[CR] สองชะนีตะลุยเวียดนาม ตอน 2/5: "ฮาลองเบย์"

เช้าวันที่สองของทริป ทัวร์นัดว่าจะมารับเราไปฮาลองเบย์ตอน 8 โมงเช้า (และบอกว่าจะมาส่งกลับตอน 2 ทุ่ม)
แต่เอาเข้าจริงรถมารับเร็วกว่ากำหนด อาหารเช้ายังคาปากพวกเราอยู่เลย ร้องไห้
ก็ต้องรีบลงมาเช็คเอ้าท์กับโฮสเทลและขอฝากกระเป๋าไว้
ตอนกลับเราแจ้งทางโฮสเทลไว้ว่าจะขออาบน้ำก่อนไปสถานีรถเพื่อเดินทางไปเว้ต่อ

รถบัสที่มารับสภาพดี สะอาดสะอ้าน แอร์เย็น นั่งสบาย ไกด์ของเราเป็นหนุ่มร่างสันทัดชื่อ Tsung (ซุง)
พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยก็ทักว่า "สวัสดีครับ" แถมยังยิงมุขว่า ภาษาไทยมีคำลงท้าย 3 แบบ คือ "ค่ะ", "ครับ" และ "ฮ่ะ"
คำหลังสุดใช้สำหรับ lady boy เอ่อ...รู้เยอะไปนะ

เพื่อนร่วมทัวร์ของพวกเรามีหลายเชื้อชาติ ทั้งเวียดนาม, อเมริกัน, มาเลเซีย, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น
เจอคนไทยด้วยกันอีกสองคน เป็นหนุ่มหล่อ รวมทั้งหมดประมาณ 20 ชีวิต
ขาไปคุณซุงคุยคนเดียวเกือบตลอดทาง ทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจ, สังคม, วัฒนธรรมเวียดนาม
ไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างเวียดนามกับจีน เค้าเล่าว่าตอนนี้สถานการณ์กำลังแย่ (ที่มีข่าวว่าประท้วงกันนั่นล่ะ)
และเวียดนามพร้อมจะเปิดสงครามแล้ว ป๊าดดดดด! เครียดได้อีก



ระหว่างทางมีการแวะให้ซื้อของที่ระลึกจากฝีมือผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม เราก็อุดหนุนและบริจาคเล็กๆ น้อยๆ
แต่งานปักอย่างในรูปนี่สวยจริงๆ นะ เค้าปักกันอย่างคล่องแคล่วเชียวล่ะ



กว่าจะถึงฮาลองเบย์ก็ปาเข้าไป 11 โมงกว่า นับดูแล้วใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมง แล้วคิดดูว่าต้องนั่งกลับอีก
อาจจะช้าเพราะเค้าขับด้วยความเร็วรถ 60 กม./ชม. ด้วยแหละ
พี่ไกด์ยังบอกเลยว่าจะเรียกว่า Day Tour ก็คงไม่ถูกนัก เพราะความจริงเราอยู่ที่ฮาลองเบย์แค่ 4 ชม. ไม่ใช่ทั้งวัน

เมื่อมาถึงท่าเรือฮาลองเบย์ พี่ไกด์ก็ไปซื้อตั๋วเข้าชมให้พวกเราทุกคน จากนั้นก็พาเราไปขึ้นเรือ
สภาพเรือภายนอกก็ธรรมดา แต่ภายในจัดให้ดูสวยงามประมาณนึง แบ่งเป็นโต๊ะๆ สำหรับรับประทานอาหาร



ขึ้นเรือไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เป็นอาหารทะเล มีกุ้งเผา หอยลวก ข้าวผัด หอยจ้อ ไข่หวาน (มาได้ไง?)
รสชาติไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่ เพราะน้ำจิ้มเค้าไม่แซ่บเหมือนบ้านเรา
ค่าอาหารรวมอยู่ในราคาทัวร์แล้ว แต่เบียร์ฮานอยที่เค้ายกมาเสนอนั้นต้องจ่ายต่างหากนะจ๊ะ



จะว่าไปการล่องเรือรับประทานอาหารแกล้มวิวฮาลองเบย์ถือเป็นสุนทรียะของชีวิตนะ (ถ้าอากาศไม่ร้อนขนาดนี้)
ฮาลองเบย์ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก
ด้วยพื้นที่ทั้งหมด 1,553 ตร.กม. และเกาะทั้งหมดเกือบสองพันเกาะ
สำหรับเราคิดว่าสวยจริง แต่...ยังสวยสู้ทะเลไทยไม่ได้ อันนี้ไม่ได้อวยบ้านตัวเองนะคะ อิอิ
อีกอย่างที่เคืองมากคือ...มันไม่มีเรือสำเภาแบบที่เคยเห็นในรูปอ่า หนูไม่ย้อมมมม!

ใจร้าวร้องไห้ใจร้าวร้องไห้ใจร้าวร้องไห้



พอนั่งมาสักพักก็มาถึงจุดแวะจุดแรกคือจุดพายเรือคายัคและนั่งเรือไม้ไผ่
คนที่จ่ายค่าทัวร์แบบรวมพายเรือคายัคก็จะได้ทำกิจกรรมตรงจุดนี้ ส่วนคนที่ไม่ได้จ่ายก็มีทางเลือก 2 ทาง คือ
1) นั่งชิลบนเรือ (ไม่เสียตังค์)
2) นั่งเรือไม้ไผ่ (เสียตังค์คนละ 6 ดอลลาร์ หรือประมาณ 200 บาท)

เราตัดสินใจนั่งเรือไม้ไผ่ เพราะคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
เรือไม้ไผ่นั่งได้เต็มที่ได้ 6 คน มีชาวบ้านพายให้ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ
วิวก็สวยดีอ่ะนะ แต่แดดร้อนมากถึงมากที่สุด ดีนะที่มีร่มให้กาง ไม่งั้นตัวไหม้แน่



ประมวลภาพขณะนั่งเรือไม้ไผ่ รูปสุดท้ายเป็นหมู่บ้านชาวประมงค่ะ











หลังจากเสร็จกิจกรรมตรงจุดนี้ เรือก็พาเราไปยังจุดต่อไป นั่นคือ ถ้ำเทียนกุง (Thien Cung Cave)
อย่างที่บอกว่าค่าเข้าถ้ำเทียนกุงรวมอยู่ในทัวร์แล้ว เราก็เลยไม่ต้องซื้อบัตรเข้าชมเอง ไกด์จัดให้เราค่ะ
กว่าจะถึงถ้ำก็ต้องปีนป่ายขึ้นไปอีกประมาณสองแฮ่กซึ่งสำหรับเราถือว่าชิลมาก เพราะผ่านการเดินในฮานอยมาแล้ว
ภายในถ้ำเป็นหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงามประหลาดตา ความจริงที่บ้านเราก็มี แต่ที่นี่เค้าจัดไฟให้ดูตระการตาเชียวค่ะ
อากาศภายในถ้ำเย็นดีอย่างกับติดแอร์ พื้นถ้ำก็ปูกระเบื้องอย่างดี โดยรวมแล้วถือว่าน่าเที่ยวเชียวล่ะค่ะ



ขาลงจากถ้ำ เราเก็บวิวนี้ได้ค่ะ ฟิน หัวใจจุ๊บๆเยี่ยม



ที่ทางออกถ้ำมีของที่ระลึกขายตามธรรมเนียม สินค้าหลายอย่างเหมือนที่เค้าจอดแวะให้เราช้อปปิ้งตอนขามา
จะบอกว่าถูกกว่าด้วยค่ะ แต่ถ้าคิดว่าจะซื้อที่นั่นเพื่อช่วยเค้าก็โอเคค่ะ

ขากลับก็มีการแวะให้ลงไปซื้อของที่ระลึกอีกรอบค่ะ มีอาหารและเครื่องดื่มด้วย แต่เราไม่ได้ซื้ออะไร
ระหว่างทางกลับรถก็แอบฟังไกด์ซุงคุยกับลุงชาวอเมริกันเรื่องภาษาเวียดนาม เพลินเลย
คุณซุงบอกว่าเมื่อก่อนนี้เวียดนามก็ใช้ภาษาเขียนเป็นภาษาจีนนั่นแหละ
แต่เมื่อเป็นศัตรูกับจีนการส่งสารลับด้วยตัวเขียนจีนจึงลำบาก
จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยนำตัวอักษรโรมันมาประยุกต์จนกลายเป็นภาษาเวียดนามอย่างทุกวันนี้
คุณซุงบอกว่าปัจจุบันคนเวียดนามอ่านภาษาจีนไม่ได้แล้ว
ส่วนภาษาพูดเราไม่แน่ใจว่ายังไงแน่ แต่ฟังดูแล้วก็คล้ายภาษาจีนอยู่นะ

ตัดภาพมาที่ฮานอย เรากลับมาถึงโฮสเทลก่อนสองทุ่ม ก็พากันไปหาอาหารเย็นกินแถวนั้น
ร้านนี้เล็งมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะเห็นคนล้นร้าน น่าจะอร่อย
เราไม่รู้จะสั่งอะไร เลยบอกว่าเอาเหมือนโต๊ะข้างๆ ก็ได้ชามนี้มา
เหมือนมาม่าไก่ตุ๋น น้ำซุปแซ่บ ไก่เปื่อย อร่อยเชียวล่ะ สนนราคา 40,000 ดอง หรือประมาณ 60 บาท (แอบแพงนะ)



หลังจากอิ่มหนำเราก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โฮสเทล เสร็จแล้วก็ให้โฮสเทลเรียกแท็กซี่ไปสถานีรถไฟ
เราถามโฮสเทลว่าจ่ายเงินตามมิเตอร์หรือคิดเหมา เค้าบอกว่าจ่ายตามมิเตอร์เลย ไม่ต้องห่วง นี่แท็กซี่ดี (แหะๆ)
พี่แท็กซี่พาเราไปถึงสถานีรถไฟในเวลาไม่ถึง 15 นาที จำไม่ได้ว่าค่าแท็กซี่เท่าไหร่ รู้แต่ว่าเค้าไม่ทอนตังค์ ฮ่าๆๆ
แต่คิดเป็นเงินไทยก็ไม่ถึง 10 บาท เราก็หยวนๆ อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยเลย

พูดถึงรถไฟ ก็อย่างที่บอก เราอยากเดินทางทุกรูปแบบ เลยอยากลองนั่งรถไฟนอนดูบ้าง
เราจองตั๋วล่วงหน้าเป็นเดือน เพราะได้ข่าวว่าตู้นอนชั้นหนึ่งแบบ Soft Sleeper เต็มเร็วมาก
ตอนที่จะจองตั๋ว เราหาข้อมูลจากเว็บไซต์นี้ซึ่งมีข้อมูลการเดินทางด้วยรถไฟทั่วโลก
http://www.seat61.com/Vietnam.htm#Buy_tickets_in_advance_via_a_travel_agency
และเค้าแนะนำให้จองผ่านเอเจนซี่ชื่อ VietnamImpressive ซึ่งไว้ใจได้มากที่สุด
ลองเข้าไปดูตารางเดินรถและราคาได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ
http://www.vietnamimpressive.com/service/reunification-express-train.html

วิธีการคือจองผ่านเว็บไซต์แล้วทางเอเจนซี่จะติดต่อกลับมาทางอีเมล โดยเราต้องโอนเงินก่อน เค้าถึงจะจองตั๋วให้
และตั๋วนี้ออกแล้วออกเลย ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้
เราจองตั๋วประเภท Soft sleeper 4 -berth sharing compartment คือตู้นอน 4 คน ที่นอนนุ่ม หรูที่สุดในขบวน ฮ่ะๆ
ราคาหน้าเว็บอยู่ที่ 60 ดอลลาร์ ซึ่งทางเอเจนซี่จะบวกค่าดำเนินการอีก 5 ดอลลาร์ รวมเป็น 65 ดอลลาร์์ หรือประมาณ 2,150 บาท
ก็แอบแพงอยู่ แพงกว่าตั๋วเครื่องบินอีก (ปาดเหงื่อ) แต่ก็นะ...ถือว่าซื้อประสบการณ์และได้อารมณ์ผจญภัย
เราแจ้งให้เอเจนซี่ไปส่งตั๋วให้ที่ Hanoi Hostel ก่อนวันที่เราไปถึงซึ่งตั๋วก็ถึงมือเราโดยไม่มีปัญหาอะไรเลย

ที่สถานีรถไฟ เราภาวนาขอให้เพื่อนร่วมตู้อีกสองคนเป็นผู้หญิง คือกลัวจะเป็นผู้ชายขี้เมาอะไรแบบนั้น
ปรากฎว่าเพื่อนร่วมตู้ของเราเป็นคู่พ่อลูก แต่เขาอยู่กันแบบสงบเรียบร้อยมาก ถือว่าโชคดีจริงๆ
โชคดีอีกอย่างตรงที่เราได้นอนเตียงล่าง ไม่อย่างนั้นคงต้องกายกรรมเปียงยางขึ้นไปนอน เป็นภาพที่น่าเวทนายิ่ง



ขอบอกว่านอนสบายจุงเบย อิอิ อาจเป็นเพราะเราเหนื่อยมาทั้งวันด้วย และจังหวะฉึกฉักของรถไฟก็ชวนเคลิ้มเสียจริง
และแล้วก็ผล็อยหลับไป...ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้...ที่เว้ค่ะ
ชื่อสินค้า:   ฮาลองเบย์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่