คืองี้คะ มีเพื่อนเราเป็น ผช. สมมุติชื่อ A ละกันคะ ง่ายดี อ้อ ก่อนอื่นถ้า
พิมพ์ผิดต้องขออภัยนะคะ เพราะพิมพ์ด้วยมือถือ เข้าเรื่องนะคะ
คือเจ้า A เนี่ยเป็น นศ.มหาลัยคะ ก็เป็นเพื่อนด้วยกันนี่แหละคะ
ถึงขั้นสนิท เพราะาเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ก่อนมหาลัย พอมามหาลัย
ก็ยังเป็นเพื่อนแบบเดิม แต่มันดันมาเปลี่ยนช่วยให้หลังนี่แหละคะ
คือ A ไปเข้ากิจกรรมบวชฟรีของธรรมกาย(ไม่แน่ใจชีอโครงการเต็มๆคืออะไร)
เป็นบวชแบบฤดูร้อนคะ เราก็ดีใจทีาเพื่อนบวช อนุโมทนาบุญด้วย
แต่คุณพระ !!!!! หลังจากสึก เปลี่ยนไปคนละคน คือ จะว่าเปลี่ยนไปทาง
ที่ดีมันก็ใช่แหละ แต่เราว่า เหมือนมีความเชื่อลุ่มหลงผิดๆมากกว่า
เราไม่รุ้ว่าเค้าสอนยังไงบ้าง แต่อย่างนึงทีาเรารู้คือ ทำบุญ 1 แสน กับมำบุญ
100 บุญไม่เท่ากัน ทำเงินมากบุญก็มาก
เห้ยยย!!!!!!! นี่มันตรรกะอะไร ใครสอน ศาสนาพุทธที่แท้จริง
ไม่ได้สอยแบบนี้นะ ถึงจะเรียนพระพุทธศาสนาล่าสุดตอนม.6 ก็ยังจำได้
ว่าการทำบุญมันอยู่ที่ใจไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยวน่ะนีาอยู่ที่จำนวนเงิน
มันไม่ใช่มั้ง แล้วทีาสำคัญ พระพุทธเจ้าสอนว่าทำบุญกับพ่อแม่
นั้นประเสริฐสูงสุดใช่มั้ยคั แต่เพื่อนเรา มันไม่ใช่ คืองี้ มันเก็บออมเงินคะ
เก็บหอมรอมริบ จนวันนึงเงินนั้นมีจำนวน 700 กว่าบาท คือด้วยความที่
พวกเราเป็น นศ มหาลัย เงิน 700 มันก็ค่อนข้างเยอะใช่มั้ยคะ
บวกกับเจ้า A ฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบาก แล้วช่วงนั้นก็ใกล้จะปิด
ยมวๆช่วงกีฬามหาลัย เราก็คิดว่ามันคงเก็บเงินซื้อตั๋วรถกลับบ้าน
ซึ่งราราตั๋วรถประมาณ 600 เพราะบ้านอยู่ทางใต้ แต่มันทำไงรุ้มั้ยคะ
มันใส่ซองทำบุญให้ชมรมของมันหมดเลย ซึ่งชมรมของมันก็คือ
ชมรมที่อยู่ในเครือข่ายของธรรมกายคะ เพื่อนเลยถามว่า"เห้ยไอ้ A
ทำหมดนั่นเลยเหรอว่ะ มันมากไปมั้ง"มันตอบว่า "เงินนั้นทำให้เราเป็นสุข
ยิ่งทำเยอะ เราก็จะได้บุญเยอะ ปูทางสู่สวรรค์ บลา บลา "
ซึ่งเพื่อนเรามันก็รู้ว่า A กำลังโดนลัทธิมืดเข้าครอบงำ เลยปล่อยๆไปก่อน
จะมาพูดห้ามต่อหน้าสาวกลัทธิก็อาจรนหาที่ตาย เลยกะเก็บไว้มาพูดทีหลัง
ซักพัก พอเสร็จธุระเรื่องบุญ เพื่อนอีกคนให้ชื่อ B มันก็บอกขอกลับหอไปเก็บของ
จะกลับบ้านที่ใต้ ซึ่งมันเรียนคนละม.กะเรา เราก็เอ้อ เดินทางปลอดภัย
แต่ไอ้ A รีบบอกเจ้า B ว่า ยังไงกลับบ้านไปฝากดูแลพ่อแม่ข้าด้วยนะ
ข้าคงไม่ได่กลับ ไอ้ B มันก็งง ไหนตินแรกบอกจะกลับพร้อมกัน มันเลย
ถามว่าทำไมไม่กลับ A ตอบว่าอะไรรู้มั้ยคะ " ไม่มีเงินหรอก"
อ้าว เจ้าพระคุณรุนช่อง เอ็งไม่มีเงิน แต่เอ็งกลับทำบุญ 700 กว่าบาท
คือถ้าอยากทำมันต้องทำแล้วเราไม่เดือดี้อนไม่ใช่เหรอคะ แล้วนืตัวเอง
เดือดร้อนแท้ๆ แล้วตอนนี้คือ งานของภาค ของคณะ เจ้า A ก็ไม่เคย
ช่วยเลยคะ หายเข้ากลีบเมฆ พอถามว่าไม่มาช่วยบ้างเหรอ
ช่วยๆกันภาคเรา เขาก็บอกต้องช่วยงานที่ชมรม เอ้อ เราก็เข้าใจ
แล้วแต่เลย จนหลังๆมันเริ่มอาการหนัก เข้าแต่ชมรม คือ ถ้าเข้าแล้ว
ผลการเรียรมันดีขึ้นเนื่องจากทำสมาธิ อัไรแบบนี้เราจะไม่ว่สเลย
นี่เรียนก็ดรอป ก็ไม่ดี คือ เราเป็น นศ อาชีพหลักน่าที่หลักคือเรียน
ไม่ใช่เหรอคะ เรื่องกิจกรรมยามว่างก็เสริมรองลงมา
ไม่ใช่ทำแต่เรื่องรองจนหน้าที่หลักหายไป เชื่อมั้ยคะ ทุกวันนี้
A ไม่ยอมกลับบ้านมาพบปะเพื่อนฝูง อยู่แต่กับกิจกรรมของชมรม
เดี๋ยวนี่ถือศีล 10 ด้วยคะ เราก็ยินดียินใจด้วยนะคะ ถือศีลทำให้จิตใจสงบ
แต่บางครั้ฃเราต้องเดินทางสายกลางนีาคะ มากไปก็ไม่ดี
ทุกวันนี้เวลาเราเจอเพื่อนๆเก่าคนอื่น ก็จะคุยกันแต่เรื่องเจ้า A
คือเป็นห่วง กลัวกู่ไม่กลับ ขนาดนั่งกินเหล้าของอบายมุข ก็หนี
ไม่พ้นคุยเรื่องธรรมะ แล้วต้องวกมาเรื่อง ธรรมกาย นี่ละคะ เรื่องหนักใจ
ของเพื่อนๆ แล้วที่สำคัญนะคะเวลาคุยอะไรกัน้หมือยอยู่คนละโลก
คนละจุด มันจะขัดใจทุกครั้ง แต่ทำไม เวลาเราเข้ากิขกรรมฟัง
ท่านว.วชิรเมธี เราไม่เห็นท่านจะฟุ้งซ่านแบบเพื่อนเรา หรือแบบพระ
ของธรรมกายเลยคะ พระมหาสมปองอีกคน ไม่เห็นท่านจะ
เป็นแบบพระของธรรมกายเลย นี่งงมาก สรุป สิ่งที่ต้องการจิง
ของ"ธรรมกาย"คืออะไร ชี้แจงด้วยคะ สงสารพ่อแม่เพื่อน
สงสารเพื่อนด้วย กลัวจะหลงเข้าไปลึก เพราะ เคยอ่านเรื่องของคน
ที่เขาหลุดจากลัทธินี้มาได้ เขาก็มาแชร์ให้ฟัง ไอ้เราไม่อยากฟังความ
ข้างเดียว้ลยไม่ค่อยเชือ แต่พอมาเจอกะคนใกล้ตัว เชืาอเลยคะ
พวกนิกายล้างสมอง มันมีจริง
เมื่อเพื่อนหลงไปในดง"ธรรมกาย"
พิมพ์ผิดต้องขออภัยนะคะ เพราะพิมพ์ด้วยมือถือ เข้าเรื่องนะคะ
คือเจ้า A เนี่ยเป็น นศ.มหาลัยคะ ก็เป็นเพื่อนด้วยกันนี่แหละคะ
ถึงขั้นสนิท เพราะาเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ก่อนมหาลัย พอมามหาลัย
ก็ยังเป็นเพื่อนแบบเดิม แต่มันดันมาเปลี่ยนช่วยให้หลังนี่แหละคะ
คือ A ไปเข้ากิจกรรมบวชฟรีของธรรมกาย(ไม่แน่ใจชีอโครงการเต็มๆคืออะไร)
เป็นบวชแบบฤดูร้อนคะ เราก็ดีใจทีาเพื่อนบวช อนุโมทนาบุญด้วย
แต่คุณพระ !!!!! หลังจากสึก เปลี่ยนไปคนละคน คือ จะว่าเปลี่ยนไปทาง
ที่ดีมันก็ใช่แหละ แต่เราว่า เหมือนมีความเชื่อลุ่มหลงผิดๆมากกว่า
เราไม่รุ้ว่าเค้าสอนยังไงบ้าง แต่อย่างนึงทีาเรารู้คือ ทำบุญ 1 แสน กับมำบุญ
100 บุญไม่เท่ากัน ทำเงินมากบุญก็มาก
เห้ยยย!!!!!!! นี่มันตรรกะอะไร ใครสอน ศาสนาพุทธที่แท้จริง
ไม่ได้สอยแบบนี้นะ ถึงจะเรียนพระพุทธศาสนาล่าสุดตอนม.6 ก็ยังจำได้
ว่าการทำบุญมันอยู่ที่ใจไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยวน่ะนีาอยู่ที่จำนวนเงิน
มันไม่ใช่มั้ง แล้วทีาสำคัญ พระพุทธเจ้าสอนว่าทำบุญกับพ่อแม่
นั้นประเสริฐสูงสุดใช่มั้ยคั แต่เพื่อนเรา มันไม่ใช่ คืองี้ มันเก็บออมเงินคะ
เก็บหอมรอมริบ จนวันนึงเงินนั้นมีจำนวน 700 กว่าบาท คือด้วยความที่
พวกเราเป็น นศ มหาลัย เงิน 700 มันก็ค่อนข้างเยอะใช่มั้ยคะ
บวกกับเจ้า A ฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบาก แล้วช่วงนั้นก็ใกล้จะปิด
ยมวๆช่วงกีฬามหาลัย เราก็คิดว่ามันคงเก็บเงินซื้อตั๋วรถกลับบ้าน
ซึ่งราราตั๋วรถประมาณ 600 เพราะบ้านอยู่ทางใต้ แต่มันทำไงรุ้มั้ยคะ
มันใส่ซองทำบุญให้ชมรมของมันหมดเลย ซึ่งชมรมของมันก็คือ
ชมรมที่อยู่ในเครือข่ายของธรรมกายคะ เพื่อนเลยถามว่า"เห้ยไอ้ A
ทำหมดนั่นเลยเหรอว่ะ มันมากไปมั้ง"มันตอบว่า "เงินนั้นทำให้เราเป็นสุข
ยิ่งทำเยอะ เราก็จะได้บุญเยอะ ปูทางสู่สวรรค์ บลา บลา "
ซึ่งเพื่อนเรามันก็รู้ว่า A กำลังโดนลัทธิมืดเข้าครอบงำ เลยปล่อยๆไปก่อน
จะมาพูดห้ามต่อหน้าสาวกลัทธิก็อาจรนหาที่ตาย เลยกะเก็บไว้มาพูดทีหลัง
ซักพัก พอเสร็จธุระเรื่องบุญ เพื่อนอีกคนให้ชื่อ B มันก็บอกขอกลับหอไปเก็บของ
จะกลับบ้านที่ใต้ ซึ่งมันเรียนคนละม.กะเรา เราก็เอ้อ เดินทางปลอดภัย
แต่ไอ้ A รีบบอกเจ้า B ว่า ยังไงกลับบ้านไปฝากดูแลพ่อแม่ข้าด้วยนะ
ข้าคงไม่ได่กลับ ไอ้ B มันก็งง ไหนตินแรกบอกจะกลับพร้อมกัน มันเลย
ถามว่าทำไมไม่กลับ A ตอบว่าอะไรรู้มั้ยคะ " ไม่มีเงินหรอก"
อ้าว เจ้าพระคุณรุนช่อง เอ็งไม่มีเงิน แต่เอ็งกลับทำบุญ 700 กว่าบาท
คือถ้าอยากทำมันต้องทำแล้วเราไม่เดือดี้อนไม่ใช่เหรอคะ แล้วนืตัวเอง
เดือดร้อนแท้ๆ แล้วตอนนี้คือ งานของภาค ของคณะ เจ้า A ก็ไม่เคย
ช่วยเลยคะ หายเข้ากลีบเมฆ พอถามว่าไม่มาช่วยบ้างเหรอ
ช่วยๆกันภาคเรา เขาก็บอกต้องช่วยงานที่ชมรม เอ้อ เราก็เข้าใจ
แล้วแต่เลย จนหลังๆมันเริ่มอาการหนัก เข้าแต่ชมรม คือ ถ้าเข้าแล้ว
ผลการเรียรมันดีขึ้นเนื่องจากทำสมาธิ อัไรแบบนี้เราจะไม่ว่สเลย
นี่เรียนก็ดรอป ก็ไม่ดี คือ เราเป็น นศ อาชีพหลักน่าที่หลักคือเรียน
ไม่ใช่เหรอคะ เรื่องกิจกรรมยามว่างก็เสริมรองลงมา
ไม่ใช่ทำแต่เรื่องรองจนหน้าที่หลักหายไป เชื่อมั้ยคะ ทุกวันนี้
A ไม่ยอมกลับบ้านมาพบปะเพื่อนฝูง อยู่แต่กับกิจกรรมของชมรม
เดี๋ยวนี่ถือศีล 10 ด้วยคะ เราก็ยินดียินใจด้วยนะคะ ถือศีลทำให้จิตใจสงบ
แต่บางครั้ฃเราต้องเดินทางสายกลางนีาคะ มากไปก็ไม่ดี
ทุกวันนี้เวลาเราเจอเพื่อนๆเก่าคนอื่น ก็จะคุยกันแต่เรื่องเจ้า A
คือเป็นห่วง กลัวกู่ไม่กลับ ขนาดนั่งกินเหล้าของอบายมุข ก็หนี
ไม่พ้นคุยเรื่องธรรมะ แล้วต้องวกมาเรื่อง ธรรมกาย นี่ละคะ เรื่องหนักใจ
ของเพื่อนๆ แล้วที่สำคัญนะคะเวลาคุยอะไรกัน้หมือยอยู่คนละโลก
คนละจุด มันจะขัดใจทุกครั้ง แต่ทำไม เวลาเราเข้ากิขกรรมฟัง
ท่านว.วชิรเมธี เราไม่เห็นท่านจะฟุ้งซ่านแบบเพื่อนเรา หรือแบบพระ
ของธรรมกายเลยคะ พระมหาสมปองอีกคน ไม่เห็นท่านจะ
เป็นแบบพระของธรรมกายเลย นี่งงมาก สรุป สิ่งที่ต้องการจิง
ของ"ธรรมกาย"คืออะไร ชี้แจงด้วยคะ สงสารพ่อแม่เพื่อน
สงสารเพื่อนด้วย กลัวจะหลงเข้าไปลึก เพราะ เคยอ่านเรื่องของคน
ที่เขาหลุดจากลัทธินี้มาได้ เขาก็มาแชร์ให้ฟัง ไอ้เราไม่อยากฟังความ
ข้างเดียว้ลยไม่ค่อยเชือ แต่พอมาเจอกะคนใกล้ตัว เชืาอเลยคะ
พวกนิกายล้างสมอง มันมีจริง