัน
(มีคนไข้ให้คะแนนด้วย ว่าหมอคนนี้พูดรู้เรื่องมั้ย) จึงต้องฟัง พูด เขียน อ่านได้ดีมากๆ
ส่วนใหญ่คนที่จะสอบ interview มักจะติวกับอาจารย์ที่มีประสบการณ์ติว USMLE โดยเฉพาะ
บางคนก็ใช้วิธีเรียนหมอจบแล้ว ก็ไปทำงานวิจัยตามแล็บในอเมริกา เพื่อฝึกภาษาก่อนสอบจริง
USMLE step 3 แต่ก่อนจำเป็นในบางรัฐ แต่บางรัฐก็ไม่จำเป็น เดี๋ยวนี้ไม่รู้กลายเป็นต้องใช้ทุกรัฐรึยัง
ค่าสอบ USMLE ก็เป็นแสน ยังไม่รวมค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ฯลฯ
พอได้คะแนน USMLE แล้วก็ matching โดยเลือกสาขาและสถาบันที่อยากเข้า
จะสมัครกี่ที่ก็ได้ แต่จ่ายเงินตามจำนวนที่ที่เราสมัคร ยิ่งเหวี่ยงแหเยอะ ก็จ่ายมาก ส่วนใหญ่ขั้นตอนนี้
ก็หลายหมื่นถึงระดับแสน (เท่าที่เห็นฝรั่งจะสมัคร 5-10 ที่แต่คนไทยอาจสมัครถึง 50+ แห่งเพื่อความชัวร์)
>>> จะเห็นว่ารวมขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เงินเยอะมาก ซึ่งถ้าฐานะดีอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าไม่ได้ร่ำรวย ก็อย่าเพิ่งท้อ เพราะถ้าได้เรียน resident เค้าจะมีเงินเดือนให้ ซึ่งเงินเดือน
ตรงนั้นไม่กี่เดือนก็ใช้คืนที่เคยจ่ายๆ มาได้หมด (เงินเดิอน resident ประมาณ 3x,xxx-6x,xxx USD ต่อปี
ขึ้นกับมหาวิทยาลัย และค่าครองชีพแถวๆ นั้น)
การคัดเลือกเค้าจะดูจาก คะแนน USMLE, GPA ตอนเรียนจบหมอ, ใบ recommend, ผลงานวิจัย (ถ้ามี)
อีกอย่างคือ บางที่จะไม่รับคนที่ไม่ใช่ american citizen เลย ตรงนี้ต้องศึกษาไปดีๆ
เรื่องใบ recommend ควรขอจากอาจารย์ที่ดังระดับสากลในสาขานั้นถึงจะดี ไม่งั้นฝรั่งไม่รู้จัก
จุดอ่อนอีกอันของคนไทย คือ เราไม่ค่อยมีผลงานวิจัย ซึ่งฝรั่งจะเห่อตรงนี้มาก
ถ้าเค้า review ข้อมูลเบื้องต้นแล้วสนใจ จึงจะเรียกเราไปสัมภาษณ์ ซึ่งแต่ละที่ก็มีแนวต่างกัน
เช่น บางแห่งถ้าเค้าเรียกสัมภาษณ์ก็โอกาสได้สูงมาก เพราะเค้าสัมภาษณ์เฉพาะคนที่คิดว่าจะรับ
แต่บางแห่งเค้าเรียกสัมภาษณ์เยอะ ก็บอกอะไรไม่ได้
สาขาที่จะเรียนก็สำคัญ ถ้าจะไปเรียนออร์โธปิดิกส์ ศัลย์พลาสติก จักษุ รังสี >>>> ยากมากค่ะ
เพราะคนอเมริกันยังแย่งกันเรียนสุดๆ แต่ถ้ารองๆ ลงมาเช่น med หรือ เด็ก ก็ง่ายหน่อย
สถาบันที่ดังมากๆ ที่กล่าวถึง โอกาสที่จะได้ไปเข้าเรียนระดับ resident คงยาก
(ยกเว้น profile สุดยอดมากจริงๆ เช่น ได้รับทุนอานันทฯ หรือเคยมีผลงานตีพิมพ์ลงวารสารระดับสากล อะไรแบบนี้)
แต่ถ้าจบ board แล้ว จะไปต่อ fellowship จะง่ายกว่า
ขอให้โชคดีค่ะ
สมาชิกหมายเลข 7601203 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5347223 ถูกใจ, @-อมยิ้มแก้มตุ่ย-@ ถูกใจ, แม่ของลูก ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 746640 ถูกใจ, คุณหนูเสียงดนตรี ซึ้ง, Loki Trickster ถูกใจ, Uncle Tee ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1043608 ถูกใจ, peatsolomond ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
การเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง(resident)ที่ต่างประเทศ