Day 1 Bangkok -Tokyo
Prologue :
http://pantip.com/topic/32149698
ในการเดินทางในครั้งนี้ผมได้เลือกใช้สายการบิน Cathay Pacific โดยที่สายการบินนี้จะมีการแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Hong Kong และค่อยออกเดินทางไปสู่แดนปลาดิบ โดยที่จะเดินทางจาก สุวรรณภูมิ ไปลง Hong Kong International Airport แล้วรอต่อเครื่องไป Narita International Airport โดยจะใช้เวลาการเดินทางทั้งหมดประมาณ 10 ชม.
โดยการ Check-In เราจะเช็คกระเป๋าให้ไปถึง Narita เลยจะได้ไม่ต่องยกขึ้นยกลง และพอหลังจากเช็คอินแล้วก็ไปสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งในด่านตม. นั้นจะมีเครื่องแบบ อัตโนมัติอยุ่ ซึ้งจะมีพนักงานคอยบอกวิธีการใช้ทำให้ลดเวลาเข้าด่านไปได้เยอะ (ใช้ได้เฉพาะผู้ที่ถือ Passport ไทยเท่านั้น)และพอออกจากด่านนั้น ก็ไปไปเจอกับ Duty-Free ขนาดใหญ่ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรดี 555

มันช่างอลังการอะไรอย่างนี้ >_<
พอเสร็จจากการเดินชมของที่เหน็ดเหนื่อย ก็รีบวิ่งไปดู Gate ที่เครื่องจะออก และแล้วก็เจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น 0.o นั้นก็คือ Dashboard ประกาศว่าเครื่อง Delay ไป อีก 1 ชม ;w;
หลังจากที่รอเครื่องจนมาถึง ปรากฏว่าเครื่องมาถึงประมาณ 01:50 และให้ขึ้นเครื่องประมาณ 02:10 ก็ได้เริ่มการออกเดินทางจาก สุวรรณภูมิไป Hong Kong >_< โดยพอเครื่องขึ้นเสร็จนั้น แอร์ก็ได้นำอาหารมาแจก โดยอาหารที่แจกนั้นจะเป็น ขนมปัง กับ น้ำผลไม้ (แอบผิดหวังเล็กน้อย นึกว่าจะได้มื้อหนักก่อนนอน)

แค่นี้จะไปอิ่มอะไร 555
หลังจากที่นั่งเครื่องมาได้ประมาณ 2 ชม ก็ได้เห็นแสงแรกยามเช้าจากมุมสูงที่สวยงามมาก
เวลาประมาณ 6:00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น Hong Kong GMT+8) เครื่องก็ได้ลงถึง Hong Kong International Airport และจากนั้น ก็รีบไปเข้าด่าน ต่อเครื่อง โดยที่จะมีป้ายบอกมาตลอดทางว่า Transit Flight ซึ่งพอไปถึงได้ก็ต้องตกตะลึง อึ้งกันไปเลย เพราะพบว่ามีคนต่อแถวรอเข้าด่านยาวเหยียด ซึ่งใช้เวลาเข้าด่านประมาณ 30 ถึงจะเสร็จ สำหรับด่าน Transit Flight นั้น จะมีเจ้าหน้าที่เช็ค Boarding Pass และ X-Ray กระเป๋าเท่านั้น

และหลังจากที่ผ่านด่านมาได้แล้ว ก็ต้องรีบไปเช็ค Gate ที่เคร่องจะออก ซึ่งเครื่องที่จะไปนั้นจะออกเวลา 10:35น. ดังนั้นจึงเหลือเวลาอีกประมาณ 3 ชม.ที่จะอยู่ที่ Hong Kong Internatonal Airport
หลังจากที่รู้ Gate แล้วผมก็ไปเดิน Duty-Free ซึ่ง Duty-Free ของที่นี่มีขนาดใหญ่มาก (ใหญ่กว่าที่สุวรรณภูมิหลายเท่าตัว) และอาหารที่นี่ไม่ค่อยจะแพงซักเท่าไหร่

มี Disney Store ด้วย แฟนๆ Disney คงช็อปกับเพลิน ^^

หลังจากทที่เดิน Duty-Free อย่างเหน็ดเหนื่อย ก็จวนจะได้เวลาที่เครื่องจะออกแล้ว ซึ่ง Gate ที่เครื่องจะออกนั้น อยู่อีกฟากของ Terminal ซึ่งถ้าเดินไปหคงจะเหนื่อยเอาการ จึงต้องขอใช้รถไฟหน่อยซะแล้ว ซึ่งรถไฟที่ว่านี้จะออกทุกๆ 2 นาที
คนรอรถไฟเยอะแยะเลย ^^

รถไฟไม่มีที่นั่งซะด้วย ต้องยืนไปเท่านั้น (ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีต่อรอบการเดินทาง)

ในที่สุดก็ถึง Gate ที่จะขึ้นเครื่องปรากฎว่ารีบไปหน่อย Gate ยังไม่เปิดเลย ;w; // ก็ดีกว่ามาสาย

หลังจากที่ขึ้นเครื่องแล้วก็ถึงเวลากล่าวคำอำลา Hong kong (เดี๋ยวขากลับมาใหม่ 555)
Boading Pass ที่จะพาไป ญี่ปุ่น!!! ได้นั่งริมหน้าต่างซะด้วย

การเดินทางครั้งนี้ช่างยาวไกลยิ่งนัก ใช้เวลาบินประมาณ 3:20 ชม. ระยะทาง 2963 กิโลเมตร!!!

เส้นทางบินแบบว่าบินข้ามมหาสมุทรกันไปเลย (Let's Go)

หลังจากที่เครื่องขึ้นเสร็จแล้ว แอร์ก็ได้นำอาหารมาเสริฟ ซึ่งอาหารในเที่ยวนี้จะเป็น ข้าวผัดไข่ กับ ปลา ซึ่งไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควร 555 และก็ลืมถ่ายรูปไว้ซะด้วย ;w;
ในที่สุดก็ถึง Narita ซักทีต่อไปก็ได้เวลาเข้าด่านรกแล้ว (ด่าน ตม.) ซึ่งเข้าง่ายกว่าที่คิดมากๆ พอต่อคิวเข้าไปก็ยื่น Passport ใหญ่ เจ้าหน้าที่ก็เปิดๆดู แล้วก็ถ่ายรูป สแกนลายนิ้วมือ (ตื่นเต้น กลัวจะโดนไปห้องเย็น) และ เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามาทำอะไร ก็ตอบไปว่า Tourist แค่นั้น เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มๆให้ แลเวก็ติดตรา Temporary Visitor 15 Day ให้ ^^ ดังนั้นด่าน ตม. ที่คิดว่าจะเข้ายากเลยง่ายไปเลย หลังจากผ่านด่าย ตม. มาแล้วก็ลงบันไดเลื่อนไปก็จะเจอกับสายพานกระเป๋า (บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด) และพอรับกระเป๋าแล้วก็จะเจอกับด่านศุลกากร ซึ่งด่านนี้ค่อนข้างจะใช้เวลานาน เพราะว่าโดนเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าซะละเอียดเลย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี พอเดินออกจากประตูไป รู้สึกดีใจมากๆๆๆ ได้เข้าประเทศญี่ปุ่นแล้ว!!!!! 555
[CR] แบกเป้ตะลุย ญี่ปุ่น 10 วัน (Day1 Bangkok - Tokyo)
Prologue : http://pantip.com/topic/32149698
ในการเดินทางในครั้งนี้ผมได้เลือกใช้สายการบิน Cathay Pacific โดยที่สายการบินนี้จะมีการแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Hong Kong และค่อยออกเดินทางไปสู่แดนปลาดิบ โดยที่จะเดินทางจาก สุวรรณภูมิ ไปลง Hong Kong International Airport แล้วรอต่อเครื่องไป Narita International Airport โดยจะใช้เวลาการเดินทางทั้งหมดประมาณ 10 ชม.
โดยการ Check-In เราจะเช็คกระเป๋าให้ไปถึง Narita เลยจะได้ไม่ต่องยกขึ้นยกลง และพอหลังจากเช็คอินแล้วก็ไปสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งในด่านตม. นั้นจะมีเครื่องแบบ อัตโนมัติอยุ่ ซึ้งจะมีพนักงานคอยบอกวิธีการใช้ทำให้ลดเวลาเข้าด่านไปได้เยอะ (ใช้ได้เฉพาะผู้ที่ถือ Passport ไทยเท่านั้น)และพอออกจากด่านนั้น ก็ไปไปเจอกับ Duty-Free ขนาดใหญ่ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรดี 555
มันช่างอลังการอะไรอย่างนี้ >_<
พอเสร็จจากการเดินชมของที่เหน็ดเหนื่อย ก็รีบวิ่งไปดู Gate ที่เครื่องจะออก และแล้วก็เจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น 0.o นั้นก็คือ Dashboard ประกาศว่าเครื่อง Delay ไป อีก 1 ชม ;w;
หลังจากที่รอเครื่องจนมาถึง ปรากฏว่าเครื่องมาถึงประมาณ 01:50 และให้ขึ้นเครื่องประมาณ 02:10 ก็ได้เริ่มการออกเดินทางจาก สุวรรณภูมิไป Hong Kong >_< โดยพอเครื่องขึ้นเสร็จนั้น แอร์ก็ได้นำอาหารมาแจก โดยอาหารที่แจกนั้นจะเป็น ขนมปัง กับ น้ำผลไม้ (แอบผิดหวังเล็กน้อย นึกว่าจะได้มื้อหนักก่อนนอน)
แค่นี้จะไปอิ่มอะไร 555
หลังจากที่นั่งเครื่องมาได้ประมาณ 2 ชม ก็ได้เห็นแสงแรกยามเช้าจากมุมสูงที่สวยงามมาก
เวลาประมาณ 6:00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น Hong Kong GMT+8) เครื่องก็ได้ลงถึง Hong Kong International Airport และจากนั้น ก็รีบไปเข้าด่าน ต่อเครื่อง โดยที่จะมีป้ายบอกมาตลอดทางว่า Transit Flight ซึ่งพอไปถึงได้ก็ต้องตกตะลึง อึ้งกันไปเลย เพราะพบว่ามีคนต่อแถวรอเข้าด่านยาวเหยียด ซึ่งใช้เวลาเข้าด่านประมาณ 30 ถึงจะเสร็จ สำหรับด่าน Transit Flight นั้น จะมีเจ้าหน้าที่เช็ค Boarding Pass และ X-Ray กระเป๋าเท่านั้น
และหลังจากที่ผ่านด่านมาได้แล้ว ก็ต้องรีบไปเช็ค Gate ที่เคร่องจะออก ซึ่งเครื่องที่จะไปนั้นจะออกเวลา 10:35น. ดังนั้นจึงเหลือเวลาอีกประมาณ 3 ชม.ที่จะอยู่ที่ Hong Kong Internatonal Airport
หลังจากที่รู้ Gate แล้วผมก็ไปเดิน Duty-Free ซึ่ง Duty-Free ของที่นี่มีขนาดใหญ่มาก (ใหญ่กว่าที่สุวรรณภูมิหลายเท่าตัว) และอาหารที่นี่ไม่ค่อยจะแพงซักเท่าไหร่
มี Disney Store ด้วย แฟนๆ Disney คงช็อปกับเพลิน ^^
หลังจากทที่เดิน Duty-Free อย่างเหน็ดเหนื่อย ก็จวนจะได้เวลาที่เครื่องจะออกแล้ว ซึ่ง Gate ที่เครื่องจะออกนั้น อยู่อีกฟากของ Terminal ซึ่งถ้าเดินไปหคงจะเหนื่อยเอาการ จึงต้องขอใช้รถไฟหน่อยซะแล้ว ซึ่งรถไฟที่ว่านี้จะออกทุกๆ 2 นาที
คนรอรถไฟเยอะแยะเลย ^^
รถไฟไม่มีที่นั่งซะด้วย ต้องยืนไปเท่านั้น (ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีต่อรอบการเดินทาง)
ในที่สุดก็ถึง Gate ที่จะขึ้นเครื่องปรากฎว่ารีบไปหน่อย Gate ยังไม่เปิดเลย ;w; // ก็ดีกว่ามาสาย
หลังจากที่ขึ้นเครื่องแล้วก็ถึงเวลากล่าวคำอำลา Hong kong (เดี๋ยวขากลับมาใหม่ 555)
Boading Pass ที่จะพาไป ญี่ปุ่น!!! ได้นั่งริมหน้าต่างซะด้วย
การเดินทางครั้งนี้ช่างยาวไกลยิ่งนัก ใช้เวลาบินประมาณ 3:20 ชม. ระยะทาง 2963 กิโลเมตร!!!
เส้นทางบินแบบว่าบินข้ามมหาสมุทรกันไปเลย (Let's Go)
หลังจากที่เครื่องขึ้นเสร็จแล้ว แอร์ก็ได้นำอาหารมาเสริฟ ซึ่งอาหารในเที่ยวนี้จะเป็น ข้าวผัดไข่ กับ ปลา ซึ่งไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควร 555 และก็ลืมถ่ายรูปไว้ซะด้วย ;w;
ในที่สุดก็ถึง Narita ซักทีต่อไปก็ได้เวลาเข้าด่านรกแล้ว (ด่าน ตม.) ซึ่งเข้าง่ายกว่าที่คิดมากๆ พอต่อคิวเข้าไปก็ยื่น Passport ใหญ่ เจ้าหน้าที่ก็เปิดๆดู แล้วก็ถ่ายรูป สแกนลายนิ้วมือ (ตื่นเต้น กลัวจะโดนไปห้องเย็น) และ เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามาทำอะไร ก็ตอบไปว่า Tourist แค่นั้น เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มๆให้ แลเวก็ติดตรา Temporary Visitor 15 Day ให้ ^^ ดังนั้นด่าน ตม. ที่คิดว่าจะเข้ายากเลยง่ายไปเลย หลังจากผ่านด่าย ตม. มาแล้วก็ลงบันไดเลื่อนไปก็จะเจอกับสายพานกระเป๋า (บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด) และพอรับกระเป๋าแล้วก็จะเจอกับด่านศุลกากร ซึ่งด่านนี้ค่อนข้างจะใช้เวลานาน เพราะว่าโดนเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าซะละเอียดเลย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี พอเดินออกจากประตูไป รู้สึกดีใจมากๆๆๆ ได้เข้าประเทศญี่ปุ่นแล้ว!!!!! 555