<< อ้างลิขสิทธิ์เพื่อรีดไถเงินพ่อค้า>>
วันนี้ผมได้ไปออกบู๊ทขายของ ณ ห้างแห่งหนึ่ง สินค้าที่ขายเป็น Case มือถือ ที่มีลวดลายการ์ตูน ขายล้างสต๊อกในราคา 2 ชิ้น 100 บาทเท่านั้น ไม่มีกำไรใดๆ วันนี้ตั้งขายวันแรกก็มีกลุ่มคนอ้างว่าได้รับมอบสิทธิ์เข้าจับกุมร้านผมที่มีขาย case ลาย one piece โดยมีพาตำรวจมาด้วย กลุ่มคนดังกล่าวหยิบสินค้าใส่ถุงแล้วสั่งให้พนักงานขายเดินทางไปเจรจาที่โรงพัก ซึ่งพ่อค้าจะถูกเรียกให้ยอมความโดยการจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง
ณ จุดนี้ดูเหมือนผมได้กระทำผิดกฎหมายร้ายแรง โดนตำรวจจับ แต่ความจริงไม่ใช่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการรีดไถ่เงินจากพ่อค้าเพื่อนำไปแบ่งกัน เพราะการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวรวมทั้งตำรวจมีความผิดทุกขั้นตอน
1. ตำรวจนอกเครื่องแบบ ไม่แสดงตน ไม่แสดงบัตร มีพิรุจ
2. ตำรวจมาจากนอกพื้นที่ แต่เข้ามา

ในพื้นที่คนอื่น และยังไม่รู้ว่าเป็นตำรวจปราบปรามหรือตำรวจจารจร
3. เราสามารถแจ้งตำรวจในท้องที่เข้าจับกุมตำรวจดังกล่าว เนื่องจากตำรวจปฎิบัติผิดหน้าที่
4. การจับกุมจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อ มีเอกสารที่ถูกต้อง ซึ่งทางทีมผู้จับจะต้องเข้าแจ้งความล่วงหน้า และได้รับอนุมัติหมายค้นจากศาลเท่านั้น ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่ใช้เวลาเพียงวันสองวันก็ทำเสร็จ มันต้องกินเวลาเป็นสัปดาห์ กรณีนี้ผมพึ่งตั้งขายได้ครึ่งวัน หมายจับมาเร็วขนาดนี้เป็นไปได้อย่างไง รู้ล่วงหน้าว่าผมจะมาตั้งขาย
จากที่ผมอ่านแล้ว เอกสารไม่ได้ระบุวันที่ ไม่ได้ระบุผู้กระทำความผิด ไม่ได้ระบุสถานที่ ดังนั้นจึงไม่มีสิทธ์มาบังคับให้พนักงานขายไปโรงพัก หากตำรวจมีการบังคับด้วยการฉุดลาก หรือหยิบเอาสิ่งของไป ก็แจ้งจับได้ทันที
5. เอกสารที่แสดงตนเป็นผู้มีอำนาจไม่สมบูรณ์ ต้องแสดงเอกสารรับมอบสิทธิ์จากบริษัทเจ้าของลิขสิธิ์
6. ยังมีอีก
วันนี้ผมรู้สึกเสียใจมาก แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายเล่นงานกลุ่มคนดังกล่าว ผมกลับโดนกลุ่มคนดังกล่าวเล่นงาน โดนเรียกเงิน เพราะเลือกที่จะไปเจรจาที่โรงพัก เพื่อเลี่ยงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นตามมา อาจจะเป็นการหาเรื่องใหม่ หรือโดนเอาเรื่องหนักกว่าเดิม รวมทั้งเลี่ยงรวมวุ่นวายภายในศูนย์การค้าด้วย
ความจริงสถานการณ์ที่ได้เปรียบสำหรับผมคือตอนที่อยู่หน้าร้าน มีผู้คนมากมาย ผู้คนจะเป็นพยานในการที่ผมจะซักถามคำถามต่างๆนาๆ ยิ่งพูดเสียงดังเท่าไร ยิ่งมีคนเยอะเท่าไร ทางกลุ่มคนดังกล่าวก็จะไม่สามารถขู่พ่อค้าได้ คนกลุ่มนี้หากินบนความกลัวของพ่อค้าแม่ขาย โดยการขู่สารพัตร บ้างก็พูดว่าสินค้าไม่มีฉลาก (

ได้รับมอบอำนาจมาจับสินค้าไม่มีฉลากหรอ ) บางก็อ้างไม่ได้เสียภาษี (

มันหน้าที่หรือสรรพกรวะ) บ้างก็อ้างสินค้ามีลาย Gucci, Louis และอื่นๆ อีกมากมาย (

เอกสารระบุลิขสิทธิ์ one piece ตัวเดียว แล้วจะเอาตัวอื่นด้วย) พ่อค้าคนไหนไม่รู้ หากเผลอให้เอาลายอื่นๆไปด้วย ก็จะโดนเล่นงานเรียกเงินได้มาก ซึ่งจะเป็นการเล่นงานโดยตำรวจเอง ไม่ใช่กลุ่มคนที่อ้างว่าถือลิขสิทธิ์
จากที่ผมรู้มา ตำรวจดังกล่าวได้ไปจับกุมร้านค้าอื่น และพาไปขึ้นที่หน่วยงานของตน เนื่องจากเวลาอยู่ในหน่วยงานของตนแล้ว ทำอะไรผิดก็ไม่น่าเกลียด แล้วยังมีหัวหน้าในหน่วยคอยเป้น back up ให้
การกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวเป็นการรีดไถ่เงินอย่างชัดเจน เงินที่ได้จากพ่อค้าแม่ค้า จะนำส่งบริษัทใหญ่เล็กน้อยบ้าง ไม่ส่งบ้าง ซึ่งบริษัทก็ไม่ได้มาแสดงตนอย่างชัดเจน หลายๆกรณีเป็นเอกสารที่หมดอายุมอบสิทธิ์จับกุมแล้ว แต่ยังถูกนำมาใช้ เงินส่วนหนึ่งหัวหน้าทีมเอาไปและแบ่งให้ลูกน้องบ้าง เงินอีกส่วนก็จะแบ่งให้ตำรวจที่ยอมมาเสี่ยง อันนี้ผมไม่ได้สรุปเอง แต่เป็นความจริง พ่อค้าทุกคนจะรู้ดีและไม่พูด เพราะไม่มีอำนาจมากพอที่จะกำกัดคนกลุ่มนี้ได้ บทสรุปของผมในเหตุการณ์ครั้งนี้ จบด้วยการ จ่ายเงินให้กลุ่มคนดังกล่าว แล้วเค้าก็จะยอมให้ผมขายสินค้านั้นต่อไปได้
<< อ้างลิขสิทธิ์เพื่อรีดไถเงินพ่อค้า>>
วันนี้ผมได้ไปออกบู๊ทขายของ ณ ห้างแห่งหนึ่ง สินค้าที่ขายเป็น Case มือถือ ที่มีลวดลายการ์ตูน ขายล้างสต๊อกในราคา 2 ชิ้น 100 บาทเท่านั้น ไม่มีกำไรใดๆ วันนี้ตั้งขายวันแรกก็มีกลุ่มคนอ้างว่าได้รับมอบสิทธิ์เข้าจับกุมร้านผมที่มีขาย case ลาย one piece โดยมีพาตำรวจมาด้วย กลุ่มคนดังกล่าวหยิบสินค้าใส่ถุงแล้วสั่งให้พนักงานขายเดินทางไปเจรจาที่โรงพัก ซึ่งพ่อค้าจะถูกเรียกให้ยอมความโดยการจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง
ณ จุดนี้ดูเหมือนผมได้กระทำผิดกฎหมายร้ายแรง โดนตำรวจจับ แต่ความจริงไม่ใช่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการรีดไถ่เงินจากพ่อค้าเพื่อนำไปแบ่งกัน เพราะการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวรวมทั้งตำรวจมีความผิดทุกขั้นตอน
1. ตำรวจนอกเครื่องแบบ ไม่แสดงตน ไม่แสดงบัตร มีพิรุจ
2. ตำรวจมาจากนอกพื้นที่ แต่เข้ามา
3. เราสามารถแจ้งตำรวจในท้องที่เข้าจับกุมตำรวจดังกล่าว เนื่องจากตำรวจปฎิบัติผิดหน้าที่
4. การจับกุมจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อ มีเอกสารที่ถูกต้อง ซึ่งทางทีมผู้จับจะต้องเข้าแจ้งความล่วงหน้า และได้รับอนุมัติหมายค้นจากศาลเท่านั้น ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่ใช้เวลาเพียงวันสองวันก็ทำเสร็จ มันต้องกินเวลาเป็นสัปดาห์ กรณีนี้ผมพึ่งตั้งขายได้ครึ่งวัน หมายจับมาเร็วขนาดนี้เป็นไปได้อย่างไง รู้ล่วงหน้าว่าผมจะมาตั้งขาย
จากที่ผมอ่านแล้ว เอกสารไม่ได้ระบุวันที่ ไม่ได้ระบุผู้กระทำความผิด ไม่ได้ระบุสถานที่ ดังนั้นจึงไม่มีสิทธ์มาบังคับให้พนักงานขายไปโรงพัก หากตำรวจมีการบังคับด้วยการฉุดลาก หรือหยิบเอาสิ่งของไป ก็แจ้งจับได้ทันที
5. เอกสารที่แสดงตนเป็นผู้มีอำนาจไม่สมบูรณ์ ต้องแสดงเอกสารรับมอบสิทธิ์จากบริษัทเจ้าของลิขสิธิ์
6. ยังมีอีก
วันนี้ผมรู้สึกเสียใจมาก แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายเล่นงานกลุ่มคนดังกล่าว ผมกลับโดนกลุ่มคนดังกล่าวเล่นงาน โดนเรียกเงิน เพราะเลือกที่จะไปเจรจาที่โรงพัก เพื่อเลี่ยงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นตามมา อาจจะเป็นการหาเรื่องใหม่ หรือโดนเอาเรื่องหนักกว่าเดิม รวมทั้งเลี่ยงรวมวุ่นวายภายในศูนย์การค้าด้วย
ความจริงสถานการณ์ที่ได้เปรียบสำหรับผมคือตอนที่อยู่หน้าร้าน มีผู้คนมากมาย ผู้คนจะเป็นพยานในการที่ผมจะซักถามคำถามต่างๆนาๆ ยิ่งพูดเสียงดังเท่าไร ยิ่งมีคนเยอะเท่าไร ทางกลุ่มคนดังกล่าวก็จะไม่สามารถขู่พ่อค้าได้ คนกลุ่มนี้หากินบนความกลัวของพ่อค้าแม่ขาย โดยการขู่สารพัตร บ้างก็พูดว่าสินค้าไม่มีฉลาก (
จากที่ผมรู้มา ตำรวจดังกล่าวได้ไปจับกุมร้านค้าอื่น และพาไปขึ้นที่หน่วยงานของตน เนื่องจากเวลาอยู่ในหน่วยงานของตนแล้ว ทำอะไรผิดก็ไม่น่าเกลียด แล้วยังมีหัวหน้าในหน่วยคอยเป้น back up ให้
การกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวเป็นการรีดไถ่เงินอย่างชัดเจน เงินที่ได้จากพ่อค้าแม่ค้า จะนำส่งบริษัทใหญ่เล็กน้อยบ้าง ไม่ส่งบ้าง ซึ่งบริษัทก็ไม่ได้มาแสดงตนอย่างชัดเจน หลายๆกรณีเป็นเอกสารที่หมดอายุมอบสิทธิ์จับกุมแล้ว แต่ยังถูกนำมาใช้ เงินส่วนหนึ่งหัวหน้าทีมเอาไปและแบ่งให้ลูกน้องบ้าง เงินอีกส่วนก็จะแบ่งให้ตำรวจที่ยอมมาเสี่ยง อันนี้ผมไม่ได้สรุปเอง แต่เป็นความจริง พ่อค้าทุกคนจะรู้ดีและไม่พูด เพราะไม่มีอำนาจมากพอที่จะกำกัดคนกลุ่มนี้ได้ บทสรุปของผมในเหตุการณ์ครั้งนี้ จบด้วยการ จ่ายเงินให้กลุ่มคนดังกล่าว แล้วเค้าก็จะยอมให้ผมขายสินค้านั้นต่อไปได้