ตอนที่ 2 โลกใหม่ (01)
ซ่า .... ซ่า..... เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาชายฝั่งลอยมาตามลมเบาๆ ราวกับว่าเป็นเสียงหายใจของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ และเป็นเสียงเดียวเท่านั้นที่ดังอยู่ในความมืดในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นช่วงเวลาที่แสนจะเงียบสงบ
เนตรดาวค่อยๆลืมตาขึ้นในห้องมืดๆ เหมือนทุกๆวัน แต่วันนี้เธอไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลย ทำไมนาฬิกาถึงไม่ปลุกนะ เนตรดาวคิดในใจ แม้จะยังสะลึมสะลืออยู่เธอก็เอื้อมมือขวาไปในทิศทางที่มีนาฬิกาอยู่โดยไม่ต้องมองเหมือนทุกที ... ไม่มี ... เธอพยายามคลำหาก็ยังไม่เจอ เนตรดาวดันตัวเองลุกขึ้นมานั่ง ตอนนี้สายตาของเธอเริ่มชินกับความมืดแล้ว เธอเริ่มมองหานาฬิกาบนที่นอนของเธอ ... ไม่มี .... และนี่ก็ไม่ใช่ที่นอนของเธอด้วย เธอกำลังอยู่บนเตียงนอน เธอรีบมองไปด้านซ้ายมือของเธอ ที่ๆควรจะมีหนูดีนอนอยู่ตรงนั้น ข้างๆเธอเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ ...ไม่มี ... เนตรดาวตกใจ ประหลาดใจ กลัว สับสน หลากหลายอารมณ์ปะปนกันอยู่ในร่างกายของเธอ น้ำตาเริ่มคลอที่ดวงตา แต่ก็ยังไม่ถึงกับร้องไห้ เธอยังพอจะควบคุมสติอารมณ์ได้อยู่ เนตรดาวมองไปรอบๆห้อง เห็นตู้ไม้ โต๊ะ เก้าอี้ และประตู ใช่แล้ว ประตู ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอคิดได้ก็คือการออกจากห้องนี้ก่อนแล้วค่อยคิดต่อว่าจะทำอย่างไร
เด็กหญิงลงจากเตียงช้าๆ ค่อยๆเดินฝ่าความมืดไปที่ประตู เธอคลำหามองหาสวิตช์ไฟข้างๆประตูเพื่อจะเปิดไฟแต่ก็ไม่เจอ เธอจึงเลิกหาแล้วค่อยๆเปิดประตูออกไปด้านนอก เธอมองแสงจากตะเกียงที่อยู่บนโต๊ะกลางห้องเป็นอย่างแรก และอาศัยแสงนั้นมองดูรอบๆห้อง ห้องนี้เป็นเหมือนห้องรับแขก มีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวใหญ่อยู่กลางห้องล้อมด้วยเก้าอี้ 4 ตัว มีโคมไฟติดผนัง ชั้นวางของ โซฟา หน้าต่าง ประตูและห้องอีกห้องหนึ่งที่ไม่มีประตูและมีแสงลอดมาจากห้องนั้นแสดงให้เห็นถึงเงาคนกำลังขยับไปมาทำอะไรบางอย่างอยู่ เนตรดาวกำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไร ควรจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนๆนั้น หรือควรจะหนีออกไปเงียบๆดี แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลง คนๆนั้นเดินออกจากห้องมาเจอเธอพอดี
“อ้าว หนูตื่นแล้วเหรอ” เสียงหญิงวัยกลางคนถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เนตรดาวตอบไม่ถูกเพราะตอนนี้หลากหลายอารมณ์และความคิดกำลังตีกันอยู่ในหัวของเธอ
“เป็นอะไรไป ยังง่วงอยู่เหรอหนู” หญิงคนนั้นหยิบตะเกียงบนโต๊ะแล้วเดินมาหาหนูดาว
ตอนนี้แสงจากตะเกียงส่องให้เห็นหน้าของหญิงคนนั้น เธอดูอายุมากกว่าแม่ของเนตรดาวเล็กน้อย แววตาและสีหน้าที่สะท้อนแสงเทียนนั้นทำให้เธอดูอ่อนโยน และยิ่งรวมกับน้ำเสียงที่เธอถามทำให้เนตรดาวรู้สึกไว้ใจผู้หญิงคนนี้ขึ้นมามากขึ้น เธอจึงเค้นเอาความกล้าทั้งหมดในตัวของเธอรวมเอามาเป็นคำพูด คำตอบและคำถามแล้วถามผู้หญิงคนนั้นกลับไป
“ที่นี่.. ฮึก ..ที่ไหนค่ะ..ฮือๆ ..” หนูดาวพูดได้แค่ประโยคเดียวก็ทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้แล้ว ดูเหมือนว่าความอดทนกับสิ่งที่เธอได้พบเจอมานั้นได้หมดลงไปทันที เธอได้แต่ร้องไห้ทั้งๆที่ยังอยากจะถามอะไรอีกหลายอย่างแต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงออกมาปนกับเสียงร้องไห้ที่ฟังดูไม่เป็นภาษาเท่านั้น
“...” ผู้หญิงคนนั้นก็ดูจะตกใจกับกิริยาของหนูดาวเหมือนกัน เธอมองดูหนูดาวแล้วย่อตัวลงตรงหน้าหนูดาวก่อนจะพูดปลอบกับเธอว่า “ไม่เป็นไรนะหนู ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปนั่งที่โต๊ะกินน้ำกินท่าให้ใจเย็นๆก่อนนะ แล้วเดี๋ยวป้าจะเล่าให้ฟัง” เธอลูบหัวปลอบหนูดาวเบาๆ แล้วค่อยๆพยุงตัวหนูดาวไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวกลางห้อง
นิทานฝันดี ฝันของเนตรดาว ตอนที่2 โลกใหม่
ตอนที่ 2 โลกใหม่ (01)
ซ่า .... ซ่า..... เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาชายฝั่งลอยมาตามลมเบาๆ ราวกับว่าเป็นเสียงหายใจของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ และเป็นเสียงเดียวเท่านั้นที่ดังอยู่ในความมืดในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นช่วงเวลาที่แสนจะเงียบสงบ
เนตรดาวค่อยๆลืมตาขึ้นในห้องมืดๆ เหมือนทุกๆวัน แต่วันนี้เธอไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลย ทำไมนาฬิกาถึงไม่ปลุกนะ เนตรดาวคิดในใจ แม้จะยังสะลึมสะลืออยู่เธอก็เอื้อมมือขวาไปในทิศทางที่มีนาฬิกาอยู่โดยไม่ต้องมองเหมือนทุกที ... ไม่มี ... เธอพยายามคลำหาก็ยังไม่เจอ เนตรดาวดันตัวเองลุกขึ้นมานั่ง ตอนนี้สายตาของเธอเริ่มชินกับความมืดแล้ว เธอเริ่มมองหานาฬิกาบนที่นอนของเธอ ... ไม่มี .... และนี่ก็ไม่ใช่ที่นอนของเธอด้วย เธอกำลังอยู่บนเตียงนอน เธอรีบมองไปด้านซ้ายมือของเธอ ที่ๆควรจะมีหนูดีนอนอยู่ตรงนั้น ข้างๆเธอเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ ...ไม่มี ... เนตรดาวตกใจ ประหลาดใจ กลัว สับสน หลากหลายอารมณ์ปะปนกันอยู่ในร่างกายของเธอ น้ำตาเริ่มคลอที่ดวงตา แต่ก็ยังไม่ถึงกับร้องไห้ เธอยังพอจะควบคุมสติอารมณ์ได้อยู่ เนตรดาวมองไปรอบๆห้อง เห็นตู้ไม้ โต๊ะ เก้าอี้ และประตู ใช่แล้ว ประตู ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอคิดได้ก็คือการออกจากห้องนี้ก่อนแล้วค่อยคิดต่อว่าจะทำอย่างไร
เด็กหญิงลงจากเตียงช้าๆ ค่อยๆเดินฝ่าความมืดไปที่ประตู เธอคลำหามองหาสวิตช์ไฟข้างๆประตูเพื่อจะเปิดไฟแต่ก็ไม่เจอ เธอจึงเลิกหาแล้วค่อยๆเปิดประตูออกไปด้านนอก เธอมองแสงจากตะเกียงที่อยู่บนโต๊ะกลางห้องเป็นอย่างแรก และอาศัยแสงนั้นมองดูรอบๆห้อง ห้องนี้เป็นเหมือนห้องรับแขก มีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวใหญ่อยู่กลางห้องล้อมด้วยเก้าอี้ 4 ตัว มีโคมไฟติดผนัง ชั้นวางของ โซฟา หน้าต่าง ประตูและห้องอีกห้องหนึ่งที่ไม่มีประตูและมีแสงลอดมาจากห้องนั้นแสดงให้เห็นถึงเงาคนกำลังขยับไปมาทำอะไรบางอย่างอยู่ เนตรดาวกำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไร ควรจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนๆนั้น หรือควรจะหนีออกไปเงียบๆดี แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลง คนๆนั้นเดินออกจากห้องมาเจอเธอพอดี
“อ้าว หนูตื่นแล้วเหรอ” เสียงหญิงวัยกลางคนถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เนตรดาวตอบไม่ถูกเพราะตอนนี้หลากหลายอารมณ์และความคิดกำลังตีกันอยู่ในหัวของเธอ
“เป็นอะไรไป ยังง่วงอยู่เหรอหนู” หญิงคนนั้นหยิบตะเกียงบนโต๊ะแล้วเดินมาหาหนูดาว
ตอนนี้แสงจากตะเกียงส่องให้เห็นหน้าของหญิงคนนั้น เธอดูอายุมากกว่าแม่ของเนตรดาวเล็กน้อย แววตาและสีหน้าที่สะท้อนแสงเทียนนั้นทำให้เธอดูอ่อนโยน และยิ่งรวมกับน้ำเสียงที่เธอถามทำให้เนตรดาวรู้สึกไว้ใจผู้หญิงคนนี้ขึ้นมามากขึ้น เธอจึงเค้นเอาความกล้าทั้งหมดในตัวของเธอรวมเอามาเป็นคำพูด คำตอบและคำถามแล้วถามผู้หญิงคนนั้นกลับไป
“ที่นี่.. ฮึก ..ที่ไหนค่ะ..ฮือๆ ..” หนูดาวพูดได้แค่ประโยคเดียวก็ทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้แล้ว ดูเหมือนว่าความอดทนกับสิ่งที่เธอได้พบเจอมานั้นได้หมดลงไปทันที เธอได้แต่ร้องไห้ทั้งๆที่ยังอยากจะถามอะไรอีกหลายอย่างแต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงออกมาปนกับเสียงร้องไห้ที่ฟังดูไม่เป็นภาษาเท่านั้น
“...” ผู้หญิงคนนั้นก็ดูจะตกใจกับกิริยาของหนูดาวเหมือนกัน เธอมองดูหนูดาวแล้วย่อตัวลงตรงหน้าหนูดาวก่อนจะพูดปลอบกับเธอว่า “ไม่เป็นไรนะหนู ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปนั่งที่โต๊ะกินน้ำกินท่าให้ใจเย็นๆก่อนนะ แล้วเดี๋ยวป้าจะเล่าให้ฟัง” เธอลูบหัวปลอบหนูดาวเบาๆ แล้วค่อยๆพยุงตัวหนูดาวไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวกลางห้อง