** ชื่อออริจินัลคือ The Raid 2: Berandal **
หนังแอ็คชั่นสัญชาติอินโดนีเซีย เล่าเรื่องต่อจาก The Raid Redemption หนังภาคแรกที่พระเอก "รามา" หน่วยสวาทต้องผจญภารกิจปิดตึกพิชิตมวลมหาผู้ร้าย มาในภาคนี้รามาต้องเจออีกภารกิจหนึ่งคือต้องถูกจับเข้าคุกเพื่อไปตีสนิทกับลูกมาเฟีย เพื่อทำตัวเนียนเข้าแก๊งค์มาเฟียให้ได้ (อยากรู้ว่าทั้งกรมนี่มีตำรวจเก่งอยู่คนเดียวเลยใช่มั้ยนี่ 555)
ทั้งฉากแอ็คชั่นและตัวบททำได้ดีกว่าภาคแรกในทุกด้าน ตัวบทมีลูกเล่นและชั้นเชิงมากขึ้น ไม่ได้หยุดเพียงแค่ปิดตึกล่าผู้ร้ายกระจอกๆ แต่รอบนี้ผกก.ใส่อารมณ์หลอกล่อและระแวงเข้ามามากขึ้นเพราะต้องไล่ล่าถึงขั้นหัวหน้าแก๊งสเตอร์กันเลยทีเดียว แถมหนังยังกระจายความสำคัญให้ตัวละครทุกคนเท่าๆกัน พระเอกไม่ได้ลุยเดี่ยวอีกต่อไป เพราะปัจจัยแวดล้อมมันมีเยอะกว่านั้น มีพล็อตทวิสต์ให้เห็นบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับคาดเดาไม่ได้ ... ถึงตรงนี้นับว่าเป็นมิติใหม่ของหนังแอ็คชั่นมากๆกับการสร้างเนื้อเรื่องให้ดูสนุก ลุ้น จิกหมอนไปพอๆกับฉากแอ็คชั่น
ฉากแอ็คชั่นในเรื่องยังคงเน้นความโหดดิบ เลือดสาด สมองไหล อวัยวะทะลุ พร้อมๆไปกับการโชว์ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติอินโดนีเซียอย่าง "ปันจักสีลัต" ต้องขอชมคนดีไซน์ฉากแอ็คชั่นในภาคนี้ถึงความครีเอท ทั้งการต่อสู้และการตายในรูปแบบต่างๆ (มีหลายฉากที่โหดและจริงมากจนต้องเบือนหน้าหนี) อย่างหนึ่งที่สังเกตได้คือการต่อสู้ในครัวนั้นเท่และมีอะไรให้เล่นอยู่เสมอ ทั้งเอาหน้าแนบเตาแก๊สให้ไหม้ดำกันไปข้าง หรือจะถีบหัวให้โขกตู้เย็นจนเลือดสาด วันดีคืนดีก็มีเซ็ทมีดทุกขนาดมาให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม คลาสสิคกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ... ถึงกระนั้น ฉากแอ็คชั่นทุกฉากในเรื่องไม่ได้มีไว้แค่โชว์สกิลเท่ๆของพระเอกเท่านั้น แต่มีไว้เพื่อขับเคลื่อนตัวหนังให้ไปข้างหน้าได้ ทุกฉากมีผลต่อเนื้อเรื่องหลัก ทุกซีนมีส่วนสนับสนุนตัวบท และตัวบทที่ซับซ้อนก็กลับมาเติมเต็มฉากแอ็คชั่นให้ดูแข็งแรง สมเหตุสมผล มีที่มาที่ไป นี่เป็นการพิสูจน์ว่าแอ็คชั่นและบทที่ดีก็สามารถผสมกลมกลืนไปด้วยกันได้ ไม่เหมือนหนังแอ็คชั่นบางเรื่องที่ดูถูกคนดูว่าคงไม่เอาเนื้อเรื่องอะไรกับหนังแอ็คชั่นมากหรอก เลยใส่แต่บททะ
ๆเข้ามา (ไม่ได้จิกกัดเรื่องไหนเลยจริงๆนะ)
ดนตรีประกอบและการถ่ายภาพนั้นพิถีพิถันซะนึกว่าดูหนังเทศกาลเมืองคานส์อยู่ ดนตรีประกอบขับอารมณ์ตื่นเต้นได้กำลังพอดีและมาได้ถูกที่ถูกเวลา ไม่ใช่สักแต่จะโป๊งชึ่ง ตู้มต้ามกันตลอดเวลา การถ่ายภาพนั้นสร้างสรรค์จนแอบสงสัยว่าบางซีนมันถ่ายกันได้ยังไง ทั้งมุมกล้องหรือแสงเงานั้นไม่แพ้หนังอินดี้ดีๆเรื่องหนึ่งเลย จะมีข้อเสียก็ตรงที่เป็นหนังแอ็คชั่นที่ยาวเกินไปนิด (2.30ชม.) และชื่อตัวละครคล้ายกันมากๆ อาจมีงงได้ เพราะหน้าก็คล้ายๆกันอีก 555
สรุป นี่คือหนังแอ็คชั่นที่ดีที่สุดในปีนี้เท่าที่ดูมา ถึงไม่ได้ดูภาคแรกก็ดูรู้เรื่อง อาจไม่อินกับแบ็คกราวด์ตอนเริ่มต้นสักหน่อย แต่นอกนั้นตามติดไปกับหนังได้อย่างแน่นอน หากคุณเบื่อกับกระแสพระนเรศวรฯ และคุณไม่ใช่เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือคนชรา อยากแนะนำให้ลองรับชมความมันส์ในอีกรูปแบบหนึ่งกันดู
คะแนน: 8.2/10
ปล. หนังเข้าแต่เครือเมเจอร์ และเข้าได้แค่สองวันก็ถูกลดรอบไปจนเกือบหมด เช็ครอบกันให้ดีๆเน้อ
[CR] ++ รีวิว The Raid 2 หนังแอ็คชั่นที่เป็นมากกว่าหนังแอ็คชั่น (ไม่สปอยล์) ++
หนังแอ็คชั่นสัญชาติอินโดนีเซีย เล่าเรื่องต่อจาก The Raid Redemption หนังภาคแรกที่พระเอก "รามา" หน่วยสวาทต้องผจญภารกิจปิดตึกพิชิตมวลมหาผู้ร้าย มาในภาคนี้รามาต้องเจออีกภารกิจหนึ่งคือต้องถูกจับเข้าคุกเพื่อไปตีสนิทกับลูกมาเฟีย เพื่อทำตัวเนียนเข้าแก๊งค์มาเฟียให้ได้ (อยากรู้ว่าทั้งกรมนี่มีตำรวจเก่งอยู่คนเดียวเลยใช่มั้ยนี่ 555)
ทั้งฉากแอ็คชั่นและตัวบททำได้ดีกว่าภาคแรกในทุกด้าน ตัวบทมีลูกเล่นและชั้นเชิงมากขึ้น ไม่ได้หยุดเพียงแค่ปิดตึกล่าผู้ร้ายกระจอกๆ แต่รอบนี้ผกก.ใส่อารมณ์หลอกล่อและระแวงเข้ามามากขึ้นเพราะต้องไล่ล่าถึงขั้นหัวหน้าแก๊งสเตอร์กันเลยทีเดียว แถมหนังยังกระจายความสำคัญให้ตัวละครทุกคนเท่าๆกัน พระเอกไม่ได้ลุยเดี่ยวอีกต่อไป เพราะปัจจัยแวดล้อมมันมีเยอะกว่านั้น มีพล็อตทวิสต์ให้เห็นบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับคาดเดาไม่ได้ ... ถึงตรงนี้นับว่าเป็นมิติใหม่ของหนังแอ็คชั่นมากๆกับการสร้างเนื้อเรื่องให้ดูสนุก ลุ้น จิกหมอนไปพอๆกับฉากแอ็คชั่น
ฉากแอ็คชั่นในเรื่องยังคงเน้นความโหดดิบ เลือดสาด สมองไหล อวัยวะทะลุ พร้อมๆไปกับการโชว์ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติอินโดนีเซียอย่าง "ปันจักสีลัต" ต้องขอชมคนดีไซน์ฉากแอ็คชั่นในภาคนี้ถึงความครีเอท ทั้งการต่อสู้และการตายในรูปแบบต่างๆ (มีหลายฉากที่โหดและจริงมากจนต้องเบือนหน้าหนี) อย่างหนึ่งที่สังเกตได้คือการต่อสู้ในครัวนั้นเท่และมีอะไรให้เล่นอยู่เสมอ ทั้งเอาหน้าแนบเตาแก๊สให้ไหม้ดำกันไปข้าง หรือจะถีบหัวให้โขกตู้เย็นจนเลือดสาด วันดีคืนดีก็มีเซ็ทมีดทุกขนาดมาให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม คลาสสิคกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ... ถึงกระนั้น ฉากแอ็คชั่นทุกฉากในเรื่องไม่ได้มีไว้แค่โชว์สกิลเท่ๆของพระเอกเท่านั้น แต่มีไว้เพื่อขับเคลื่อนตัวหนังให้ไปข้างหน้าได้ ทุกฉากมีผลต่อเนื้อเรื่องหลัก ทุกซีนมีส่วนสนับสนุนตัวบท และตัวบทที่ซับซ้อนก็กลับมาเติมเต็มฉากแอ็คชั่นให้ดูแข็งแรง สมเหตุสมผล มีที่มาที่ไป นี่เป็นการพิสูจน์ว่าแอ็คชั่นและบทที่ดีก็สามารถผสมกลมกลืนไปด้วยกันได้ ไม่เหมือนหนังแอ็คชั่นบางเรื่องที่ดูถูกคนดูว่าคงไม่เอาเนื้อเรื่องอะไรกับหนังแอ็คชั่นมากหรอก เลยใส่แต่บททะ
ดนตรีประกอบและการถ่ายภาพนั้นพิถีพิถันซะนึกว่าดูหนังเทศกาลเมืองคานส์อยู่ ดนตรีประกอบขับอารมณ์ตื่นเต้นได้กำลังพอดีและมาได้ถูกที่ถูกเวลา ไม่ใช่สักแต่จะโป๊งชึ่ง ตู้มต้ามกันตลอดเวลา การถ่ายภาพนั้นสร้างสรรค์จนแอบสงสัยว่าบางซีนมันถ่ายกันได้ยังไง ทั้งมุมกล้องหรือแสงเงานั้นไม่แพ้หนังอินดี้ดีๆเรื่องหนึ่งเลย จะมีข้อเสียก็ตรงที่เป็นหนังแอ็คชั่นที่ยาวเกินไปนิด (2.30ชม.) และชื่อตัวละครคล้ายกันมากๆ อาจมีงงได้ เพราะหน้าก็คล้ายๆกันอีก 555
สรุป นี่คือหนังแอ็คชั่นที่ดีที่สุดในปีนี้เท่าที่ดูมา ถึงไม่ได้ดูภาคแรกก็ดูรู้เรื่อง อาจไม่อินกับแบ็คกราวด์ตอนเริ่มต้นสักหน่อย แต่นอกนั้นตามติดไปกับหนังได้อย่างแน่นอน หากคุณเบื่อกับกระแสพระนเรศวรฯ และคุณไม่ใช่เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือคนชรา อยากแนะนำให้ลองรับชมความมันส์ในอีกรูปแบบหนึ่งกันดู
คะแนน: 8.2/10
ปล. หนังเข้าแต่เครือเมเจอร์ และเข้าได้แค่สองวันก็ถูกลดรอบไปจนเกือบหมด เช็ครอบกันให้ดีๆเน้อ