อยากทราบที่มาที่ไปตลอดจนเส้นทางการเดินทางของเทวรูปสำริดขอม

อยากทราบที่มาที่ไปตลอดจนเส้นทางการเดินทางของเทวรูปสำริดขอมที่อยุธยารบชนะขอมแล้วขนมาอยุธยา
แล้วพม่าเอาไปอีกต่อ ว่าเดิมมีกี่องค์ ตกหล่นไปกี่องค์ ตลอดจนประวัติศาสตร์ร่วมการเดินทางของเทวรูปด้วยครับ
จำได้เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเทวรูปเขมรที่พม่าสมัยเรียนซึ่งนานมาก หรือถ้ามีลิงค์และรูปจะขอบคุณมากครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1

รูปสำริดเหล่านี้เป็นศิลปะเขมรบายน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เดิมประดับไว้ที่ประสาทนาคพันในนครธม ปราสาทนาคพันเป็นการจำลองสระอโนดาตในชมพูทวีปตามคติไตรภูมิ รูปสัตว์สำริดเหล่านี้เป็นการจำลองสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่อยู่รอบๆสระอโนดาต

ในเอกสารคำให้การขุนหลวงหาวัดของไทยก็มีกล่าวถึงครับ แต่กล่าวผิดว่าเป็นรูปสำริดที่หล่อโดยพระเจ้าอู่ทองเรียกว่า 'รูปสิบสองนักษัตร' มีรูปมนุษย์เป็นรูปพราหมณ์ รูปช้างเอราวัณ รูปม้าสินธพ รูปคชสีห์ รูปราชสีห์ รูปสิงโต รูปโคอุสุภราช รูปกระบือ รูปกระทิง รูปหงส์ รูปนกยูง รูปนกกระเรียน ทำไว้เป็นคู่ๆ

ต่อมาใน พ.ศ.๑๙๗๔ สมเด็จพระบรมราชาธิราช(เจ้าสามพระยา)ทรงยกทัพไปตีเมืองนครธมแตกก็โปรดในนำรูปสำริดเหล่านี้มาไว้ที่กรุงศรีอยุทธยา ภายหลังไปอยู่ที่วัดมหาธาตุบ้าง วัดพระศรีสรรเพชญ์บ้าง
'ศักราช ๗๙๓ กุรศก สมเดจพระบรมราชาเจ้า เสดจไปเอาเมิองนครหลวงได้ แลท่านจึ่งให้พระราชกุมารท่านพระนครอินทเจ้าเสวยราชสมบัดติ ณเมืองนครหลวงนั้น ครั้งนั้นท่านจึ่งให้พญาแก้ว พญาไทเอาและรูปภาพทั้งงปวงมายังพระนครศรีอยุทธยา'



"...พระเจ้าหงสาวดีก็เทเอาครัวอพยพชาวพระ นครและรูปภาพทั้งปวงในหน้าพระบัญชรสิงหนั้นส่งไปเมืองหงสาวดี..."
ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองตีกรุงศรีอยุทธยาแตกใน พ.ศ.๒๑๑๒ ตามคำให้การชาวกรุงเก่าระบุว่าทรงเลือกรูปสำริดที่พระองค์โปรดคือรูปช้างเอราวัณ รูปม้าสินธพ รูปราชสีห์ รูปคชสีห์ รูปสิงห์ รูปมนุษย์ไปหงสาวดี กล่าวกันว่าเอาไปทั้งหมด ๓๓ รูป(ผมว่าไม่น่าถึง ๓๓ น่าจะเป็นจำนวนดั้งเดิมที่มีมากกว่า) นอกจากนี้พระองค์ไม่ได้เอาไป เข้าใจว่ายังคงอยู่ที่อยุทธยาจนเสียกรุงครั้งที่ ๒

การเอารูปสำริดมาสันนิษฐานว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการถ่ายโอนอำนาจศักดิ์สิทธิหรือความเป็นศูนย์กลางจักรวาลจากนครธมซึ่งล่มสลายลงมาสู่อยุทธยาในฐานะศูนย์กลางของจักรวาลแทน และจากอยุทธยาที่เสียความเป็นรัฐเอกราชความเป็นศูนย์กลางศักดิ์สิทธิก็ถ่ายโอนต่อไปยังหงสาวดีผ่านทางรูปสำริดเหล่านี้ครับ

ต่อมา พ.ศ.๒๑๔๒ พวกยะไข่ได้เมืองหงสาวดี ก็ขนเอารูปสำริดเหล่านี้ไปตั้งถวายเป็นพุทธบูชาพระมหามัยมุนี ในเมืองยะไข่ รูปสำริดเหล่านี้ก็อยู่ในยะไข่จนกระทั่ง พ.ศ.๒๓๒๘ พระเจ้าโบดอพญา(พระเจ้าปดุง)กษัตริย์พม่า ส่งตะโดมิงสอพระโอรส(ไทยเรียก ตะแคงจักกุ)ไปตียะไข่ได้สำเร็จ ตะโดมิงสอจึงอัญเชิญพระมหามัยมุนีมาอยู่ที่เมืองอมรปุระอันเป็นราชธานีพม่า รูปสำริดเหล่านี้ก็ถูกคนตามมาด้วยและอยู่ในวัดพระมหามัยมุนีที่อมรปุระจนปัจจุบันครับ

เล่ากันมาว่าเดิมรูปสำริดมีเหลืออยู่มากกว่านี้ แต่ในช่วงสงครามพม่ารบอังกฤษ พระเจ้าธีป่อกษัตริย์พม่าองค์สุดท้ายให้เอารูปสำริดไปหลอมทำปืนใหญ่เพื่อป้องกันพระราชวัง ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน

ปัจจุบันรูปสำริดนี้เหลืออยู่แค่ ๖ รูปเท่านั้น เป็นรูปช้างเอราวัณ ๑ รูป รูปมนุษย์ ๒ รูป รูปสิงห์ ๓ รูป(หัวหายไป ๑) ตรงตามคำให้การขุนหลวงหาวัด แต่หัวสิงห์เป็นของทำภายหลังเพราะเป็นหัวสิงห์แบบพม่าไม่ใช่เขมรครับ

สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงทำเชิงอรรถในหนังสือคำให้การขุนหลวงหาวัดไว้ว่า รูปโคอุสุภราชอยู่ที่พระพุทธบาท(เข้าใจว่าที่สระบุรี) แต่ถ้าสมัยท่านเคยมีอยู่จริง สมัยนี้ก็ไม่มีให้เห็นแล้วครับ

มีความเชื่อว่าหากได้ลูบคลำรูปสำริดเหล่านี้จะรักษาอาการเจ็บป่วยได้ นักท่องเที่ยวที่มาวัดพระมหามัยมุนีจึงนิยมไปลูบคลำกันซึ่งทางวัดก็ปล่อยตามสะดวก แต่รูปสำริดซึ่งมีคุณค่าทางศิลปะสภาพก็ชำรุดเต็มที การปล่อยปละละเลยแบบนี้ดูจะเป็นการไม่เอาใจใส่โบราณวัตถุเท่าที่ควรครับ


ที่มารูป
-http://en.wikipedia.org/wiki/Mahamuni_Buddha_Temple
-http://www.thapra.lib.su.ac.th/supat/slide/result.php?pageNum_rs=163&totalRows_rs=8569&check=type&keyword=3&Submit322=Search
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่