ทำไมคนที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองและทันสมัย เช่น อั้ม เนโกะ อาจารย์ สมศักดิ์ เจียมฯ และ คำผกา คนไทยกลับไม่ชอบ

กระทู้คำถาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 44
อั้ม เนโกะ เป็นเด็กที่กล้าคิด กล้าแสดงออก เป็นธรรมดาของเด็กเรียน Liberal Arts ความคิดยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก เวลาอ่านงานของเด็กคนนี้ เรายังมึนๆ อึนๆ อยู่ อาจจะเหมือนกับตอนที่เราอ่านงานของนิ้วกลมแรกๆ น่ะ ตอนนี้นิ้วกลมได้รับการยอมรับกว้างขวาง เราจึงไม่อาจตัดสินได้ว่า เด็กคนนี้คิดผิดหรือถูก อาจเป็นเด็กที่ก้าวหน้า คิดอะไรได้ก่อนกาลเวลา หรืออาจเลอะเทอะไปตามฮอร์โมนก็ได้ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เราว่าสังคมยังไม่ควรด่วนตัดสินเด็กคนนี้ เพราะการสร้างสรรค์สังคมเราต้องเก็บเด็กที่คิดนอกกรอบไว้

สมศักดิ์ เจียมฯ คนนี้เป็น Marixist ที่ใจกว้างนะ บทความเรื่องทุนนิยมไทย? ก็เห็นแกเป็นคนแรกๆ ที่วิพากษ์งานของ อาจารย์ฉัตรทิพย์ นาถสุภา ปรมาจารย์เศรษฐศาสตร์การเมืองแนวมาร์กซิสของไทยที่มองว่า หมู่บ้านมีเศรษฐกิจแบบยังชีพ มาเปลี่ยนไปสมัย ร. 4 ทุนนิยมของเราถึงไม่เหมือนชาวตะวันตกเขา ในขณะที่อาจารย์สมศักดิ์ไม่เห็นด้วย แต่กลับไปเห็นด้วยกับงานปากไก่และใบเรือของอาจารย์นิธิ นั่นคือ หมู่บ้านเปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ และชาวบ้านมีศักยภาพที่จะรับมือกับทุนนิยมได้ด้วยตัวเอง  ปัจจุบันอาจารย์ผาสุก ถึงแม้จะเคยอยู่ในกลุ่มเศรษฐศาสตร์การเมืองเดียวกันกับอาจารย์ฉัตรทิพย์มาก่อน ก็ยังปฏิเสธแนวคิดของอาจารย์ของตัวเอง ดูจากหนังสือประวัติศาสตร์ร่วมสมัยสิ  เราถึงเห็นว่า ในแง่ความเป็นนักวิชาการแล้ว อาจารย์สมศักดิ์ใช้เหตุผลได้ดี บทความชิ้นนี้ของแกได้รับการอ้างอิงในวงวิชาการมากทีเดียว แสดงว่ากาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า สมมติฐานของแกในเรื่องนี้ถูกต้อง

คำผกา  เป็นนักสิทธิสตรี ที่เขียนงานแบบนักคิดยุคหลังสมัยใหม่(postmodernism) นักคิดกลุ่มนี้จะถือว่าสังคมมีความแตกต่างหลากหลาย แต่สังคมในอดีตได้ปิดกั้นคนเล็กคนน้อย เช่น ผู้หญิง คนไร้สัญชาติ คนยากจน คนรักร่วมเพศ ฯ จนไม่มีเสียงพูด เนื่องจากสังคมในอดีตจะแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มเท่านั้นคือ คนมีอำนาจกับคนไร้อำนาจ นักคิดกลุ่มหลังสมัยใหม่มีอิทธิพลมากจนเป็นกระแสหลักในภาคพื้นทวีปยุโรปต่อเนื่องจากปลายศตวรรษที่แล้วจนถึงปัจจุบัน  ถ้าอยากทดสอบว่า เข้าใจแนวคิดนี้มากน้อยเพียงใด ก็ลองหาภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลเมืองคานส์มาดูสิ หรือดูงานหนังของเจ้ย อภิชาติพงษ์ คนไทยจะรู้สึกว่าเข้าใจยาก แต่ฝรั่งกลับยกนิ้วให้ งานของคำผกา ก็เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยที่ไม่เข้าใจงานของเธอนั้นยังยึดติดอยู่กับการแบ่งขั้ว ชื่นชมผู้มีอำนาจ และไม่ให้โอกาสแก่คนเล็กคนน้อย  ถึงงานเขียนของคำผกา จะดูแรง แต่ความแรงนั้นก็มุ่งไปที่การกระตุ้นให้สังคมฉุกคิดว่า ที่แท้แล้ว สังคมไทยมีความแตกต่างหลากหลาย และยังมีอีกหลายคนหลายกลุ่มที่ขาดโอกาสและอำนาจต่อรอง โดยเฉพาะผู้หญิงไทย
ความคิดเห็นที่ 4
ผมชอบทั้งสามคนเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การเมือง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่