From topic
http://pantip.com/topic/32150115
สมัยนี้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้นนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสวยงาม รูปร่าง แม้แต่แค่หน้าที่เป็นสิวเล็กๆน้อยๆยังพยายามรักษาให้หาย
แต่ผมเชื่อ(จากการ ศึกษาโรคนี้มาหลายเดือน) ว่าคนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพเกือบสามสิบเปอร์เซนต์ เป็นโรคภูมิแพ้ และผื่นผิวหนังอักเสบ ยิ่งรักษายิ่งแย่ลง เชื่อว่าคนกลุ่มนี้บางทีเค้าก้ทำใจกับสภาพไปแล้วเวลาก้เป็นแบบนี้ทำไงได้ไม่ใช่ไม่อยากหายนะ แต่มันไม่หายจริงๆ
อยากให้กระทู้นี้เป็น กำลังใจสำหรับทุกท่านที่เป็นโรคผิวหนัง ให้เป็นความหวังว่าหนทางมันมีแต่ต้องอดทนและต้องทุ่มเทให้มัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เนื่องจากทุกวันนี้คนเป็นโรคผิวหนัง หรือภูมิแพ้กันเยอะมาก เยอะจริงๆถ้าเพื่อนๆพี่ๆได้ลองเซิส หาในกูเกิ้ล แต่หลังจากที่หาดูแล้ว (ในประเทศไทย) ผมไม่เคยเห็นใครโพสแนวทางการรักษาด้วยตัวเองหรือวิธีธรรมชาติอย่างจริงจังซักเท่าไหร่ จึงอยากให้ช่วยกันแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นประโยชน์กับ ท่านอื่นๆที่มีโอกาสมาอ่านนะครับ ผมเชื่อว่าประสบการณ์ของหลายๆท่านที่ผ่านมาต้องเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆแน่ๆ
เกริ่นก่อนนะครับ เนื่องจากผมเป็นโรคผิวหนังอักเสบ หรือภูมิแพ้หรือ เอซเซม่า(Eczema dermatitis) สารพัดที่ไม่รุ้ว่าจริงๆแล้วเรียกว่าอะไรกันแน่
แต่ที่แน่ๆก็คือ ผิวจะเป็นผื่นคันแดงลอกเปนบางครั้ง ก็คือตั้งแต่เด็กๆ จำความได้ก้เริ่มมีอาการคันแล้ว หลักๆก้ที่ข้อพับต่างๆ หลังแขนอะไรแนวๆนั้น
อาการเหล่านี้มันก็มาเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กมากไม่รุ้อะไรหรอก คุณแม่ก้พาไปรักษา(ไปไหนก้ไปอะไม่รุ้) หาหมอสารพัด กินยาทายาสารพัด
ก็อย่างที่ว่าว่าเด็กก้ไม่ได้คิดอะไร จนมาถึงช่วงประถมปลายถึงเข้ามัธยม อาการพวกนี้ก้เบาลง (ผมถือว่าเป็นคนที่ผิวขาวและผิวดีคนนึง) แต่ด้วยความที่
เป็นภูมิแพ้นี่แหละ ตั้งแต่เด็กๆเวลาอากาศร้อนมากๆ หรือเจอแดด(พวกกีฬาสีอะไรเทือกนั้น) ก็จะมีเลือดกำเดาไหลเป็นครั้งคราว ก็ยังคงเป็นอยู่จนถึงมัธยม
ผมถือว่าเป็นเด็กอ้วนคนนึง เข้ามอหนึ่งซัดไป 80kg ม3 110Kg ได้ พอหลังจากเริ่ม มอปลาย ก็เริ่มคิดจะลดน้ำหนักละ( กระทู้นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักใดๆทั้งนั้นนะครับแค่พูดถึง background) แล้วก้มาเริ่ม เวทจ์เทรนนิ่งตอนเข้ามหาลัย หลังจากนั้นก้กลายเป็นคนรักษาดูแลสุขภาพการกินขึ้นมาเป็นคนละคนเลย สมัยเด็กๆชอบกิน junk Food, Snack มาก เป็นคนเหล้าไม่ดื่มบุหร่ไม่ดูด สภาพผิวก้จะมีคันมาเป็นครั้งคราวช่วงเอนทรานซ์เข้าปีหนึ่ง และก้มีมาเรื่อยๆ แต่ก้ไม่ได้แย่อะไร ใครๆก้ยังบอกว่าเปนคนหน้าเนียนใสมาก
ตอนนั้น เวลาไปหาหมอก้จะได้พวก Cold cream, Elomet ยาแก้คัน อะไรแนวๆนั้นอะเชื่อว่าพี่ๆก้คงได้เหมือนกัน (ผมหาอยู่กับหมอท่านนึง เป็น แพทย์มีชื่อของรามาธิบดี ไม่ขอเอ่ยชื่อละกันนะครับ) สมัยนั้นก้ยอมรับว่าดื้อ เวลาหมอให้ทาโลชั่นทาครีม ไม่ค่อยเอาหรอกมันร้อน เหนอะน่ะ(ด้วยความที่เปนคนอ้วน) เวลาทายาแล้วดีขึ้น ก้จะขี้เกียจละไม่เอาละปล่อยไปงั้น (กราบขอโทษคุณหมอมา ณ ที่นี้ด้วย)
....
...
..
.
เกริ่นอะไรมะรู้มาตั้งนาน ไทม์ไลน์ก้ห่วย มาเข้าเรื่องดีกว่าครับ
คือมันมีจุด ทริกเกอร์อยู่ช่วงเวลานึงที่ทำให้ผิวหนังอักเสบของผมมันหนักขึ้นจนแบบทนไม่ไหว (จะเล่าอีกทีนะครับถ้าเกิด พี่ๆในห้องอยากทราบสาเหตุ)
ช่วงปีกว่าที่ผ่านมาผมเริ่มทำงานในบริษัทนึงแถวสาทร ช่วงนั้นผิวก็ยังคงแย่อยู่ กล่าวคือมีอาการแดง คันเป็นบางเวลาและเริ่มหนักขึ้นถึงขั้นบางทีนอนไม่หลับ ช่วงนี้ก็ถือว่าโตแล้วก้จะหาข้อมูลหาสาเหตุมาโดยตลอด ไม่ได้พึ่งแค่หมออย่างเดียว เพราะหมอไม่ได้อยู่กับเราตลอดยี่สิบสี่ชม เราก้ต้องคอยสังเกตอาหารการกิน กินอะไรแล้วแพ้ สรุปตอนหลังมาเจอว่าแพ้กุ้ง!! - -' ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กินมาทั้งชีวิตไม่เคยเป็นอะไร หลังจากนั้นก็งดกุ้งมาตลอด รวมถึงอาหารทะเลอื่นๆด้วย เพราะรุ้สึกว่ากินแล้วมันก้คันเปนแดงจ้ำๆขึ้นมาตลอด มันก้โอเคขึ้นแต่ก้ยังไม่หาย มาเรื่อยๆ เราก็กังวลตลอดว่าแพ้อะไร กินอะไรเข้าไป วิเคราะห์ยังไงก้ไม่ออกอะครับมันไม่น่าจะเกี่ยวแค่ทะเลละล่ะ
เนื่องจากที่ทำงานไม่ได้ไกล้กับรามาเลย เวลาจะไปทีต้องขอลางานไปครึ่งวัน ไอเราก้เกรงใจหัวหน้า ไปบ่อยก้ไม่ได้ ตอนหลังหัวหน้าเลยบอก ให้ไปใกล้ๆสิจะได้ไม่ต้องลาเยอะ ก้แนะนำให้ไปเซนส์หลุยส์(เดินไม่ถึงสิบนาที) ก้ได้พบแพทย์หญิง ท่านนึงไม่ขอเอ่ยนามอีกนะครับ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ หมอก้บอกว่า "หมอคงรักษาให้หายไม่ได้" เอางั้นเลยหรอฮาๆ อึ้งไปเหมือนกันครับได้ยินครั้งแรก และหมอก้ได้ดูผื่นทั้งตัว จัดยาให้ เป็นเพทนิดสโลน หรือที่รู้จักกันในนาม สเตียรอยด์ชนิดนึง รวมถึงยาฆ่าเชื้อและยากระเพาะ( เนื่องจาก ยาเหล่านี้มีฤทธิ์ต่อกระเพาะ)และก็ครีมTA0.2%(ซึ่งมีส่วนผสมสเตียรอยด์) ผมก้บอก ''หมอครับ ไม่เอาสเตียรอยด์ไม่ได้หรอไม่อยากกิน" หมอก้บอกว่ามันหนักมากไม่กินไม่ได้ ต้องแลกถ้าปล่อยไปหนักกว่านี้จะแผลน้ำเหลืองอะไรแบบนั้นนะ ผมก้เอ้อเอาวะ อยากหายก้ต้องสุ้เผื่อมันจะดีขึ้นบ้าง และหมอก้นัดดูทุกอาทิตย์หลังจากนั้น หลังจากกินยาทายาเข้าไป มันก้ดีขึ้นแหละ เร็วด้วยอาทิตย์นึงก้โอเคขึ้นเยอะ
ผมก้กินไปอาทิตย์แรกอาการดีขึ้นก็มาดูอาการเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นคนเล่นเวจท์ นนก้จะเยอะตัวใหญ่ก็เลยโดนยาเข้าไปวันละแปดเม็ดในสองอาทิตย์แรก และตามด้วยวันละหกเม็ดในสองอาทิตย์หลัง ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะกินไปได้เดือนนึงแล้วมันก้หายเลยครับ หายจริงๆผิวนี่สวยใสกิ๊ก ก้เริ่มหยุดยา ชัดเลยครับมันเริ่มกลับมาแดงอีกภายในสองสามวัน หมอก้จัดกลับมาอีกบอกว่ายังไม่หายขาด ช่วงนั้นผมตัวบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ตกใจมาก คิดดูว่าคุณมองกระจกทุกวัน แต่คุณรู้สึกได้ว่าหน้าบวมขึ้นอะ แล้วก็อยากอาหารมากครับกินแล้วถ้าไม่จุกจริงๆ อยากกินอะไรต่อตลอด(ซึ่ง เล่นเวทจ์มันต้องคุมอาหาร โคตรทรมานเลย)แล้วก้สิวขึ้นเยอะมากปกติเป็นคนไม่มีสิว ขึ้นแล้วไม่ยุบด้วย พอกินยาทายาไปอีกสองอาทิตย์หลังจากนั้นผิวก้ดีอีกแล้วแบบอยู่ตัว แต่ก้ยังคงระวังระแวงอาหารอยู่ตลอด ช่วงนั้นก้มีดื่ม แอลกอฮอล์บ้างนิดหน่อย(เดือนนึงครั้ง) แล้วอาการก้ดีไปอาทิตย์สองอาทิตย์ผมก็แอบดีใจ และช่วงนั้นก้ได้ไปเที่ยวเกาหลี สุดท้ายอาการก้มาออกที่เกาหลีนี่แหละสงสัยว่าเจออะไรปนเปื้อน กุ้งเข้าไป กลับไปไทยก้ไปกินอีก(มีเหลือ) มันก้ดีขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่หายขาด ทีนี้แหละครับเป็นวงจรเลยส่วนตัวกลัวสเตียรอยด์อยู่แล้วพออาการดีขึ้นก้จะรีบหยุด หยุดแล้วมันก้กลับมาเป็นแบบนี้อยู่เป็นเดือนกว่า
นับแต่วันนั้น ผมก้ตัดสินใจว่าไม่เอาอีกแล้ว คือตัวเองรู้ดีว่ายาที่กินที่ทาเข้าไปมันไม่ได้ดีต่อผิวและร่างกายเลย(ถ้าใครศึกษามาบ้างควรจะรู้ว่าทำไม)
และหลังจากนั้นผมก้เริ่ม ที่จะใช้วิธี ธรรมชาติรักษาตัวเอง....
ไว้มาต่อนะครับ มันไม่สวยงามอย่างที่คิดไว้
ใครมีอะไรอยากแชร์ เล่าได้เลยครับ หรืออยากถามอะไรและเปลื่ยนกันได้
ปล.ขอแทก ห้องเครื่องแป้งด้วย เพราะเชื่อว่าคงมีหลายคนที่รักษาสิวแล้วโดนยาเข้าไปเหมือนกัน
Update from topic<<แชร์ประสบการณ์โรคผิวหนังอักเสบต่างๆ --- "ใครหาหมอจนสุดท้ายเลิกหาแล้วมาดูแลตัวเองบ้างครับ">>
สมัยนี้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้นนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสวยงาม รูปร่าง แม้แต่แค่หน้าที่เป็นสิวเล็กๆน้อยๆยังพยายามรักษาให้หาย
แต่ผมเชื่อ(จากการ ศึกษาโรคนี้มาหลายเดือน) ว่าคนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพเกือบสามสิบเปอร์เซนต์ เป็นโรคภูมิแพ้ และผื่นผิวหนังอักเสบ ยิ่งรักษายิ่งแย่ลง เชื่อว่าคนกลุ่มนี้บางทีเค้าก้ทำใจกับสภาพไปแล้วเวลาก้เป็นแบบนี้ทำไงได้ไม่ใช่ไม่อยากหายนะ แต่มันไม่หายจริงๆ
อยากให้กระทู้นี้เป็น กำลังใจสำหรับทุกท่านที่เป็นโรคผิวหนัง ให้เป็นความหวังว่าหนทางมันมีแต่ต้องอดทนและต้องทุ่มเทให้มัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้