สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
อยากจะให้มีต่อก็มีต่อได้ครับ
ถ่ายเสร็จไปตั้งนานแล้วครับ แต่ต้องตัดออกเพราะหนังจะยาวเกินไปครับ
ทั้งๆที่มันคาใจผมอยู่เพราะมันยังไม่มีบทสรุป
เกิดอะไรขึ้นกับพระเจ้านันทบุเรง
เกิดอะไรขึ้นกับพระพี่นางสุพรรณกัลยา
เกิดอะไรขึ้นที่เมืองตองอู
เกิดอะไรขึ้นกับสมเด็จพระนเรศวร
คำถามที่คาใจเหล่านี้ถ่ายทำเสร็จไปพร้อมๆ กับภาค ๕ นั่นแหละครับ
แต่ก็ถูกตัดออก ให้ผมได้ดูคนเดียวครับ อิอิ
ถ่ายเสร็จไปตั้งนานแล้วครับ แต่ต้องตัดออกเพราะหนังจะยาวเกินไปครับ
ทั้งๆที่มันคาใจผมอยู่เพราะมันยังไม่มีบทสรุป
เกิดอะไรขึ้นกับพระเจ้านันทบุเรง
เกิดอะไรขึ้นกับพระพี่นางสุพรรณกัลยา
เกิดอะไรขึ้นที่เมืองตองอู
เกิดอะไรขึ้นกับสมเด็จพระนเรศวร
คำถามที่คาใจเหล่านี้ถ่ายทำเสร็จไปพร้อมๆ กับภาค ๕ นั่นแหละครับ
แต่ก็ถูกตัดออก ให้ผมได้ดูคนเดียวครับ อิอิ
สมาชิกหมายเลข 995311 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1311280 ขำกลิ้ง, สมาชิกหมายเลข 824830 ถูกใจ, talkativegirlX ถูกใจ, jojo_peter ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1388524 ถูกใจ, MNRK ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 884141 ถูกใจ, kratenlover ถูกใจ, interrupt ถูกใจรวมถึงอีก 46 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 17
พูดกันมานานแล้วเรื่องเกณฑ์นักเรียนไปดู ความเป็นจริงก็คือถ้าโรงเรียนไหนอยาก
ให้นักเรียนมาดู (ตั้งแต่สุริโยทัยมาแล้ว) ก็ทำหนังสือมา ทางบริษัทจะไม่คิดเงิน
แต่ทางโรงจะคิอเงินตามเปอร์เซ็นหักแบ่ง ซึ่งจะถูกกว่าปกติ ถ้านับไปแล้วไม่ใช่จะ
ได้เปรียบหนังเรื่องอื่น แต่เป็นการเสียเปรียบด้วยซ้ำไป
ถ้าเจ้าของหนังเรื่องที่กลัวจะเสียเปรียบก็ติดต่อให้ส่วนลดกับโรงเรียนก็ได้นี่ครับ
ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลนั้นไม่ใช่ได้มาฟรีๆ นะครับ เขาช่วยเหลือมาแต่ก็ต้อง
จ่ายคืนทั้งหมด ได้ช่วยมา 300 ล้าน แบ่งเป็นห้าเรื่องเท่ากับเรื่องละ 50 ล้าน น้อยกว่างบ
สร้างแหยมยโสธรเสียอีก ตอนนี้ยังต้องจ่ายคืนให้รัฐบาลอยู่เลยครับ เพราะคราวที่แล้วยังได้
ไม่คุ้มกับที่ได้รับการช่วยเหลือ
อ้อลืมไป จากงบ 300 ล้าน ถูกแบ่งไปให้หนังอื่น 100 ล้าน ที่ได้รับไปแล้วแค่ไม่จำเป็นต้องคืนงบ
หลายเรื่องเสนอรับงบไปแล้วแต่ก็ยังไม่สร้าง ลางเรื่องสร้างแล้วแต่ไม่ได้ฉาย
แต่เราต้องรับภาระคืนเงิน 300 ล้าน ให้รัฐบาลอยู่เลยครับ เรื่องที่แล้วยังคืนไม่หมดผมถึงถูกฟ้อง
ล้มละลายยังไงล่ะครับ
แล้วไปคิดเรื่องยอดเงินรายได้อะไรกันหนักหนา อยากรู฿้ว่ารายได้จริงเท่าไรก็ไปถามที่สรรพกรเอาเองซีครับ
รายได้มากก็เสียภาษีมากเป็นเงาตามตัวครับ
ให้นักเรียนมาดู (ตั้งแต่สุริโยทัยมาแล้ว) ก็ทำหนังสือมา ทางบริษัทจะไม่คิดเงิน
แต่ทางโรงจะคิอเงินตามเปอร์เซ็นหักแบ่ง ซึ่งจะถูกกว่าปกติ ถ้านับไปแล้วไม่ใช่จะ
ได้เปรียบหนังเรื่องอื่น แต่เป็นการเสียเปรียบด้วยซ้ำไป
ถ้าเจ้าของหนังเรื่องที่กลัวจะเสียเปรียบก็ติดต่อให้ส่วนลดกับโรงเรียนก็ได้นี่ครับ
ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลนั้นไม่ใช่ได้มาฟรีๆ นะครับ เขาช่วยเหลือมาแต่ก็ต้อง
จ่ายคืนทั้งหมด ได้ช่วยมา 300 ล้าน แบ่งเป็นห้าเรื่องเท่ากับเรื่องละ 50 ล้าน น้อยกว่างบ
สร้างแหยมยโสธรเสียอีก ตอนนี้ยังต้องจ่ายคืนให้รัฐบาลอยู่เลยครับ เพราะคราวที่แล้วยังได้
ไม่คุ้มกับที่ได้รับการช่วยเหลือ
อ้อลืมไป จากงบ 300 ล้าน ถูกแบ่งไปให้หนังอื่น 100 ล้าน ที่ได้รับไปแล้วแค่ไม่จำเป็นต้องคืนงบ
หลายเรื่องเสนอรับงบไปแล้วแต่ก็ยังไม่สร้าง ลางเรื่องสร้างแล้วแต่ไม่ได้ฉาย
แต่เราต้องรับภาระคืนเงิน 300 ล้าน ให้รัฐบาลอยู่เลยครับ เรื่องที่แล้วยังคืนไม่หมดผมถึงถูกฟ้อง
ล้มละลายยังไงล่ะครับ
แล้วไปคิดเรื่องยอดเงินรายได้อะไรกันหนักหนา อยากรู฿้ว่ารายได้จริงเท่าไรก็ไปถามที่สรรพกรเอาเองซีครับ
รายได้มากก็เสียภาษีมากเป็นเงาตามตัวครับ
talkativegirlX ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1388524 ถูกใจ, MNRK ถูกใจ, BiOTTiRO ถูกใจ, mommyandson ซึ้ง, Ghosty Hermosa ถูกใจ, ไอโอดีนสีชมพู-ฟ้า ถูกใจ, CK-ONliNE ถูกใจ, fondakelly ถูกใจ, yuum uss ถูกใจรวมถึงอีก 42 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 18
ท่านที่จะวิจารณ์ โดยเฉพาะฉากยุทธหัตถี ท่านจำเป็นต้องทำความเข้าใจในบริบทคำว่า "ยุทธหัตถี" ก่อนนะครับ
ยุทธหัตถี หมายถึง ยุทธ=ต่อสู้ หัตถี=ช้าง // ยุทธหัตถี=การรบโดยใช้ช้าง
การกระทำยุทธหัตถี นอกจากคนบนหลังช้างต้องสู้กันแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือช้างทั้งสองตัวต้องปะทะกำลังกัน เพื่อให้ช้างฝ่ายตรงข้ามเสียหลัก ฉะนั้น คนที่รบบนหลังช้างจึงต้องมีความเชี่ยวชาญในการบังคับช้าง อาวุธที่ใช้ก็คือ "ของ้าว" ซึ่งต้องใช้ส่วนขอนั่นแหละในการบังคับช้าง
ในเรื่องสุริโยไท ฉากยุทธหัตถี ไม่ใช่การชนช้าง แต่เป็นการ "ดวลง้าวบนหลังช้าง" ซึ่งมันไม่สมจริง ในภาพยนตร์เรื่องตำนานฯ ท่านมุ้ยจึงต้องการฉาก "ชนช้าง" ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ช้างในสงครามคือช้างที่ถูกฝึกมาเพื่อรบจริงๆจังๆ และเวลาที่ออกรบคือยามที่ช้าง "ตกน้ำมัน"
แต่ในการถ่ายทำ ฉากนี้ใช้เวลาถ่ายทำหลายเดือน เพราะวันหนึ่งๆถ่ายทำได้แค่ไม่กี่คัท (ท่านมุ้ยต้งอทำงานอย่างประณีตทุกคัท) ดังนั้นถ้าใช้ช้างจริง ช้างจะชนได้สมจริงก็ต่อเมื่อตกน้ำมัน แต่ช้างปกติไม่ได้ตกน้ำมันทุกวัน และเมื่อตกน้ำมันแต่ละครั้งนั้นสามารถกระทีบและใช้งาแทงคนตายได้ง่ายๆเลย นักแสดงก็ไม่ใช้นักรบที่ถูกฝึกกับช้างมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงต้องใช้CG เพื่อให้ช้างชนกันได้เหมือนในสงครามจริง
ถ้าท่านใดทำงานCG คงจะรู้ว่ามันยากมาก และงบประมาณที่ใช้ก็สูงมาก (หนังตำนานฯใช้CGตลอดเรื่องนะครับ ที่ท่านเห็นฉากหลังเป็นราชวัง เจดีย์ พลทหาร ตลอดจนก้อนเมฆและแสงอาทิตย์ ส่วนหนึ่งคือCG)
งบประมาณภาพยนตร์เรื่องนี้สูงมาก ไม่ใช่เพียงเพราะนักแสดงที่ใช้มากกว่าภาพยนตร์ปกติ โลเกชั่นที่สร้างใหม่เกือบทั้งหมด คอสตูม อุปกรณ์ประกอบฉาก และที่เปลืองที่สุดก็คือCG เพื่อความประณีตและอลังการ ระยะเวลาถ่ายทำที่นานเพราะถ่ายได้วันละ2-3คัท กว่าจะได้แต่ละซีนก็ใช้เวลาเป็นเดือน ตลอดระยะเวลา12ปี จึงทำได้เพียง5ภาค (หรือราวๆ12ชั่วโมง)
ปล. อีกปัจจัยที่สำคัญคือ ภาพยนตร์ในภาค5 บางฉากถ่ายทำตั้งแต่สมัยภาค1 ซึ่งสมัยนั้นยังใช้ฟิล์มในการบันทึก แต่ฉากที่ถ่ายขึ้นช่วงหลังบันทึกด้วยระบบดิจิตอล ดังนั้นการทำทุกฉากให้เนียน ทั้งๆที่ถ่ายทำแต่ละฉากห่างกันหลายปี แต่ต้องเอามารวมในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
ยุทธหัตถี หมายถึง ยุทธ=ต่อสู้ หัตถี=ช้าง // ยุทธหัตถี=การรบโดยใช้ช้าง
การกระทำยุทธหัตถี นอกจากคนบนหลังช้างต้องสู้กันแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือช้างทั้งสองตัวต้องปะทะกำลังกัน เพื่อให้ช้างฝ่ายตรงข้ามเสียหลัก ฉะนั้น คนที่รบบนหลังช้างจึงต้องมีความเชี่ยวชาญในการบังคับช้าง อาวุธที่ใช้ก็คือ "ของ้าว" ซึ่งต้องใช้ส่วนขอนั่นแหละในการบังคับช้าง
ในเรื่องสุริโยไท ฉากยุทธหัตถี ไม่ใช่การชนช้าง แต่เป็นการ "ดวลง้าวบนหลังช้าง" ซึ่งมันไม่สมจริง ในภาพยนตร์เรื่องตำนานฯ ท่านมุ้ยจึงต้องการฉาก "ชนช้าง" ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ช้างในสงครามคือช้างที่ถูกฝึกมาเพื่อรบจริงๆจังๆ และเวลาที่ออกรบคือยามที่ช้าง "ตกน้ำมัน"
แต่ในการถ่ายทำ ฉากนี้ใช้เวลาถ่ายทำหลายเดือน เพราะวันหนึ่งๆถ่ายทำได้แค่ไม่กี่คัท (ท่านมุ้ยต้งอทำงานอย่างประณีตทุกคัท) ดังนั้นถ้าใช้ช้างจริง ช้างจะชนได้สมจริงก็ต่อเมื่อตกน้ำมัน แต่ช้างปกติไม่ได้ตกน้ำมันทุกวัน และเมื่อตกน้ำมันแต่ละครั้งนั้นสามารถกระทีบและใช้งาแทงคนตายได้ง่ายๆเลย นักแสดงก็ไม่ใช้นักรบที่ถูกฝึกกับช้างมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงต้องใช้CG เพื่อให้ช้างชนกันได้เหมือนในสงครามจริง
ถ้าท่านใดทำงานCG คงจะรู้ว่ามันยากมาก และงบประมาณที่ใช้ก็สูงมาก (หนังตำนานฯใช้CGตลอดเรื่องนะครับ ที่ท่านเห็นฉากหลังเป็นราชวัง เจดีย์ พลทหาร ตลอดจนก้อนเมฆและแสงอาทิตย์ ส่วนหนึ่งคือCG)
งบประมาณภาพยนตร์เรื่องนี้สูงมาก ไม่ใช่เพียงเพราะนักแสดงที่ใช้มากกว่าภาพยนตร์ปกติ โลเกชั่นที่สร้างใหม่เกือบทั้งหมด คอสตูม อุปกรณ์ประกอบฉาก และที่เปลืองที่สุดก็คือCG เพื่อความประณีตและอลังการ ระยะเวลาถ่ายทำที่นานเพราะถ่ายได้วันละ2-3คัท กว่าจะได้แต่ละซีนก็ใช้เวลาเป็นเดือน ตลอดระยะเวลา12ปี จึงทำได้เพียง5ภาค (หรือราวๆ12ชั่วโมง)
ปล. อีกปัจจัยที่สำคัญคือ ภาพยนตร์ในภาค5 บางฉากถ่ายทำตั้งแต่สมัยภาค1 ซึ่งสมัยนั้นยังใช้ฟิล์มในการบันทึก แต่ฉากที่ถ่ายขึ้นช่วงหลังบันทึกด้วยระบบดิจิตอล ดังนั้นการทำทุกฉากให้เนียน ทั้งๆที่ถ่ายทำแต่ละฉากห่างกันหลายปี แต่ต้องเอามารวมในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
jojo_peter ถูกใจ, ดอกคำฝอยสีชมพู ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1388524 ถูกใจ, MNRK ถูกใจ, kratenlover ถูกใจ, Ghosty Hermosa ถูกใจ, ญาตาวี ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 718263 ถูกใจ, funfy ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1308760 ถูกใจรวมถึงอีก 13 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
คนไทยคาดหวังอะไรจากภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค๕
ว่าจะทำออกมาได้ดีมากแค่ไหน ส่วนเรื่องฉากซีจีที่บางคนไปดูมาแล้วบอกว่าทำออกมาได้ไม่ดี
เฮียคิดว่าเรื่องนี้มันพัฒนากันได้ เพราะเราไม่ได้เก่งเรื่องซีจีเท่ากับต่างประเทศ
เราจะไปเทียบกับมาตรฐานของเขาไม่ได้ เรามีมาตรฐานเป็นของเราเอง
ปล.เฮียยังไม่ได้ไปดูนะ อ่านจากที่คนอื่นสปอยมา
ปล2.หวังว่าหนังเรื่องนี้กระแสจะออกมาในด้านที่ดีมากกว่าลบนะ
ปล3.หวังว่าคนไทยจะได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่างจากหนังเรื่องนี้นะ
ปล4.หวังว่าคนไทยจะรักชาติและหวงประเทศมากขึ้น
#ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและตอบกระทู้กันครัช