คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
มทส คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เรียนสามเทอม ไม่มีซัมเมอร์ เรียนหนักมาก จบน้อยมาก แต่ว่าถ้าจบจะมีคนมาตั้งโต๊ะรับสมัครงานที่อาคารเรียนรวมเลย(ไม่ต้องวิ่งหา) และเคยมีการจองตัวโดยปตทด้วย อัตราการได้งานอยู่ที่ 90%+ แต่ว่า 10%นั้นไม่ได้ตกงานแต่ว่าไปเรียนโทกันครับ มีฟาซิลิตี้ หอใน แบบห้องน้ำรวมและห้องน้ำแยก ห้องน้ำรวม เทอมละ 2400 มั้งถ้าจำไม่ผิด แล้วก็จะมีห้องอินเตอร์เนต มีฟิตเนส สนามกีฬา มีมิวเซียม มีฟาร์ม มีหออยู่ทั้งหมดราวๆ13-14 อาคาร หน้ามอ มีร้านเหล้าไม่มากส่วนมากจะเป็นร้านนม มีรถเมล์ใน ม บริการฟรี รถเมล์ออกนอก มอ เสียเงิน ปีหนึ่งไม่มีรับน้อง แต่ว่าปีสองมี(ไม่รู้เลิกกันหรือยัง)ที่มีตอนปีสองคือเรียนคล้ายๆเตรียมทหารครับเรียนเตรียมปีนึงก่อนแยกเหล่า แต่ว่ามทส เรียนวิศวกรรมศาสตร์ก่อนปีนึงแล้วถึงเลือกสาขา ถ้าคะแนนไม่ถึงก็ไม่ได้เรียนคณะที่ต้องการ ถ้าจะมาเรียนที่นี่อย่ามาเพื่อหาประสบการณ์กินเหล้าเมายาแล้วเที่ยว เพราะว่าน้อยรายที่จะทำแบบนั้นได้ ชีวิตเลือดแสดทอง คือต่อให้เมาเละแค่ไหนต้องไปเรียนและไปสอบไปทำแล็บได้ และต้องทำได้ดีด้วยเพราะตัดเกรดอิงกลุ่มส่วนมาก รุ่นพี่เรียน เข้า 1000 พ้นวันแรกออกทันที 1 คน จบปีแรกไปเหลือแค่ 500 คน ออกหมดเรียนไม่ไหว เพราะว่ามีแล็บต้องปั่นแล็บส่งตั้งแต่ปีหนึ่งบางที ก็สี่ห้าทุ่มยังปั่นกันอยู่เลย อ่อลืมบอกว่าหอในปิดเที่ยงคืนครับ พอเที่ยงคืนพี่ยามจะเอาโซ่คล้องเลยถ้าอยากออกต้องโทบอกพี่เค้าแล้วบอกเหตุผลเค้าถ้าเหตุผลไม่พอจะได้แค่ออกจากหอแต่จะเข้าหอไม่ได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
สมัยปีแรกๆ บัณฑิตจบใหม่ มทส. ต้องดิ้นรนในการหางานเป็นอย่างมาก เพราะเป็น มหาลัยเปิดใหม่ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ยังโชคดีที่อาจารย์หลายๆ เป็นระดับต้นๆ ของประเทศ เช่น อ.มนัส (โลหวิทยา) อ.วีระยุทธ (เซรามิก) อ.ทวิช (หนึ่งในคนไทยไม่กี่คนที่เคยทำงานกับนาซ่าจริงๆ) อ.รังสรรค์ (คนไทยที่โคลนนิ่งวัวได้สำเร็จเป็นคนแรกของเอเซียนและรายที่ ๖ ในโลก) และอีกหลายๆ ท่าน ที่เป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการดี เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ช่วยให้หางานได้ไม่ยากนัก เพราะชื่ออาจารย์ช่วยการันตี และจากผลการทำงานของพี่ๆ รุ่นแรก ทำให้บัณฑิต มทส.รุ่นต่อๆ มาได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น และในปัจจุบันก็ถือว่าเป็นที่รู้จักและยอมรับค่อนข้างแพร่หลาย
ส่วนระบบการเรียน มทส.ใช้วิธีเรียบแบบ ๓ เทอม ทำให้นักศึกษาต้องปรับตัวค่อนข้างมาก เพราะบางครั้งคะแนนสอบกลางภาคยังไม่ประกาศ ก็ต้องเตรียมสอบปลายภาคแล้ว ในสมัยก่อนๆ มทส. จัดว่าเรียนค่อนข้างโหด ด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อ เช่น การตัดเกรด สมัยก่อนเด็กเกษตรจะต้องไปเรียนวิชาพื้นฐานร่วมกับเด็กวิศวะ เช่น แคลคูลัส เคมี ฟิสิกส์ กว่าจะผ่านปีหนึ่งไปได้ก็ลุ้นกันเหนื่อย และสมัยก่อนการพิจารณาสภาพรอพินิจนั้นโหดมาก เพราะถ้าเกรดเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า ๑.๕ ก็ตกออกเลย เกรดเฉลี่ยสะสม ๑.๕๐-๑.๗๙ เรียกว่าโปรต่ำ มีเวลาในการทำเกรดให้พ้นเกรดช่วงนี้สองเทอม (รวมเทอมที่ได้เกรดช่วงโปรต่ำด้วย) ๑.๘๐-๑.๙๙ เรียกว่าโปรสูงติดได้ไม่เกิน ๔ เทอม จากนี้เองทำให้เมื่อก่อน มทส.จัดว่าเป็นหนึ่งในมหาลัยที่โหดมาก มีการตกออกของนักศึกษาอันดับต้นๆ ของประเทศ รุ่นผมสาขาที่ผมเรียนสมัยนั้นรับ ๖๐ คน จบ ๒๙ จบสี่ปีถ้วน ๔ คนที่เหลือ ๔ ปีกว่าๆ ส่วนสมัยปัจจุบันทราบมาว่าผ่อนลงมาค่อนข้างเยอะแล้ว
อาจารย์ผู้สอน มทส.ได้ชื่อว่าเป็นมหาลัยที่มีอาจารย์จบปริญญาเอกมากที่สุด (ตั้งแต่เปิดมหาลัยปี ๓๖ จนถึงปัจจุบัน)
บรรยากาศการเรียน ก็สนุกดีครับ กันดารดีปีที่ผมเข้าไปเรียนแทบร้องไห้ มีแต่ป่าละเมาะ ร้อนมาก โชคดีที่ห้องเรียนติดแอร์ทุกห้อง (สมัยประมาณสิบกว่าปีที่แล้วถือว่าไฮโซมากๆ) เมื่อก่อนจะไม่ค่อยแยกสาขากันมาก รู้จักกันหมดทั้งมหาลัย แต่สมัยๆ ใหม่จะแยกกันค่อนข้างมากแล้ว สมัยใหม่ๆ ทุกอย่างทันสมัยดีขึ้นเยอะครับ แต่ผมกลับชอบบรรยากาศเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมากกว่านะ
ส่วนว่าจบจากไหนดีกว่ากัน ผมว่าแต่ละสถาบันก็มีดีเหมือนๆ กันครับ สิ่งที่มหาวิทยาลัยให้และอาจารย์สอนสั่งก็ส่วนเป็นหนึ่งที่สำคัญครับแต่ที่สำคัญมากกว่าก็คือการเรียนรู้ของตัวเราเองครับ ....
จาก .... ปีบทองผู้ติดโปรต่ำ โปรสูง และโปรเทอมสุดท้าย
ส่วนระบบการเรียน มทส.ใช้วิธีเรียบแบบ ๓ เทอม ทำให้นักศึกษาต้องปรับตัวค่อนข้างมาก เพราะบางครั้งคะแนนสอบกลางภาคยังไม่ประกาศ ก็ต้องเตรียมสอบปลายภาคแล้ว ในสมัยก่อนๆ มทส. จัดว่าเรียนค่อนข้างโหด ด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อ เช่น การตัดเกรด สมัยก่อนเด็กเกษตรจะต้องไปเรียนวิชาพื้นฐานร่วมกับเด็กวิศวะ เช่น แคลคูลัส เคมี ฟิสิกส์ กว่าจะผ่านปีหนึ่งไปได้ก็ลุ้นกันเหนื่อย และสมัยก่อนการพิจารณาสภาพรอพินิจนั้นโหดมาก เพราะถ้าเกรดเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า ๑.๕ ก็ตกออกเลย เกรดเฉลี่ยสะสม ๑.๕๐-๑.๗๙ เรียกว่าโปรต่ำ มีเวลาในการทำเกรดให้พ้นเกรดช่วงนี้สองเทอม (รวมเทอมที่ได้เกรดช่วงโปรต่ำด้วย) ๑.๘๐-๑.๙๙ เรียกว่าโปรสูงติดได้ไม่เกิน ๔ เทอม จากนี้เองทำให้เมื่อก่อน มทส.จัดว่าเป็นหนึ่งในมหาลัยที่โหดมาก มีการตกออกของนักศึกษาอันดับต้นๆ ของประเทศ รุ่นผมสาขาที่ผมเรียนสมัยนั้นรับ ๖๐ คน จบ ๒๙ จบสี่ปีถ้วน ๔ คนที่เหลือ ๔ ปีกว่าๆ ส่วนสมัยปัจจุบันทราบมาว่าผ่อนลงมาค่อนข้างเยอะแล้ว
อาจารย์ผู้สอน มทส.ได้ชื่อว่าเป็นมหาลัยที่มีอาจารย์จบปริญญาเอกมากที่สุด (ตั้งแต่เปิดมหาลัยปี ๓๖ จนถึงปัจจุบัน)
บรรยากาศการเรียน ก็สนุกดีครับ กันดารดีปีที่ผมเข้าไปเรียนแทบร้องไห้ มีแต่ป่าละเมาะ ร้อนมาก โชคดีที่ห้องเรียนติดแอร์ทุกห้อง (สมัยประมาณสิบกว่าปีที่แล้วถือว่าไฮโซมากๆ) เมื่อก่อนจะไม่ค่อยแยกสาขากันมาก รู้จักกันหมดทั้งมหาลัย แต่สมัยๆ ใหม่จะแยกกันค่อนข้างมากแล้ว สมัยใหม่ๆ ทุกอย่างทันสมัยดีขึ้นเยอะครับ แต่ผมกลับชอบบรรยากาศเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมากกว่านะ
ส่วนว่าจบจากไหนดีกว่ากัน ผมว่าแต่ละสถาบันก็มีดีเหมือนๆ กันครับ สิ่งที่มหาวิทยาลัยให้และอาจารย์สอนสั่งก็ส่วนเป็นหนึ่งที่สำคัญครับแต่ที่สำคัญมากกว่าก็คือการเรียนรู้ของตัวเราเองครับ ....
จาก .... ปีบทองผู้ติดโปรต่ำ โปรสูง และโปรเทอมสุดท้าย
ความคิดเห็นที่ 28
ผมไม่ทราบว่าที่ มทส. สอนอย่างไรนะครับ
มหาวิทยาลัยทุกแห่งทั่วประเทศต้องถูกประเมินคุณภาพทุกปี
จาก สมศ. (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา)
ดูผลประเมินของแต่ละมหาวิทยาลัยได้ที่นี่ครับ http://www.onesqa.or.th/
โดยส่วนตัว ผมไม่เคยสอนนักศึกษา ให้เรียนเก่ง นะครับ
แต่จะสอนให้เขา ทำงานให้เป็น ทำงานร่วมกับคนอื่นให้ได้
และต้องผ่านกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตให้กับตนเอง
ส่วนเด็กจะเรียนเอาเก่งขนาดไหน ก็แล้วแต่เด็กเองครับ
เรามีหน้าที่ แค่มอบอนาคตที่ดีให้กับเด็กครับ
น้องลองไปเรียนที่ มทส. ดูก่อนได้ครับ
ถ้าเรียนไม่ไหว ก็ค่อยมาลองสอบเข้าที่ มทร. ธัญบุรี ดูครับ
ถ้าสอบติด. ผมจะสอนให้คุณมีอนาคตแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องเรียนจบแล้วจะตกงานไหม. ถ้าน้องไม่เลือกงาน ไม่ตกงานแน่นอนครับ
ด้วยความปราถนาดีครับ
ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ
อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
มหาวิทยาลัยทุกแห่งทั่วประเทศต้องถูกประเมินคุณภาพทุกปี
จาก สมศ. (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา)
ดูผลประเมินของแต่ละมหาวิทยาลัยได้ที่นี่ครับ http://www.onesqa.or.th/
โดยส่วนตัว ผมไม่เคยสอนนักศึกษา ให้เรียนเก่ง นะครับ
แต่จะสอนให้เขา ทำงานให้เป็น ทำงานร่วมกับคนอื่นให้ได้
และต้องผ่านกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตให้กับตนเอง
ส่วนเด็กจะเรียนเอาเก่งขนาดไหน ก็แล้วแต่เด็กเองครับ
เรามีหน้าที่ แค่มอบอนาคตที่ดีให้กับเด็กครับ
น้องลองไปเรียนที่ มทส. ดูก่อนได้ครับ
ถ้าเรียนไม่ไหว ก็ค่อยมาลองสอบเข้าที่ มทร. ธัญบุรี ดูครับ
ถ้าสอบติด. ผมจะสอนให้คุณมีอนาคตแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องเรียนจบแล้วจะตกงานไหม. ถ้าน้องไม่เลือกงาน ไม่ตกงานแน่นอนครับ
ด้วยความปราถนาดีครับ
ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ
อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ความคิดเห็นที่ 16
ผมเรียน มทร.ธัญบุรี ครับ เรียน วิศว เหมือนกันครับ
ที่นี่เรียนไม่ได้หนักมากเท่า มทส. นะครับ เพราะแฟนผมเรียน มทส. ก็บ่นๆว่าเรียนหนักครับ
แต่ผมจะตอบตรงประเด็นที่ว่าเรื่องของการหางานนะครับ
ที่ มทร. ตอนนี้ช่วงฝึกงานเปลี่ยนเป็น สหกิจ แล้วครับซึ่งตัวผมเองก็ออก สหกิจ 4 เดือนครับ อยู่ในระหว่างฝึกงานเหมือนกัน
ซึ่งประเด็นที่ว่าการหางานทำนะครับ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะครับว่า มีความรับผิดชอบแค่ไหนในการฝึกงาน ซึ่งผมก็โดนบริษัทจองตัวแล้วครับ
**การดื่มเหล้าให้เมาไม่ใช่เพราะยี่ห้อสุรา การศึกษาคือความรู้ที่ไม่ได้มาเพราะสถาบัน
***ขอให้ จขกท. ตั้งใจเรียนนะครับ
ที่นี่เรียนไม่ได้หนักมากเท่า มทส. นะครับ เพราะแฟนผมเรียน มทส. ก็บ่นๆว่าเรียนหนักครับ
แต่ผมจะตอบตรงประเด็นที่ว่าเรื่องของการหางานนะครับ
ที่ มทร. ตอนนี้ช่วงฝึกงานเปลี่ยนเป็น สหกิจ แล้วครับซึ่งตัวผมเองก็ออก สหกิจ 4 เดือนครับ อยู่ในระหว่างฝึกงานเหมือนกัน
ซึ่งประเด็นที่ว่าการหางานทำนะครับ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะครับว่า มีความรับผิดชอบแค่ไหนในการฝึกงาน ซึ่งผมก็โดนบริษัทจองตัวแล้วครับ
**การดื่มเหล้าให้เมาไม่ใช่เพราะยี่ห้อสุรา การศึกษาคือความรู้ที่ไม่ได้มาเพราะสถาบัน
***ขอให้ จขกท. ตั้งใจเรียนนะครับ
ความคิดเห็นที่ 15
ก็จะได้ยินเสมอๆอ่ะนะ สำหรับ มทส เรียนยาก เข้าง่าย จบยาก พูดเหมือนโดนลัทธิอะไรคลอบงำมาเลย เพราะมันพูดเหมือนกันหมดเลย ผมอ่านปั๊บ ผมรู้เลยว่า ม นี้ มันมีแต่เด็กอ่อนๆมาเรียน เพราะคำพูดพวกนี้ ผมไม่ค่อยได้ยินจากเด็ก จุฬา เกษตร เลย ดังนั้น เด็กมทส ผมแนะนำน่ ถ้าคุณอยากโม้ มหาลัยตัวเองหน่ะ อย่าไปโม้ว่าจบยาก จบเย็น เพราะคนเค้าจะมองว่าคุณโง่ มันถึงจบแบบสบายๆไม่ได้ ทั้งๆที่แค่วิศวะ ป ตรี เนี่ยมันไม่ได้จบยากอะไรเลย
ปล และที่ชอบโม้มันทุกกระทู้ว่าจบมามีงานทำเนี่ย เอาจิงๆจบวิศวะ 8 เกียร์ ซึ่งไม่มี มทส เนี่ย ปมันมีงานทำยุแล้ว แบบว่า จบ วิศวะที่ไหนก็มีงานทำแน่นอน ถ้าไม่ไปเรียนต่อ หรือทำธุรกิจส่วนจัว ดังนั้นอย่ามองแค่เปอร์เซนต์การมีงานทำ เพราะ ม ดังๆมันสูสีกันหมดแหละไม่กินกันหรอก ต้องมองที่คุณภาพของงานที่ทำด้วย ว่าบริษัทอะไร เงินเดือนเท่าไร
ปล และที่ชอบโม้มันทุกกระทู้ว่าจบมามีงานทำเนี่ย เอาจิงๆจบวิศวะ 8 เกียร์ ซึ่งไม่มี มทส เนี่ย ปมันมีงานทำยุแล้ว แบบว่า จบ วิศวะที่ไหนก็มีงานทำแน่นอน ถ้าไม่ไปเรียนต่อ หรือทำธุรกิจส่วนจัว ดังนั้นอย่ามองแค่เปอร์เซนต์การมีงานทำ เพราะ ม ดังๆมันสูสีกันหมดแหละไม่กินกันหรอก ต้องมองที่คุณภาพของงานที่ทำด้วย ว่าบริษัทอะไร เงินเดือนเท่าไร
แสดงความคิดเห็น
วิศวกรรมศาสตร์ ของ มทส กับ มทร.ธัญบุรี
#1 ขอขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ที่เข้ามาตอบกระทู้ของผม
#2 ผมจะได้อยู่มหาลัยไหนก็ขึ้นอยู่กับผลแอด57 ผมไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่งอะไร แต่ก็พอจะเอาตัวรอดไปได้แล้วการเลือกเข้ามหาลัยพ่อแม่ผมก็ให้สิทธิในการเลือกตามความสามารถของผมครับ ไม่ได้ที่นี้ที่อีกก็ได้ ประมาณนี้ครับ ^_^
ปล. ผมไม่มีเจตนาที่จะตั้งกระทู้ล่อเป้านะครับ แค่อยากรู้ว่าแต่ละมหาลัยมีข้อดีข้อเสียหรือสภาพแวดล้อมในมหาลัยบางครับ
ปล.2 ขอความกรุณาอย่าพลาดพิงถึงมหาลัยทั้ง2ในทางที่ไม่ดีนะครับ ผมคิดว่าทั้ง2มอนี้ก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน