สวัสดีครับ หายไปนานเลย ช่วงนี้ว่างๆเลยมารีวิวนู่นนี่เล่นๆนะครับ วันนี้จะพาไปโอไดบะแบบประหยัดกันครับ
อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่าโตเกียวเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกเลย จริงๆค่ากินน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ที่แพงจริงๆจะเป็นค่าบ้านค่าเดินทางซะมากกว่า เราโชคดีที่ได้ห้องแบบที่ต้องการในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป แต่ค่าเดินทางที่หาทางออกยากมาก จริงๆมันก็มีอยู่ทางนึงนะคือซื้อตั๋วเดือนเอา ตั๋วเดือนที่นี่จะไม่เหมือนเมืองไทยซะทีเดียวทีเป็นตั๋วเที่ยวๆ แล้วจะนั่งเที่ยวนึงไกลแค่ไหนก็ได้เหมาราคาเท่ากันหมด ตั๋วเดือนที่นี่จะเป็นแบบเลือกสถานีต้นทางกับปลายทาง ราคาต่อเดือนก็จะแตกต่างกันไป ยิ่งไกลกันก็ยิ่งแพง แต่ข้อดีคือเราสามารถขึ้นลงสถานีระหว่างทางได้หมดเพราะเหมาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นตั๋วเดือนใครที่ผ่านสถานีใหญ่ๆหรือสถานีที่ไปบ่อยๆก็โชคดีไป อย่างของเรานี่ผ่าน อิเคะบุคุโระ ชินจูกุ ชิบูย่า ฮาราจูกุ ไล่มาถึงย่านที่ทำงานอย่าง เอบิสึ หรือ โอซากิ ก็เลยสบายไปเลย แต่ว่าถ้าเราอยากจะออกนอกเส้นทางล่ะ ก็แหงแซะต้องจ่ายเพิ่มจ้า จ่ายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ว่าจะไปไกลแค่ไหนหรือเปลี่ยนสายรถไฟกี่สาย ตัวอย่างก็เช่นจากบ้านเราไปโอไดบะ ค่ารถไฟไปกลับก็ 2,500 เยนแล้ว โฮ กินข้าวได้ทั้งวันเลยนะนั่น
ทีนี้พอมานั่งคำนวณดีๆ ถ้าไปเที่ยวนอกเส้นทางบ่อยนี่ก็กระอักเหมือนกันนะค่ารถไฟ เราเลยตัดใจซื้อจักรยานมาคันนึง อยากไปไหนก็ปั่นซะ โตเกียวก็ไม่ได้กว้างมาก รัศมีแค่ 20 กิโลซึ่งถ้าใช้จักรยานแล้วเผลอๆจะเร็วกว่านั่งรถไฟด้วยซ้ำไป ได้ออกกำลังกาย ได้เห็นเมืองในมุมอื่นๆ เข้าตรอกซอกซอย เห็นอะไรที่ไม่ได้เห็นถ้านั่งแต่รถไฟน่ะ แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะครับ หนี่งคือหน้าร้อนหรือตอนนี้ก็เหงื่อแตกกันพลั่กๆ หรือหน้าหนาวงี้ก็หนาวจนเป็นไข่จับสั่นกันเลยล่ะ (เอ๊ะ หรือไข้จับสั่น หรือจับไข่สั่น? ไม่ใช่ นี่ติดเรตละ) แต่สุดท้ายแล้วก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์แต่ละคนเนอะ เลือกที่เหมาะกับตัวเองดีที่สุดแล้ว
ทีนี้ประเด็นของวันนี้คือ เราเชื่อว่าหลายๆคนเคยไปโอไดบะแล้วล่ะ แล้วค่ารถก็แพงเหมือนกันนะเพราะต้องนั่งข้ามทะเลไป สำหรับคนที่ไม่เคยไปเนี่ย โอไดบะมันคือเกาะที่ถมขึ้นมา ส่วนใหญ่คนที่ไปก็จะเป็นแฟนหรือครอบครัว ไปเที่ยวกันสุดสัปดาห์เพราะมันมีทุกอย่างจริงๆตั้งแต่ที่ชอปปิ้ง โรงหนัง สวนสนุก หรือแม้แต่ออนเซ็นที่คนไทยชอบไปกัน ส่วนวิธีข้ามไปถ้าไม่ใช้รถหรือเรือก็น่าจะมีแค่สองวิธีนะ อันนึงคือนั่งโมโนเรลสาย Yurikamome ซึ่งก็จะได้เห็นวิวเรนโบว์บริดจ์ กับอ่าวโตเกียวด้วย ที่นั่งที่เห็นวิวดีสุดก็หน้าขบวนเลยนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ก็รอเถอะครับ รถออกทุก 5 นาที คุ้มที่รอ อีกวิธีนึงที่จะข้ามไปได้คือมุดใต้ดินสาย Rinkai ไปโผล่ตรงกลางระหว่างห้างเลยครับ ฟังดูดีแต่ที่ไม่ดีคือไอ้สองสายนี้มันแพงกว่าสายอื่นๆในเมืองน่ะสิ
วิธีไปฟรี (หรือถูกลง) ของเราก็ง่ายๆ ปั่นจากบ้านไปเลยจ้า 20 กิโล ซักชั่วโมงครึ่งสบายๆ ปั่นไปถึงสถานี Shibaurafuto ที่อยู่ใกล้ๆ เรนโบว์บริดจ์ เดินมาทางทิศใต้นิดนึงตามแผนที่ แล้วก็เดินข้ามไปเลยครับ...ใช่ครับฟังไม่ผิดหรอก เดินข้ามไปเลยครับ มันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น หนึ่งคือระยะทางแค่ 1.7 กิโล เดินยี่สิบนาทีชิวๆก็ถึงละ แต่เชื่อเถอะว่าเดินนานกว่านั้นเพราะวิวมันสวยมากจริงๆ แล้วมันมีที่นั่งให้นั่งชิวๆระหว่างทางด้วย เพลินกันไปเลย ข้อดีอีกอย่างคือ พอเดินมาถึงฝั่งโอไดบะจะเจอสวนกับชายหาดที่เราไม่มีวันจะมาแน่ๆถ้านั่งรถไฟมา ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศชิลๆละกันครับ ขาไปก็ไปฝั่งนึง ขากลับก็กลับอีกฝั่งจะได้เห็นวิวครบสองฝั่งนะครับ สะพานนี้เปิดให้เดินข้ามเป็นเวลานะครับ หน้าหนาวก็ปิดหกโมงเย็น หน้าร้อนเปิดยาวมาหน่อยถึงสามทุ่ม ประตูปิดครึ่งชั่วโมงก่อนเวลาปิดนะครับ จักรยานห้ามปั่นข้ามไปแต่จูงไปได้ เค้าจะเอาแผ่นไม้มีล้อมาติดกับล้อหลังเราไม่ให้เราปั่นไปจริงๆ น่ารักเชียว อ้อ แล้วก็บนสะพานลมแรงมากนะครับ เมื่อวานไปกำลังดีเพราะอากาศเริ่มร้อนแล้วแต่ไม่รู้ว่าหน้านาวจะหนาวขนาดไหน เดี๋ยวได้เป็นไข่จับสั่นกันอีก
สุดท้ายนี้การเดินทางแบบถูกก้ไม่ใช่ว่าจะดีไปหมดนะครับ มันแลกมากับเวลาที่เสียเพิ่มขึ้น และถ้ามีคนแก่หรือเด็กๆเนี่ย ไม่แนะนำเลย งอแงกันแย่ คนไทยถ้าไปเดินกันก็อย่าบ่นว่าไกลนะครับ เข้าใจว่าอยู่เมืองไทยสภาพแวดล้อมมันไม่เหมาะกับการเดินเราเลยไม่ค่อยได้เดินกันเท่าไหร่ แต่มาที่นี่แล้วเดินเถอะครับ วิวก็สวย ได้ลดน้ำหนักกลายๆอีก
รูปนี้ถ่ายจากสวนลับที่ตีนสะพานฝั่งโอไดบะนะครับ
เคยไปสวนนี้กันมั๊ยครับ?
หาดเทียม
สุดท้ายนี้การเดินทางแบบถูกก้ไม่ใช่ว่าจะดีไปหมดนะครับ มันแลกมากับเวลาที่เสียเพิ่มขึ้น และถ้ามีคนแก่หรือเด็กๆเนี่ย ไม่แนะนำเลย งอแงกันแย่ คนไทยถ้าไปเดินกันก็อย่าบ่นว่าไกลนะครับ เข้าใจว่าอยู่เมืองไทยสภาพแวดล้อมมันไม่เหมาะกับการเดินเราเลยไม่ค่อยได้เดินกันเท่าไหร่ แต่มาที่นี่แล้วเดินเถอะครับ วิวก็สวย ได้ลดน้ำหนักกลายๆอีก
อ้อ แล้วก็ขากลับแวะกินข้าวดึกตอนสี่ทุ่มที่โคโค่อิจิบัง เมนูแกงกระหรี่เนื้อทอด ไม่รู้ทำไมเมืองไทยไม่มีเมนูนี้นะ ออกจะอร่อย เดี๋ยวโพสหน้าจะมารีวิวสวนสัตว์ใหญ่ยักษ์ในโยโกฮาม่าที่ชื่อว่า Zoorasia นะครับ เห็นเค้าว่ากันว่าดีกว่าที่อุเอโนะ สุดท้ายนี้ขอฝากเวบไซต์ไว้หน่อยละกันนะครับเผื่ออนาคตอ่านรีวิวหรือเรื่องอื่นๆ แล้วเจอกันครับ
http://www.facebook.com/misterbighippo
http://misterbighippo.weebly.com/
[CR] มาอยู่โตเกียวกันต่อครับ: เที่ยวแบบประหยัด ข้ามไปโอไดบะแบบฟรี (หรือถูกลง)
อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่าโตเกียวเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกเลย จริงๆค่ากินน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ที่แพงจริงๆจะเป็นค่าบ้านค่าเดินทางซะมากกว่า เราโชคดีที่ได้ห้องแบบที่ต้องการในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป แต่ค่าเดินทางที่หาทางออกยากมาก จริงๆมันก็มีอยู่ทางนึงนะคือซื้อตั๋วเดือนเอา ตั๋วเดือนที่นี่จะไม่เหมือนเมืองไทยซะทีเดียวทีเป็นตั๋วเที่ยวๆ แล้วจะนั่งเที่ยวนึงไกลแค่ไหนก็ได้เหมาราคาเท่ากันหมด ตั๋วเดือนที่นี่จะเป็นแบบเลือกสถานีต้นทางกับปลายทาง ราคาต่อเดือนก็จะแตกต่างกันไป ยิ่งไกลกันก็ยิ่งแพง แต่ข้อดีคือเราสามารถขึ้นลงสถานีระหว่างทางได้หมดเพราะเหมาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นตั๋วเดือนใครที่ผ่านสถานีใหญ่ๆหรือสถานีที่ไปบ่อยๆก็โชคดีไป อย่างของเรานี่ผ่าน อิเคะบุคุโระ ชินจูกุ ชิบูย่า ฮาราจูกุ ไล่มาถึงย่านที่ทำงานอย่าง เอบิสึ หรือ โอซากิ ก็เลยสบายไปเลย แต่ว่าถ้าเราอยากจะออกนอกเส้นทางล่ะ ก็แหงแซะต้องจ่ายเพิ่มจ้า จ่ายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ว่าจะไปไกลแค่ไหนหรือเปลี่ยนสายรถไฟกี่สาย ตัวอย่างก็เช่นจากบ้านเราไปโอไดบะ ค่ารถไฟไปกลับก็ 2,500 เยนแล้ว โฮ กินข้าวได้ทั้งวันเลยนะนั่น
ทีนี้พอมานั่งคำนวณดีๆ ถ้าไปเที่ยวนอกเส้นทางบ่อยนี่ก็กระอักเหมือนกันนะค่ารถไฟ เราเลยตัดใจซื้อจักรยานมาคันนึง อยากไปไหนก็ปั่นซะ โตเกียวก็ไม่ได้กว้างมาก รัศมีแค่ 20 กิโลซึ่งถ้าใช้จักรยานแล้วเผลอๆจะเร็วกว่านั่งรถไฟด้วยซ้ำไป ได้ออกกำลังกาย ได้เห็นเมืองในมุมอื่นๆ เข้าตรอกซอกซอย เห็นอะไรที่ไม่ได้เห็นถ้านั่งแต่รถไฟน่ะ แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะครับ หนี่งคือหน้าร้อนหรือตอนนี้ก็เหงื่อแตกกันพลั่กๆ หรือหน้าหนาวงี้ก็หนาวจนเป็นไข่จับสั่นกันเลยล่ะ (เอ๊ะ หรือไข้จับสั่น หรือจับไข่สั่น? ไม่ใช่ นี่ติดเรตละ) แต่สุดท้ายแล้วก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์แต่ละคนเนอะ เลือกที่เหมาะกับตัวเองดีที่สุดแล้ว
ทีนี้ประเด็นของวันนี้คือ เราเชื่อว่าหลายๆคนเคยไปโอไดบะแล้วล่ะ แล้วค่ารถก็แพงเหมือนกันนะเพราะต้องนั่งข้ามทะเลไป สำหรับคนที่ไม่เคยไปเนี่ย โอไดบะมันคือเกาะที่ถมขึ้นมา ส่วนใหญ่คนที่ไปก็จะเป็นแฟนหรือครอบครัว ไปเที่ยวกันสุดสัปดาห์เพราะมันมีทุกอย่างจริงๆตั้งแต่ที่ชอปปิ้ง โรงหนัง สวนสนุก หรือแม้แต่ออนเซ็นที่คนไทยชอบไปกัน ส่วนวิธีข้ามไปถ้าไม่ใช้รถหรือเรือก็น่าจะมีแค่สองวิธีนะ อันนึงคือนั่งโมโนเรลสาย Yurikamome ซึ่งก็จะได้เห็นวิวเรนโบว์บริดจ์ กับอ่าวโตเกียวด้วย ที่นั่งที่เห็นวิวดีสุดก็หน้าขบวนเลยนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ก็รอเถอะครับ รถออกทุก 5 นาที คุ้มที่รอ อีกวิธีนึงที่จะข้ามไปได้คือมุดใต้ดินสาย Rinkai ไปโผล่ตรงกลางระหว่างห้างเลยครับ ฟังดูดีแต่ที่ไม่ดีคือไอ้สองสายนี้มันแพงกว่าสายอื่นๆในเมืองน่ะสิ
วิธีไปฟรี (หรือถูกลง) ของเราก็ง่ายๆ ปั่นจากบ้านไปเลยจ้า 20 กิโล ซักชั่วโมงครึ่งสบายๆ ปั่นไปถึงสถานี Shibaurafuto ที่อยู่ใกล้ๆ เรนโบว์บริดจ์ เดินมาทางทิศใต้นิดนึงตามแผนที่ แล้วก็เดินข้ามไปเลยครับ...ใช่ครับฟังไม่ผิดหรอก เดินข้ามไปเลยครับ มันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น หนึ่งคือระยะทางแค่ 1.7 กิโล เดินยี่สิบนาทีชิวๆก็ถึงละ แต่เชื่อเถอะว่าเดินนานกว่านั้นเพราะวิวมันสวยมากจริงๆ แล้วมันมีที่นั่งให้นั่งชิวๆระหว่างทางด้วย เพลินกันไปเลย ข้อดีอีกอย่างคือ พอเดินมาถึงฝั่งโอไดบะจะเจอสวนกับชายหาดที่เราไม่มีวันจะมาแน่ๆถ้านั่งรถไฟมา ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศชิลๆละกันครับ ขาไปก็ไปฝั่งนึง ขากลับก็กลับอีกฝั่งจะได้เห็นวิวครบสองฝั่งนะครับ สะพานนี้เปิดให้เดินข้ามเป็นเวลานะครับ หน้าหนาวก็ปิดหกโมงเย็น หน้าร้อนเปิดยาวมาหน่อยถึงสามทุ่ม ประตูปิดครึ่งชั่วโมงก่อนเวลาปิดนะครับ จักรยานห้ามปั่นข้ามไปแต่จูงไปได้ เค้าจะเอาแผ่นไม้มีล้อมาติดกับล้อหลังเราไม่ให้เราปั่นไปจริงๆ น่ารักเชียว อ้อ แล้วก็บนสะพานลมแรงมากนะครับ เมื่อวานไปกำลังดีเพราะอากาศเริ่มร้อนแล้วแต่ไม่รู้ว่าหน้านาวจะหนาวขนาดไหน เดี๋ยวได้เป็นไข่จับสั่นกันอีก
สุดท้ายนี้การเดินทางแบบถูกก้ไม่ใช่ว่าจะดีไปหมดนะครับ มันแลกมากับเวลาที่เสียเพิ่มขึ้น และถ้ามีคนแก่หรือเด็กๆเนี่ย ไม่แนะนำเลย งอแงกันแย่ คนไทยถ้าไปเดินกันก็อย่าบ่นว่าไกลนะครับ เข้าใจว่าอยู่เมืองไทยสภาพแวดล้อมมันไม่เหมาะกับการเดินเราเลยไม่ค่อยได้เดินกันเท่าไหร่ แต่มาที่นี่แล้วเดินเถอะครับ วิวก็สวย ได้ลดน้ำหนักกลายๆอีก
รูปนี้ถ่ายจากสวนลับที่ตีนสะพานฝั่งโอไดบะนะครับ
เคยไปสวนนี้กันมั๊ยครับ?
หาดเทียม
สุดท้ายนี้การเดินทางแบบถูกก้ไม่ใช่ว่าจะดีไปหมดนะครับ มันแลกมากับเวลาที่เสียเพิ่มขึ้น และถ้ามีคนแก่หรือเด็กๆเนี่ย ไม่แนะนำเลย งอแงกันแย่ คนไทยถ้าไปเดินกันก็อย่าบ่นว่าไกลนะครับ เข้าใจว่าอยู่เมืองไทยสภาพแวดล้อมมันไม่เหมาะกับการเดินเราเลยไม่ค่อยได้เดินกันเท่าไหร่ แต่มาที่นี่แล้วเดินเถอะครับ วิวก็สวย ได้ลดน้ำหนักกลายๆอีก
อ้อ แล้วก็ขากลับแวะกินข้าวดึกตอนสี่ทุ่มที่โคโค่อิจิบัง เมนูแกงกระหรี่เนื้อทอด ไม่รู้ทำไมเมืองไทยไม่มีเมนูนี้นะ ออกจะอร่อย เดี๋ยวโพสหน้าจะมารีวิวสวนสัตว์ใหญ่ยักษ์ในโยโกฮาม่าที่ชื่อว่า Zoorasia นะครับ เห็นเค้าว่ากันว่าดีกว่าที่อุเอโนะ สุดท้ายนี้ขอฝากเวบไซต์ไว้หน่อยละกันนะครับเผื่ออนาคตอ่านรีวิวหรือเรื่องอื่นๆ แล้วเจอกันครับ
http://www.facebook.com/misterbighippo
http://misterbighippo.weebly.com/
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น