เรื่องของเรื่องเกิดจาก น้องสะใภ้จะแต่งงานวันที่ 2 พฤษภาค่ะ สามี (ชาวแอฟริกาใต้) จำเป็นต้องไปและธรรมเนียมงานแต่งต้องไปเป็นครอบครัว และเป็นโอกาสที่จะได้พาลูกชายไปพบญาติฝั่งนู้นเป็นครั้งแรกค่ะ
ครั้งแรกที่รู้ว่าต้องไป และต้องเอาลูกไปด้วย ไม่มีความรู้ตื่นเต้นใดๆทั้งสิ้น แม่แต่ความกังวลใจ (เนื่องจากกลัวลูกชายออกฤทธิ์บนเครื่อง) ส่วนตัวแล้วเคยไปเที่ยวมาแล้วคั้งนึงเมื่อ3ปี ก่อน สวยมาก ถามว่าอยากไปอีกมั้ย อยาก แต่ถ้ามีลูกไปด้วยบอกได้คำเดียวว่า กลัว ฮือฮือ เคยขึ้นเครื่องแล้วเจอเด็กร้องไม่หยุด (มีหยุดตอนหมดเสียง หลับ แล้วตื่นมาร้องใหม่)
ขอแนะนำหนุ่มน้อย Daniel ลูกครึ่ง ไทย (อิสาน) - แอฟริกาใต้ก่อนค่ะ
เนื่องจากยายมีปัญหาในการเรียกชื่อหลานชาย แกเรียกได้แต่ เนี่ยว สั้น (เข้าใจตรงกันนะ)
เนี่ยวเป็นเด็กไม่งอแง อารมณ์ดีตลอด แต่เวลาที่เราจะบินเป็นช่วงที่เค้าเพิ่งหัดคลาน แม่ก็มโนว่าถ้าเนี่ยวไม่ยอมอยู่เฉยๆแล้วดื้อ จะคลานบนเครื่อง แล้วร้องโยเยล่ะ ลืมบอกค่ะว่าสามีเดินทางพร้อมกัน แต่คนนั้นให้เค้าดูเลตัวเองก็พอแล้วค่ะ อิอิ
เริ่มเรื่องค่ะ (กริ่นนานมาก) เราเริ่มจากหาข้อมูลคนใกล้ตัว youtube แล้วตัดสินใจจองตั๋ว เรื่องตั๋วสำคัญมากคุณแม่ต้องดูแลรายละเอียดหน่อยนะค่ะ
1. กรณีเดือนทางไกล ถ้าเป็นไปได้เลือกแบบ บินตรงค่ะ (แพงกว่าต่อเครื่อง) เนื่องจากลูกจะได้ไม่เหนื่อยและหลับยาวค่ะ ถ้าต้องต่อเครื่องให้เลือกที่ ประเทศที่ใกล้เรามากที่สุด เพื่อลูกจะได้หลับยาวขึ้นใน flight ต่อเนื่องค่ะ ยกตัวอย่าง เราเลือก bangkok - singapore (2 ชม) signapore capetown (8 ชม)
2. เลือกบินกลางคืน อย่างเช่น เราบิน จาก กทม สามทุ่ม ถึง singapore ห้าทุ่ม ขึ้นเครื่องอีกครั้งตอนตีหนึ่1
3. ขอที่นั่งแถวหน้าสุดติดหน้าต่าง เราจองผ่านบริษัท ก็แจ้งเค้าตั้งแต่จอง แล้งจ่ายค่า bussinest ไม่แน่ใจสะกดถูกมั้ย เป็นตะกร้าติดกับผนังให้ลูกนอน ถ้าเค้าตื่นก็สามาถเอาไว้เก็บของเล่นลูกได้ ราคาประมาณ 6000 บาท ไป-กล้ับ ขึ้นอยู่สายการบินค่ะ แนะนำว่าก่อนเดินทาง 48 ชม ให้โทรเช็คเลขที่นั่งกับสายการบินเพื่อความแน่ใจ เพราะตอนที่ซื้อคือแต่ requested ไม่ได้ confirm
4. อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
4.1 เตรียมใจค่ะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะน้องบางคนอาจไม่งอแงที่บ้านแต่อยู่บนเครื่องนาน อาจไม่นอนและหงุดหงิด ต้องใจเย็นๆนะค่ะ ต้องเล่นกับลูกตลอด ทำให้เค้าเพลิน เดี๋ยวเหนื่อย ยังไงก็หลับ แต่อาจใช้เวลาหน่อย
4.2 เตรียมกระเป๋าใบใหญ่หน่อย ถ้าเป็นเป้จะดีมากสะดวก กระเป๋าบรรจุ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เราเตรียมใช้ประมาณ 10 ชิ้นทั้งขาไปและกลับ ผ้าห่มที่เค้าชอบ ผ้าอ้อมแบบผ้า ติดไปเผื่อต้องใช้ ทิชชู่เปียกอันนี้ประโยชน์เอนกอนันต์ห้ามลืม ขวดนมเราใช้ประมาณ10ขวด คอนโดที่เก็บนมเราใช้2อันทั้งหมด 7ชั้นเกือบไม่พอ เสื้อผ้าลูกประมาณ 4ชุด เพราะอากาศค้อนข้างเย็นบนเครื่องลุกฉี่บ่อยมากและเปียกขนาดต้องเปลี่ยน ช่วงต่อเครื่องก็คลานจนพื้นสนามบินสะอาดไปเลย อันนี้ก็ต้องเปลี่ยน เอาชุดนอนที่ใส่สบายนะค่ะ ลูกจะได้หลับสนิท พอใกล้ถึงก็ค่อยเปลี่ยนชุดหล่อก็ได้ ยาต่างๆเช่นวิค แซมบัคติดไว้ค่ะ ของเล่นที่เค้าชอบ(เกือบทุกชิ้น) เอาไปเยอะหน่อยนะค่ะ เพราะถ้าเค้าเบื่อต้องสลับ ไม่งั้นเอาไม่อยู่เหมือนกัน น้ำดื่มอันนี้ซื้อในสนามบิน duty freeค่ะ เอาไว้ใส่ขวดนมลูกเพราะตอนเครื่องขึ้น เราจะมารอให้แอร์เติมให้บางทีไม่ทันใจค่ะ เค้าเองก็ยุ่งช่วงเครื่องจะออก เจ้าหน้าที่สนามบินก็ห้ามค่ะไม่ได้เอาน้ำเข้าไป แต่เราบอกว่าถึงเวลาชงนมลุกต้องกินเพราะมียากินต่อเลยเป็นเวลา เค้าก็ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่ลูกอ่อนเค้ากลัว ดุ
รูปข้างล่างเป็นตะกร้าที่นอนค่ะ
ทริปแรกของลูกชาย 11เดือน จากกรุงเทพ สู่ เคปทาวน์
ครั้งแรกที่รู้ว่าต้องไป และต้องเอาลูกไปด้วย ไม่มีความรู้ตื่นเต้นใดๆทั้งสิ้น แม่แต่ความกังวลใจ (เนื่องจากกลัวลูกชายออกฤทธิ์บนเครื่อง) ส่วนตัวแล้วเคยไปเที่ยวมาแล้วคั้งนึงเมื่อ3ปี ก่อน สวยมาก ถามว่าอยากไปอีกมั้ย อยาก แต่ถ้ามีลูกไปด้วยบอกได้คำเดียวว่า กลัว ฮือฮือ เคยขึ้นเครื่องแล้วเจอเด็กร้องไม่หยุด (มีหยุดตอนหมดเสียง หลับ แล้วตื่นมาร้องใหม่)
ขอแนะนำหนุ่มน้อย Daniel ลูกครึ่ง ไทย (อิสาน) - แอฟริกาใต้ก่อนค่ะ
เนื่องจากยายมีปัญหาในการเรียกชื่อหลานชาย แกเรียกได้แต่ เนี่ยว สั้น (เข้าใจตรงกันนะ)
เนี่ยวเป็นเด็กไม่งอแง อารมณ์ดีตลอด แต่เวลาที่เราจะบินเป็นช่วงที่เค้าเพิ่งหัดคลาน แม่ก็มโนว่าถ้าเนี่ยวไม่ยอมอยู่เฉยๆแล้วดื้อ จะคลานบนเครื่อง แล้วร้องโยเยล่ะ ลืมบอกค่ะว่าสามีเดินทางพร้อมกัน แต่คนนั้นให้เค้าดูเลตัวเองก็พอแล้วค่ะ อิอิ
เริ่มเรื่องค่ะ (กริ่นนานมาก) เราเริ่มจากหาข้อมูลคนใกล้ตัว youtube แล้วตัดสินใจจองตั๋ว เรื่องตั๋วสำคัญมากคุณแม่ต้องดูแลรายละเอียดหน่อยนะค่ะ
1. กรณีเดือนทางไกล ถ้าเป็นไปได้เลือกแบบ บินตรงค่ะ (แพงกว่าต่อเครื่อง) เนื่องจากลูกจะได้ไม่เหนื่อยและหลับยาวค่ะ ถ้าต้องต่อเครื่องให้เลือกที่ ประเทศที่ใกล้เรามากที่สุด เพื่อลูกจะได้หลับยาวขึ้นใน flight ต่อเนื่องค่ะ ยกตัวอย่าง เราเลือก bangkok - singapore (2 ชม) signapore capetown (8 ชม)
2. เลือกบินกลางคืน อย่างเช่น เราบิน จาก กทม สามทุ่ม ถึง singapore ห้าทุ่ม ขึ้นเครื่องอีกครั้งตอนตีหนึ่1
3. ขอที่นั่งแถวหน้าสุดติดหน้าต่าง เราจองผ่านบริษัท ก็แจ้งเค้าตั้งแต่จอง แล้งจ่ายค่า bussinest ไม่แน่ใจสะกดถูกมั้ย เป็นตะกร้าติดกับผนังให้ลูกนอน ถ้าเค้าตื่นก็สามาถเอาไว้เก็บของเล่นลูกได้ ราคาประมาณ 6000 บาท ไป-กล้ับ ขึ้นอยู่สายการบินค่ะ แนะนำว่าก่อนเดินทาง 48 ชม ให้โทรเช็คเลขที่นั่งกับสายการบินเพื่อความแน่ใจ เพราะตอนที่ซื้อคือแต่ requested ไม่ได้ confirm
4. อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
4.1 เตรียมใจค่ะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะน้องบางคนอาจไม่งอแงที่บ้านแต่อยู่บนเครื่องนาน อาจไม่นอนและหงุดหงิด ต้องใจเย็นๆนะค่ะ ต้องเล่นกับลูกตลอด ทำให้เค้าเพลิน เดี๋ยวเหนื่อย ยังไงก็หลับ แต่อาจใช้เวลาหน่อย
4.2 เตรียมกระเป๋าใบใหญ่หน่อย ถ้าเป็นเป้จะดีมากสะดวก กระเป๋าบรรจุ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เราเตรียมใช้ประมาณ 10 ชิ้นทั้งขาไปและกลับ ผ้าห่มที่เค้าชอบ ผ้าอ้อมแบบผ้า ติดไปเผื่อต้องใช้ ทิชชู่เปียกอันนี้ประโยชน์เอนกอนันต์ห้ามลืม ขวดนมเราใช้ประมาณ10ขวด คอนโดที่เก็บนมเราใช้2อันทั้งหมด 7ชั้นเกือบไม่พอ เสื้อผ้าลูกประมาณ 4ชุด เพราะอากาศค้อนข้างเย็นบนเครื่องลุกฉี่บ่อยมากและเปียกขนาดต้องเปลี่ยน ช่วงต่อเครื่องก็คลานจนพื้นสนามบินสะอาดไปเลย อันนี้ก็ต้องเปลี่ยน เอาชุดนอนที่ใส่สบายนะค่ะ ลูกจะได้หลับสนิท พอใกล้ถึงก็ค่อยเปลี่ยนชุดหล่อก็ได้ ยาต่างๆเช่นวิค แซมบัคติดไว้ค่ะ ของเล่นที่เค้าชอบ(เกือบทุกชิ้น) เอาไปเยอะหน่อยนะค่ะ เพราะถ้าเค้าเบื่อต้องสลับ ไม่งั้นเอาไม่อยู่เหมือนกัน น้ำดื่มอันนี้ซื้อในสนามบิน duty freeค่ะ เอาไว้ใส่ขวดนมลูกเพราะตอนเครื่องขึ้น เราจะมารอให้แอร์เติมให้บางทีไม่ทันใจค่ะ เค้าเองก็ยุ่งช่วงเครื่องจะออก เจ้าหน้าที่สนามบินก็ห้ามค่ะไม่ได้เอาน้ำเข้าไป แต่เราบอกว่าถึงเวลาชงนมลุกต้องกินเพราะมียากินต่อเลยเป็นเวลา เค้าก็ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่ลูกอ่อนเค้ากลัว ดุ
รูปข้างล่างเป็นตะกร้าที่นอนค่ะ