เรื่องสยองขวัญ ตอนฉันกำลังอยู่ในญี่ปุ่น

วันนี้มีเรื่องเล่าค่ะ

ตอนบ่ายฉันได้ไปเที่ยวย่านวัยรุ่น ชินจูกุ เสร็จจากตรงนั้นแล้วก็รู้สึกเหนื่อยกับผู้คน เมื่อนั่งรถไฟมาลงสถานีใกล้บ้านกลับไม่รู้สึกอยากเก็บตัวอยู่ในห้อง ฉันเดินออกไปอีกนิด มีสวนใหญ่อยู่หลังบ้าน "รินชิโนโมริ"
น่าจะเรียกมันว่าอุทยานแห่งชาติเล็กๆเสียมากกว่า เพราะพรรณไม้ขนาดใหญ่ปกคลุมร่มครึ้มจนทำให้พื้นดินกลิ่นหอมเบื้องล่างนั้นมืดและเย็นเลยทีเดียว
แน่นอนว่าทางเดินต้องไม่ธรรมดาแน่นอน มันเป็นทางเดินทั้งปูคอนกรีต ทั้งวางก้อนหินเป็นก้าวๆ หรือเป็นพื้นดินชื้นๆ
ฉันเดินลงเข้าไปลึกเรื่อยๆ ทางเดินแยกและคดเคี้ยวไปเรื่อยๆ มีสะพาน มีลำธาร คนกลุ่มหนึ่งกำลังจับกลุ่มกันอยู่ข้างสายน้ำตรงนั้น ฉันเห็นเขาตั้งขากล้อง
ฉันเดินสำรวจไปักพักหนึ่ง คิดว่าชื่นใจพอและกำลังจะหาทางออก ฉันลองเดินไปในทางข้างลำธารที่ดูลึกลับและไม่มีคน อย่างน้อยมันต้องมีทางออกแหละน่า

ฉันเดินเข้าไปลึกเรื่อยๆ ต้นไม้และวัชพืชรกชัฏขึ้น และข้างหน้าของฉันคือบ่อน้ำที่แยกมาจากลำธารไม่กว้างนัก มีทางเดินเล็กๆเป็นก้อนหินลำบากๆรอบ มีเวิ้งสำหรับพัผ่อนตรงหน้า และเด็กชายตัวคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมจักรยาน

ฉันไม่รู้ว่าเขาเอาจักรยานลงมาที่นี่ได้อย่างไร เพราะตอนเดินลงมาที่นี่ ฉันก็แทบจะไหลร่วงลงมาตามทางชันๆนั่นแล้ว
เขาใส่ชุดสีดำ ผมดำ จักรยานก็สีดำ ผิวขาวซีด หน้าตาดีถึงขั้นดีมาก เกิดมาเพิ่งเคยเห็นใครที่เหมาะกับสีดำได้ขนาดนี้

เขามองฉันจากที่นั่น ก่อนจะเดินจูงจักรยานหายไปทางซ้ายเงียบๆ

ฉันรอสักพัก ให้เขาเดินห่างฉันไปสักระยะ เพื่อฉันจะได้เดินคนเดียวสงบๆ แล้วสักพักฉันก็เดินตามเขาไปทางซ้าย

ฉันจับทิศทางได้ว่าทางเดินมันเดินวนรอบสระน้ำที่เห็นเมื่อสักครุ่ แล้วพลันฉันก็หยุดเมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง
...บางอย่างขวางทางฉันอยู่...

เด็กผู้ชาย...คนเมื่อกี๊ เขาหยุดอยู่ข้างหน้าห่างจากฉันไม่เกินห้าเมตร จักรยานสีดำของเขาจอดล้มอยู่บนทางที่เดินได้แค่คนเดียว เขาไม่ได้มองมาทางฉัน แต่กลับยืนนิ่งและจ้องเข้าไปที่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ข้างๆเขา

ด้วยความที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่เป็น ฉันตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งกับเด็กแม้ว่านั่นดูจะเป็นการใจร้ายไปสักนิด บางทีเขาอาจต้องการความช่วยเหลือ

เขาไม่ได้มองฉันด้วยซ้ำตอนที่เท้าฉันถึงล้อจักรยานของเขาแล้ว "เน่จัง..." เขาพูดขึ้น
ฉันพอรู้ว่าเขาหมายถึงฉัน "พี่ครับ..."

เขาพูดบางอย่างที่ฉันแปลไม่ออก ฉันเลยเลือกมองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนฉันจะชี้นิ้วลงไปทีจักรยาน

เขาก้มลงไปดึงมันขึ้นมา ฉันช่วยเขาดึงจักรยานขึ้นมา "พี่ครับ..." เขาพูดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ใช้มือของเขารั้งนาฬิกาข้อมือข้างขวาที่ฉันใส่อยู่
แล้วทันใดเขาก็ชี้นิ้วขาวๆไปที่โคนต้นไม้ ที่เห็นเขาจ้องเมื่อกี้ ที่ข้างซ้ายของฉัน....

ฉันแทบสิ้นสติ....


"เชี่ยยยยย!!!" ตัวต่อเสือตัวโตเกือบเท่าฝ่ามือบินเฉี่ยวมาทางหัวฉัน ฉันร้องออกมาด้วยเสียงประหลาดปนแหบพร่าอย่างน่ากลัว ก่อนจะรีบหมุนตัวหันหลังกลับ ชนจักรยานของเด็กน้อยล้มลงไปอีกครั้ง แล้วใส่เกียร์หมาวิ่งกลับมาตามทางเดิม ไม่หันกลับไปมองมันอีก ฉันได้ยินเสียงเด็กคนนั้นร้องโหยหวน

"โฮ่ยยยยย!!!! เพ่!!!"

ฉันพยายามปิดกั้นเสียงอันน่าสงสารของเด็กคนนั้นแล้ววิ่งออกมาเรื่อยๆ ไม่อยากรับรู้อะไรน่ากลัวนั่นอีก

และเด็กชายยังคงจักรยานล้มอยู่ตรงใต้โคนรังต่อต่อไป

T   T

ขอโทษนะ ขอโทษ
จากพี่สาวคนไทยไร้ความสามารถ

จบ





ปล.ความจริงแล้ว หลังจากที่รีบวิ่งออกมา เรามาแอบดูเด็กน้อยบนสะพาน มีคนเดินผ่านไปตรงนั้นเขาพาเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว
และเรายังคงแอบวิ่งหนีต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่