วันนี้นะครับ ผมจะมารีวิวสุดยอดภาพยนต์ดราม่าที่ออกฉายในรอบปีจำนวนทั้งสิ้น2เรื่องด้วยกัน บางเรื่องที่ท่านดูแล้ว อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ทันไม่ทันได้สังเกต เราจะมาเก็บตกกัน
1.
เรื่องแรก
12years a slave ชื่อภาษาไทยคือ
ปลดแอกคนย่ำคน หนังเรื่องนี้ เมื่อผมได้เห็นปกที่เต็มไปด้วยรางวัลจากเวทีต่างๆ บวกกับความน่าสนใจในเนื้อหาย่อด้านปกหลัง ผมก็รีบซื้อมาอย่างไม่ลังเล และตั้งความคาดหวังไว้สูงทีเดียว
ย้อนเวลากลับไปในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปี1840 การค้าทาสยังคงรุ่งโรจน์ คนนิโกรแทบไม่มีที่ยืนในสังคม โซโลมอนเองก็เป็นนิโกรคนหนึ่ง แต่คุณภาพชีวิตของพวกเขาถือว่าดีในหมู่นิโกรด้วยกันนั่นเพราะเขามีงานทำ เป็นนักไวโอลิน อยู่มาวันหนึ่งคู่หุแฮมิลตันและบราวน์มาขอพบโซโลมอน บอกว่าจะจ้างเขาให้ไปเป็นคนสีไวโอลินให้กับคณะละครสัตว์ โซโลมอนไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ข้างหน้าคือนรก
แฮมิลตันและบราวน์ล่อลวงโซโลมอน และมอมเหล้าจนหลับไป เขาฟื้นขึ้นมาและเห็นตัวเองในสภาพถุกกักขัง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดคำว่าอิสรภาพในช่วงระยะเวลา12ปีต่อจากนี้ จะไม่มีคำว่าความสุขอีกต่อไป โซโลมอนถูกขายให้กับนายทุนคนหนึ่ง และสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ใูนที่แรกเขามีปัญหากับเจ้านาย จึงถูกขายต่ออีกทอดให้กับเจ้านายคนต่อไปชื่อเอพพ์ เอพพ์เป็นผู้ที่มีนิสัยโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมจนถึงที่สุด โซโลมอนอยู่ที่นี่จนกระทั่งเขาหาทางเป็นไทให้ตัวเองได้สำเร็จ คือวันหนึ่งมีคนขาวคนหนึ่งมาทำงานรับจ้างในไร่ของเอพพ์ โซโลมอนจึงขอให้เขาเขียนจดหมายให้เพื่อนของเขามาปลดปล่อยตัวเขาสู่อิสรภาพ
หลังจากปลดแอกตัวเองได้สำเร็จ โซโลมอนเดินทางกลับบ้านไปหาลูกเมีย ลูกโตเป็นหมุ่มสาวกันหมดแล้ว ลูกสาวก็แต่งงานมีลูกแล้ว โซโลมอนดำรงชีวิตต่อไปด้วยภารกิจที่ยิ่งใหญ่นั่นคือ เป็นตัวตั้งตัวตีในการรณรงค์ให้เลิกทาส และเป็นผู้บรรยายให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของทาสที่แท้จริง
-หลายๆจุดยังน่าสงสัย เช่นฉากที่โซโลมอนโดนแขวนคอนานขนาดนั้น แค่เขารอดได้อย่างไร
-ฉากจบตอนกลับบ้านไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าอินไปกับตัวบทเท่าไหร่ (ไม่ซึ้งเท่าที่ควร)
-ผมแทบจะร้องไห้ตอนแพทซึ่ นิโกรสาวตัวเล็กคนโปรดของเอพพ์ ถือสบู่มาแล้วโดนเฆี่ยนอย่างสาหัส TT
-บางฉากบางช่วงไม่ควรตัดสลับไปมา เช่น ตอนโดนคุมขังสักพักภาพตัดไปเป็นตอนส่งขึ้นนอน ท่านจะงงเอารึเปล่าไม่รู้นะตอนนั้น แต่ผมงง
*ก้ำกึ่งระหว่าง ทำได้ดีจนถึงเกือบดี สามารถดึงคนดูให้อินถึงบทบาทความทรมานแสนสาหัสได้ดี(ดูแลัวยังเจ็บแทน) แต่ตกม้าตายตอนจบ
79/100
2.
จากซีรี่ย์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาลในญี่ปุ่น สู่ผลงานจอยักษ์ ผมคาดหวังว่าจะต้องเสียน้ำตาใหหนังเรื่องนี้แน่ๆ แต่ดูแล้วกลับรู้สึกหลงรักตัวละครเด็กทั้ง2คนมากกว่า555
โคโคเนะ ฮามาดะ ในบท
โอชิน และ
อิงาชิระ มานามิ ในบทคุณหนู
คายะ ก็น่ารักทั้งคู่เลยนิเนอะ
ในรูปแบบจอเงินนี้จะเล่าเรื่องถึงโอชินในวัยเด็ก ญี่ปุ่นในสมัยก่อนถือคติว่าเป็นผู้หญิงต้องอดทน ต้องเสียสละให้สามีและครอบครัว นั่นคือไปทำงานเป็นคนรับใช้ในไร่เพื่อแลกกับอาหารที่สามารถกินได้ตลอดปี โอชินถึงแม้จะอยู่ในวัยเด็ก วัยที่เธอควรได้รับการศึกษาในปีนี้ แต่พ่อของเธอก็ยังให้เธอไปทำงานเพื่อความอยู่รอดของคนในครอบครัว
หนังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความรันทดแบบสุดๆของโอชินจนเกินไปนัก เพราะเธอยังเด็กมาก บทของเธอเท่ากับว่าเธอแบกรับหนังเรื่องนี้ไว้ทั้งเรื่อง ถ้าเทียบกับภาคซีรี่ย์ยังถือว่าซอฟต์มากในหลายจุด ผมยังตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องมีภาคต่อไปในช่วงที่เธอโตเป็นสาว ผมเชื่อว่าภาคต่อไปจะต้องได้เห็นความรันทดที่แสนสาหัสของโอชิน ในภาคนี้ก็ถือว่าสอบผ่านนะครับ เพราะอะไร?ลองถามตัวท่านเองว่า หากท่านมีคนรับใช้เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล้กหน้าตาจิ้มลิ้ม อายุ7ขวบ ท่านจะให้เขาทำอะไรบ้าง? ท่านจะลงโทษเขาหรือไม่? ท่านจะเฆี่ยนตีเขารึเปล่า? ทุกอย่างนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดู
ไม่สุดเมื่อเทียบกับตัวซีรี่ย์ แน่นอนว่าในหนังไม่มีการลงโทษเจ้าหนูโอชินเท่าไร(อย่างมากแค่ตบ) และเธอทำให้ผมรู้สึกสงสารและเอ็นดูและรู้สึกหลงรักเข้าเต็มเปาเสียแล้ว เจ้าหนูใบหน้าเปื้อนยิ้ม

)))
82/100
*หวังว่าคงมีภาคต่อไป เราอาจได้เห็นอารมณ์ที่
สุดมากกว่านี้
หนังดราม่าที่สุดแห่งปี
1.
เรื่องแรก 12years a slave ชื่อภาษาไทยคือ ปลดแอกคนย่ำคน หนังเรื่องนี้ เมื่อผมได้เห็นปกที่เต็มไปด้วยรางวัลจากเวทีต่างๆ บวกกับความน่าสนใจในเนื้อหาย่อด้านปกหลัง ผมก็รีบซื้อมาอย่างไม่ลังเล และตั้งความคาดหวังไว้สูงทีเดียว
ย้อนเวลากลับไปในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปี1840 การค้าทาสยังคงรุ่งโรจน์ คนนิโกรแทบไม่มีที่ยืนในสังคม โซโลมอนเองก็เป็นนิโกรคนหนึ่ง แต่คุณภาพชีวิตของพวกเขาถือว่าดีในหมู่นิโกรด้วยกันนั่นเพราะเขามีงานทำ เป็นนักไวโอลิน อยู่มาวันหนึ่งคู่หุแฮมิลตันและบราวน์มาขอพบโซโลมอน บอกว่าจะจ้างเขาให้ไปเป็นคนสีไวโอลินให้กับคณะละครสัตว์ โซโลมอนไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ข้างหน้าคือนรก
แฮมิลตันและบราวน์ล่อลวงโซโลมอน และมอมเหล้าจนหลับไป เขาฟื้นขึ้นมาและเห็นตัวเองในสภาพถุกกักขัง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดคำว่าอิสรภาพในช่วงระยะเวลา12ปีต่อจากนี้ จะไม่มีคำว่าความสุขอีกต่อไป โซโลมอนถูกขายให้กับนายทุนคนหนึ่ง และสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ใูนที่แรกเขามีปัญหากับเจ้านาย จึงถูกขายต่ออีกทอดให้กับเจ้านายคนต่อไปชื่อเอพพ์ เอพพ์เป็นผู้ที่มีนิสัยโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมจนถึงที่สุด โซโลมอนอยู่ที่นี่จนกระทั่งเขาหาทางเป็นไทให้ตัวเองได้สำเร็จ คือวันหนึ่งมีคนขาวคนหนึ่งมาทำงานรับจ้างในไร่ของเอพพ์ โซโลมอนจึงขอให้เขาเขียนจดหมายให้เพื่อนของเขามาปลดปล่อยตัวเขาสู่อิสรภาพ
หลังจากปลดแอกตัวเองได้สำเร็จ โซโลมอนเดินทางกลับบ้านไปหาลูกเมีย ลูกโตเป็นหมุ่มสาวกันหมดแล้ว ลูกสาวก็แต่งงานมีลูกแล้ว โซโลมอนดำรงชีวิตต่อไปด้วยภารกิจที่ยิ่งใหญ่นั่นคือ เป็นตัวตั้งตัวตีในการรณรงค์ให้เลิกทาส และเป็นผู้บรรยายให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของทาสที่แท้จริง
-หลายๆจุดยังน่าสงสัย เช่นฉากที่โซโลมอนโดนแขวนคอนานขนาดนั้น แค่เขารอดได้อย่างไร
-ฉากจบตอนกลับบ้านไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าอินไปกับตัวบทเท่าไหร่ (ไม่ซึ้งเท่าที่ควร)
-ผมแทบจะร้องไห้ตอนแพทซึ่ นิโกรสาวตัวเล็กคนโปรดของเอพพ์ ถือสบู่มาแล้วโดนเฆี่ยนอย่างสาหัส TT
-บางฉากบางช่วงไม่ควรตัดสลับไปมา เช่น ตอนโดนคุมขังสักพักภาพตัดไปเป็นตอนส่งขึ้นนอน ท่านจะงงเอารึเปล่าไม่รู้นะตอนนั้น แต่ผมงง
*ก้ำกึ่งระหว่าง ทำได้ดีจนถึงเกือบดี สามารถดึงคนดูให้อินถึงบทบาทความทรมานแสนสาหัสได้ดี(ดูแลัวยังเจ็บแทน) แต่ตกม้าตายตอนจบ
79/100
2.
จากซีรี่ย์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาลในญี่ปุ่น สู่ผลงานจอยักษ์ ผมคาดหวังว่าจะต้องเสียน้ำตาใหหนังเรื่องนี้แน่ๆ แต่ดูแล้วกลับรู้สึกหลงรักตัวละครเด็กทั้ง2คนมากกว่า555 โคโคเนะ ฮามาดะ ในบทโอชิน และ อิงาชิระ มานามิ ในบทคุณหนูคายะ ก็น่ารักทั้งคู่เลยนิเนอะ
ในรูปแบบจอเงินนี้จะเล่าเรื่องถึงโอชินในวัยเด็ก ญี่ปุ่นในสมัยก่อนถือคติว่าเป็นผู้หญิงต้องอดทน ต้องเสียสละให้สามีและครอบครัว นั่นคือไปทำงานเป็นคนรับใช้ในไร่เพื่อแลกกับอาหารที่สามารถกินได้ตลอดปี โอชินถึงแม้จะอยู่ในวัยเด็ก วัยที่เธอควรได้รับการศึกษาในปีนี้ แต่พ่อของเธอก็ยังให้เธอไปทำงานเพื่อความอยู่รอดของคนในครอบครัว
หนังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความรันทดแบบสุดๆของโอชินจนเกินไปนัก เพราะเธอยังเด็กมาก บทของเธอเท่ากับว่าเธอแบกรับหนังเรื่องนี้ไว้ทั้งเรื่อง ถ้าเทียบกับภาคซีรี่ย์ยังถือว่าซอฟต์มากในหลายจุด ผมยังตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องมีภาคต่อไปในช่วงที่เธอโตเป็นสาว ผมเชื่อว่าภาคต่อไปจะต้องได้เห็นความรันทดที่แสนสาหัสของโอชิน ในภาคนี้ก็ถือว่าสอบผ่านนะครับ เพราะอะไร?ลองถามตัวท่านเองว่า หากท่านมีคนรับใช้เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล้กหน้าตาจิ้มลิ้ม อายุ7ขวบ ท่านจะให้เขาทำอะไรบ้าง? ท่านจะลงโทษเขาหรือไม่? ท่านจะเฆี่ยนตีเขารึเปล่า? ทุกอย่างนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูไม่สุดเมื่อเทียบกับตัวซีรี่ย์ แน่นอนว่าในหนังไม่มีการลงโทษเจ้าหนูโอชินเท่าไร(อย่างมากแค่ตบ) และเธอทำให้ผมรู้สึกสงสารและเอ็นดูและรู้สึกหลงรักเข้าเต็มเปาเสียแล้ว เจ้าหนูใบหน้าเปื้อนยิ้ม
82/100
*หวังว่าคงมีภาคต่อไป เราอาจได้เห็นอารมณ์ที่สุดมากกว่านี้