[MotoGP] News update | มุ่งสู่ปี 2016 ฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนแปลง

กระทู้สนทนา

Update กฏ/กติกาหลักๆที่มีการเปลี่ยนแปลง ในปี 2014

ฤดูกาลนี้ Bridgestone พัฒนายางทั้งหมด 4 ประเภท โดยจะใช้แถบสีบอกประเภทของยาง (เหมือนในฝั่ง F1) โดยในแต่ละสนามจะกำหนดยาง 3 ชนิดให้นักแข่งเลือกใช้ รายละเอียดดังนี้

Extra-soft compound: Green
Soft compound: White
Medium compound: Black (no stripe)
Hard compound: Red

ส่วนยางฝนจะมี 2 ชนิดคือ
Hard compound: Black (no stripe)
Soft compound: White


Ducati ไม่ได้ลงแข่งในรุ่น Open ตามที่ตั้งใจ แต่ก็ยังได้สิทธิพิเศษเหมือนรุ่น Open ด้วยกฏของ Factory 2 (เค้าเรียกว่ากฏรุ่น Ducati ห้า ห้า) คือมีขอยกเว้นให้สำหรับโรงงานที่ไม่เคยชนะการแข่งขันสนามแห้งในปี 2013 จะสามารถใช้ข้อได้เปรียบที่รถรุ่น Open ได้รับได้ ในขณะที่ยังสามารถใช้ Software ของตัวเองในการรัน ECU ซึ่งข้อกำหนดตรงนี้ ทำให้ Suzuki ที่จะกลับมาในปี 2015 สามารถใช้เงื่อนไขนี้ได้ด้วยเช่นกัน
สรุปข้อแตกต่างระหว่างรถระหว่าง Factory กับ Open กันอีกซักรอบ

Factory:
-    Moto GP ECU (Magneti Marelli) +Factory Software
-    Engine 5 เครื่องต่อปี
-    ใช้น้ำมัน 20 ลิตรในการแข่งขัน
-    ไม่สามารถพัฒนาเครื่องยนได้ (Frozen engine)
-    การทดสอบ นักแข่งจะทำการทดสอบได้เฉพาะในช่วง Official Test ที่ทาง FIM กำหนดเท่านั้น (หลัง GP ที่ Jerez, Barcelona, Brno และอีก 1 สนามที่กำหนดโดย FIM) ส่วนนักบิดทดสอบของทีมจะได้รับยางทดสอบ 120 ชุดแบบเดียวกับที่นักแข่งของทีมโรงงานได้รับ
-    ยาง:  ใช้ยาง Hard และ Medium จากยาง 3 เซ็ตที่ทาง Bridgestone กำหนดไว้ให้ในแต่ละสนาม

Open:
-    Moto GP ECU (Magneti Marelli) + Standard software (ทุกทีมใช้เหมือนกัน)
-    Engine 12 เครื่องต่อปี
-    ใช้น้ำมัน 24 ลิตรในการแข่งขัน
-    สามารถพัฒนาเครื่องยนต์ได้
-    การทดสอบ นักแข่งทุกคนจะได้รับยางที่ใช้ในการทดสอบทั้งหมด 120 ชุด ซึ่งจะทดสอบที่ไหนก็ได้ ด้วยนักบิดคนไหนก็ได้ (ไม่จำเป็นต้องแข่งของทีมก็ได้)
-    ยาง:  ใช้ยาง Medium และ Soft จากยาง 3 เซ็ตที่ทาง Bridgestone กำหนดไว้ให้ในแต่ละสนาม

Ducati/Suzuki (2015):
-    MotoGP ECU (Magneti Marelli) + Factory Software
-    Engine 12 เครื่องต่อปี
-    ใช้น้ำมัน 24 ลิตรในการแข่งขัน
-    สามารถพัฒนาเครื่องยนต์ได้
-    การทดสอบ นักขี่จะได้รับยางที่ใช้ในการทดสอบทั้งหมด 120 ชุด ซึ่งจะทดสอบที่ไหนก็ได้ ด้วยนักขับของทีม
-    ยาง:  ใช้ยางแบบเดียวรถแข่งในรุ่น Open

โดย Ducati (รวมถึง Suzuki) จะต้องลดจำนวนน้ำมันลงจาก 24 เป็น 22 ลิตร ถ้าหากชนะการแข่งกัน 1 ครั้ง, ได้อันดับสอง 2 ครั้ง หรือได้อันดับที่สาม 3 ครั้ง (ในการแข่งขันสภาพสนามแห้ง) และจะต้องกลับไปใช้ยางแบบเดียวกันกับรถประเภทโรงงาน ถ้าชนะการแข่งขันได้ถึง 3 ครั้ง โดยนับรวมกันทั้งปี 2014 และ 2015

แต่ส่วนตัวยังสงสัยอยู่นิดนึงคือ ถ้ากฏออกมาแบบนี้แปลว่าดูคาติจะไม่สามารถใช้ยางที่แข็งที่สุดที่ทางบริดจ์สโตนกำหนดไว้ได้รึเปล่า?(ไม่มั่นใจ หาข้อมูลตรงนี้ไม่เจอ)  ซึ่งนั่นแปลว่าในการแข่ง การรักษายางจะกลายมาเป็นเรื่องยากกว่ารถ Factory คันอื่นๆ ในสนามไหนที่กินยางหนักๆ จากข้อได้เปรียบจะกลายเป็นข้อด้อยทันที่ ถ้าเข้าใจประเด็นนี้ไม่ผิด ไม่เข้าใจว่าทำไม Dorna ไม่อนุญาติให้รถในรุ่น Open เลือกใช้ยางได้ทั้ง 3 ประเภท ขณะที่รถรุ่น Factory เลือกได้แค่ 2

ฝูงเอเลี่ยนกำลังถูกท้าทายซุปเปอร์เอเลี่ยนน้อย

กับผลงานคว้าชัยชนะ 5 สนามรวด เก็บ 125 แต้มเข้ากระเป๋า คงมีแต่บิ๊กบอสของฮอนด้าเท่านั้นที่ปลาบปลื้มกับผลงานของเจ้ามะขวิด แต่นักแข่งคนอื่นๆรวมไปถึงทีมอื่นๆคงเซ็งกันไปตามๆกัน โดยเฉพาะฝั่ง Yamaha คงต้องกินยาพารากันหลายกระปุก เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาหยุดความร้อนแรงของแชมป์โลกปี 2013 คนนี้ลงได้

ความสามารถในการใช้ยางอยู่ในระดับที่สูงกว่านักแข่งคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่สไตล์การขี่แบบเบรคช้าและลึกนั้นไม่ค่อยจะเป็นมิตรต่อยางซักเท่าไหร่ แต่ด้วยเทคนิคส่วนตัวในการดึงใช้ยางหน้ามาใช้ในการเบรคได้อย่างเต็มที่ + ประสิทธิภาพของยาง Bridgestone เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เจ้า MM สามารถลดเวลาลงได้มากว่านักแข่งคนอื่นๆ (เจ้าตัวเผยว่าเริ่มทดลองใช้เทคนิคนี้ในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว และให้ข้อมูลว่ายาง Dunlop ที่ใช้ในรุ่น Moto2 ไม่สามารถเบรคแบบนี้ได้)


เอาไงดีน๊า???


รถเบอร์ 26 เพื่อนร่วมทีม ดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับ MM93 ได้เท่าไหร่นัก ส่งผลให้ D. Predosa กลายเป็นพระรองอย่างเต็มรูปแบบไปแล้ว สำหรับฤดูกาล 2014 เดนี่ยังคงแข็งแกร่งในการเบียดแย่งตำแหน่งบนโพเดี่ยม ซึ่งมีผลต่อคะแนนประเภททีม แต่การที่จะขี่อยู่ข้างหน้าเจ้ามะขวิดตลอดทั้งเรซ เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ความมุ่งมั่นอาจจะยังมี แต่ดูเหมือนเจ้าตัวก็เข้าใจดีว่าคู่แข่งร่วมทีมแข็งแกร่งกว่า สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือขี่ให้ดีที่สุด รวมถึงปรับปรุงเรื่องการ Qualify ที่ปีนี้ยังทำได้ไม่ค่อยดี ปกติ Deny เป็นคนที่ออกสตาร์ทได้ดีมาก แต่การออกสตาร์ทจากแถวที่ 2 หรือ 3 มันทำให้ไม่สามารถใช้ความสามารถตรงนี้ได้เต็มที่



แก่ เก่ง เก๋า


The doctor กลับมามั่นใจและสนุกกับการขี่รถอีกครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ผลงานออกมาค่อนข้างดี มีจังหวะในการขับเคี่ยวกับเจ้ามาเควสอยู่ 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะการต่อสู้อย่างสนุกที่การ์ต้า ถึงแม้ลึกๆในใจของ VR46 จะกระชากวัย ย้อนกลับไปเป็นวัยสะรุ่นเพื่อที่จะต่อสู่กับเอเลี่ยนน้อยให้สมน้ำสมเนื้อกว่านี้ แต่ร่างกายก็เหมือนสายน้ำเจ้าพระยา ที่ไหลผ่านแล้วผ่านเลย บนข้อจำกัดนี้ ทำให้คุณหมอคงต้องใช้ไม้ตายหลักคือความเก๋า การวางแผนในการขี่ออกมาต่อสู้ บางสนามที่รถยามาฮ่าได้เปรียบก็คงสูสี แต่บางสนามอาจจะต้องยอมๆไป แฟนๆก็ได้แต่หวังว่าการคับเคี่ยวของตำนานเบอร์ 46 กับว่าที่ตำนานเบอร์ 93 จะเกิดขึ้นอีกหลายๆครั้งในฤดูกาลนี้



บิลลี่เข้ม เอ้ย อมยิ้มเข้ม


ดูเหมือนจะเป็นปีชงของ JL99 มือวางอันดับ 1 ของผู้ท้าชิงแชมป์โลกอย่างแท้จริง (แฟนคลับในประเทศไทยอาจจะต้องตั้งตัวแทนอย่างเป็นทางการไปแก้ชงให้โดยเร็วที่สุด) เจ้าตัวมีปัญหากับยางใหม่ของ Bridgestone ในปีนี้พอสมควร สิ่งที่มันดูย้อนแย้งอย่างหนึ่งก็คือความกดดันตกมาอยู่ฝั่งของเจ้าอมยิ้มซึ่งเป็นผู้ท้าชิง ทั้งๆที่ควรจะไปอยู่ในฝั่งของแชมป์โลกอย่างเจ้ามะขวิด อมยิ้มออกสตาร์ทฤดูกาลด้วยการพลาดล้มในสนามแรก แถมเก็บจั้มสตาร์ทแบบโลกตะลึงเข้ากระเป๋าไป 1 ครั้ง ความตั้งใจ + ความกดดัน ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นถึง 2 ครั้ง ในขณะที่คู่แข่งตัวฉจาจกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ลอเลนโซ่ต้องค่อยๆเรียกความมั่นใจกลับมาให้ได้ ซึ่งคงต้องทำงานอย่างหนักร่วมกับทีมช่างในการเซ็ตอัพรถ ถึงเวลาที่ JR99 ขี่รถได้อย่างมั่นใจเมื่อไหร่ เราถึงน่าจะได้ช่วงเวลาที่รถเบอร์ 93 จากค่ายปีกนก ไม่ได้ขี่รอธงหมากรุกคนเดียวในช่วง 7-8 รอบสุดท้ายในการแข่งขันเหมือนเช่น 3-4 สนามที่ผ่านมา

ใครจะหยุดรถเบอร์ 93?
การลุ้นแชมป์โลกจะจบลงภายใน 10 สนาม ถ้าหากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ ในทางปฏิบัติแล้ว ปีนี้คงยากที่จะมีการเปลี่ยนมือในตำแหน่งแชมป์โลก ถึงแม้ว่ามาร์ค มาเควสจะไม่ชนะทุกสนาม แต่ถ้าดูจากความแรงของรถและความมั่นใจของเจ้าตัว เป็นเรื่องยากที่จะตกโพเดี่ยม นอกจากว่าพลาดล้มเอง ซึ่งระยะหลังไม่เกิดขึ้นบ่อยๆแล้ว เพราะความกดดันของเจ้าแชมป์โลกหายไปค่อนข้างเยอะแล้ว เจ้าตัวมั่นใจในตัวรถอย่างเต็มที่ แถมความกดดันตกไปอยู่กับกลุ่มผู้ไล่ล่าซะเอง โอกาสที่ DP, VR หรือ JR จะทำคะแนนกลับมาแซงเข้าป้ายในปีนี้น่าจะเหลือน้อยกว่า 20% แล้วมั้ง  ยกเว้นเงื่อนไขที่ MM พลาดล้มหนักๆ ต้องพักนานๆ ซึ่งอันนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก (เชื่อว่าถึงกองแช่งจะทำงาน ก็คงแช่งให้ล้มเฉยๆ ไม่ใช้ให้บาดเจ็บ อิอิ)

ยิ่งย้อนกลับไปดูสถิติปี 2013 มีแค่สนามที่อิตาลี่ (สนามหน้า) ที่ MM พลาดล้ม แล้วก็โดนธงดำที่ออสเตเรีย เพราะไม่เข้ามาเปลี่ยนยางภายในรอบที่กำหนด แค่ 2 สนามเท่านั้นที่ไม่มีคะแนนติดไม้ติดมือ แต่นอกนั้น...จบการแข่งขันบนโพเดี่ยมทั้งหมด แถมชนะไปถึง 5 สนาม (ในการขยับขึ้นมาแข่งในรุ่นใหญ่ปีแรกและอยู่ตกอยู่ในสภาวะความกดดันมหาศาลกับการลุ้นแชมป์โลก) ต้องยอมรับว่ามาร์ค มาเควสเรียนรู้และเติบโตเร็วมาก ความแข็งแกร่งของร่างกายและหัวจิตหัวใจ ไม่เป็นสองรองใคร รถก็ดี หาจุดด้อยไม่เจอเลยจริงๆ ณ เวลานี้

ถ้าปีนี้ไม่ทัน ปีหน้าทางพี่แยมคงต้องทำการบ้านกันอย่างหนัก ถ้าหากต้องการกระชากถ้วยแชมป์กลับมาจากฮอนด้า โจทย์ที่รอให้แก้ไขมีหลายข้อ แฟน Yamaha ก็คงต้องเอาใจช่วยกันหน่อย หรือไม่ก็อยู่เฉยๆ ปล่อยให้ Suzuki มาดับซ่าส์ Honda ให้ อันนี้ก็เต็มใจทำให้อยู่นะ ฮี่ๆๆๆ เพี้ยนไฟลุก


ท่าทางปีนี้ จะได้เห็นแบบนี้อีกรอบซะละมั้ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่