สโลวีเนีย (Slovenia) เป็นประเทศที่เพิ่งเป็นเอกราชเมื่อ 23 ปีก่อน (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991) หลังจากโดนยึดครองจากนานาประเทศมาเป็นเวลานาน และก่อนจะได้รับอิสระภาพสโลวีเนียได้อยู่ในกลุ่มประเทศของยูโกสลาเวีย ก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ สโลวีเนียได้ทำสงครามที่เรียกกว่า the 10 day war กับกลุ่มของยูโกสลาเวีย
เป็นประเทศที่เพิ่งเข้าร่วม EU เมื่อปี 2004 เริ่มใช้ยูโรเมื่อปี 2007 มีภาษาของตัวเองเรียกว่า Slovenian มีประชากรในประเทศประมาณ 2 ล้านคน
โดยส่วนตัว ตอนเที่ยวจะค่อนข้างสันโดษ และชอบที่เที่ยว ที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวจนเกินไป หลาย ๆ ที่ ที่ได้ไปมาก่อนหน้านี้เช่น ฟลอเรนซ์ หรือเวนิส เป็นสถานที่ ที่น่าสนใจและสวยก็จริง แต่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะชาวเอเซีย) เลยทำให้ที่สวย ๆ อาจจะไม่ค่อยน่าเที่ยวสักเท่าไหร่ เพราะต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้ คือ มันอึดอัด เพราะคนเยอะ และเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทุกสิ่งทุกอย่างก็แพงไปด้วย
การได้มาถึง Ljubljana ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน ที่อยู่ในประเทศนั้นจริง ๆ มีวิถีชีวิตแบบคนในท้องที่ ไม่ได้มีแต่นักท่องเที่ยว ทำให้รู้สึกดีตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง
Ljubljana เป็นเมืองแบบยุโรปทั่วไป คือมีสิ่งก่อสร้างแบบยุโรป ๆ แต่ว่าเป็นเมืองเล็ก ๆ ซึ่งมีประชากรอยู่แค่ 300,000 คน (เล็กกว่าเชียงใหม่ครึ่งหนึ่ง) ก็เลยดูแล้วเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก พอไปถึงวันแรกก็ชอบเลย
Hostel ที่พักชื่อ Hostel Tresor ราคาพักที่ 14 ยูโร ต่อคืน ก็ถือว่าไม่แพง เพราะว่าอยู่กลางใจเมืองเลย แล้วก็ยังดูใหม่ และสะอาดมาก ในห้องนอนก็มีการแบ่งโซนของแต่ละเตียง โดยใช้ผ้าม่าน ก็รู้สึกส่วนตัวขึ้นมากกว่า hostel ทั่ว ๆ ไป ที่เราสามารถมองเห็นทุกเตียง มีล็อกเกอร์ให้ในห้อง แล้วก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมมีอาหารเช้าฟรีด้วย ตั้งแต่เที่ยวมา 4 ปีนี้ ที่นี่ถือว่าเป็น hostel ที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับราคาและทุกอย่างแล้ว
จาก hostel เดินไปหน่อยก็เป็นกลางใจเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยถนน และสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อของเมือง เป็น main square (Square of the republic) และเป็นที่ตั้งของ Christmas market ซึ่งมีของขาย ร้านค้า ร้านนั่งกินเต็มไปหมด เป็นที่ ที่มีคนพลุกพล่านที่สุดในประเทศ แต่ดูยังไงก็อาจจะมีคนแค่ 20% ของเวนิส เมืองที่เพิ่งจากมา
ห่างจาก main square ไปนิดหนึ่ง ก็เป็นทางเดินขึ้นเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาท Ljubljana castle ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการเดินขึ้นไป Ljubljana castle เป็นปราสาทเก่า ข้างในเป็นหอคอยชมเมือง ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารและร้านกาแฟ การเข้าชมด้านใน มีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แต่ด้านนอกชมฟรี
ภูเขาที่ขึ้นชื่อของสโลวีเนียคือ Julian Alps แต่ว่าด้วยเวลาที่จำกัด และข้อมูลจากพนักงานที่ hostel บอกว่า ช่วงฤดูหนาวการขึ้นสู่ยอด Julian Alps นั้นค่อยข้างลำบาก ก็เลยคิดว่า ไว้ค่อยกลับมาทีหลัง ทั้งนี้พนักงาน hostel แนะนำให้ไป Lake Bled, Kranj, Bohinj แล้วก็ Postojna
แล้วเค้าก็ช่วยวางแผนว่าให้ไปที่ Kranj, Lake Bled จากนั้น Bohinj แล้วค่อยไป Postojna อีกวันหนึ่ง
สโลวีเนียเป็นประเทศเล็ก ๆ ดังนั้นการเดินทางที่นี่ เน้นการใช้รถบัส การเดินทางจาก Ljubljana ไป Kranj ตั๋ว 3.6 ยูโร จาก Kranj ไป Bled อีก 3.6 ยูโร และจาก Bled ไป Bohinj อีก 3.6 ยูโร ตอนขากลับ นั่งยาวจาก Bohinj กลับLjubljana 8.3 ยูโร
Kranj เป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก แต่ว่าไม่ได้ศึกษาก่อนไป ว่าต้องไปดูอะไร และมันเป็นวันที่อากาศ -3 และมีหมอกหนามาก เลยไม่ค่อยเห็นอะไร แต่พอมา Google ทีหลัง ก็ได้ภาพมาแบบนี้ ประมาณว่า มันสวยอ่ะ แต่ตอนไป มองไม่เห็นอะไรเลย T-T
แต่ Bled นั่นสวยยิ่งกว่า มันมีทะเลสาบที่มีชื่อเสียง ก็คือ lake bled นั่นเอง กลางทะเลสาบ มีเกาะเล็ก ๆ และมีโบสถ์อยู่บนเกาะนั้น
ภาพที่ Google มาได้ Bled หน้าหนาวจะเป็นแบบนี้แต่ว่าวันที่ไป ไม่ได้เห็นแบบนั้น เนื่องจากหมอกลงเยอะมาก และไม่มีหิมะตก แต่ก็สวยไปอีกแบบ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของ Bled ก็คือ Bled castle ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ กับทะเลสาบ และสิ่งที่มีชื่ออีกอย่างของที่นี่ก็คือเค้กที่เรียกว่า kremšnita เค้าบอกว่าถ้าไป Bled แต่ไม่ชิมเค้ก ถือว่าไปไม่ถึง ก็เลยชิมไป 1 ชิ้นใหญ่ ราคา 6 ยูโร
สโลวีเนียตามประวัติศาสตร์นั้น เป็นประเทศที่ไม่ค่อยจะมีความสงบ และผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับอิสรภาพมาเป็นเวลา 23 ปี การท่องเที่ยวอยู่ในประเทศสโลวีเนียนั้น ก็ไม่มีกลิ่นอายของสงครามเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันเป็นประเทศที่ดูสงบ เยือกเย็น สวยงาม และเพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เลยทำให้ยังคงเห็นบรรยากาศวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ศิลปะ และวัฒนธรรม เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำ ดังนั้นการท่องเที่ยวในสโลวีเนียจึงถูกกว่าประเทศร่ำรวยอื่น ๆ ในยุโรปเยอะ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดี ช่วยเหลือดี และหน้าตาดี
และถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปสโลวีเนียอีกครั้ง
[CR] แบกเป้เที่ยว 61 ประเทศ กับครูจิน ตอนที่ 10 สโลวีเนีย (Slovenia)
เป็นประเทศที่เพิ่งเข้าร่วม EU เมื่อปี 2004 เริ่มใช้ยูโรเมื่อปี 2007 มีภาษาของตัวเองเรียกว่า Slovenian มีประชากรในประเทศประมาณ 2 ล้านคน
โดยส่วนตัว ตอนเที่ยวจะค่อนข้างสันโดษ และชอบที่เที่ยว ที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวจนเกินไป หลาย ๆ ที่ ที่ได้ไปมาก่อนหน้านี้เช่น ฟลอเรนซ์ หรือเวนิส เป็นสถานที่ ที่น่าสนใจและสวยก็จริง แต่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะชาวเอเซีย) เลยทำให้ที่สวย ๆ อาจจะไม่ค่อยน่าเที่ยวสักเท่าไหร่ เพราะต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้ คือ มันอึดอัด เพราะคนเยอะ และเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทุกสิ่งทุกอย่างก็แพงไปด้วย
การได้มาถึง Ljubljana ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน ที่อยู่ในประเทศนั้นจริง ๆ มีวิถีชีวิตแบบคนในท้องที่ ไม่ได้มีแต่นักท่องเที่ยว ทำให้รู้สึกดีตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง
Ljubljana เป็นเมืองแบบยุโรปทั่วไป คือมีสิ่งก่อสร้างแบบยุโรป ๆ แต่ว่าเป็นเมืองเล็ก ๆ ซึ่งมีประชากรอยู่แค่ 300,000 คน (เล็กกว่าเชียงใหม่ครึ่งหนึ่ง) ก็เลยดูแล้วเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก พอไปถึงวันแรกก็ชอบเลย
Hostel ที่พักชื่อ Hostel Tresor ราคาพักที่ 14 ยูโร ต่อคืน ก็ถือว่าไม่แพง เพราะว่าอยู่กลางใจเมืองเลย แล้วก็ยังดูใหม่ และสะอาดมาก ในห้องนอนก็มีการแบ่งโซนของแต่ละเตียง โดยใช้ผ้าม่าน ก็รู้สึกส่วนตัวขึ้นมากกว่า hostel ทั่ว ๆ ไป ที่เราสามารถมองเห็นทุกเตียง มีล็อกเกอร์ให้ในห้อง แล้วก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมมีอาหารเช้าฟรีด้วย ตั้งแต่เที่ยวมา 4 ปีนี้ ที่นี่ถือว่าเป็น hostel ที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับราคาและทุกอย่างแล้ว
จาก hostel เดินไปหน่อยก็เป็นกลางใจเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยถนน และสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อของเมือง เป็น main square (Square of the republic) และเป็นที่ตั้งของ Christmas market ซึ่งมีของขาย ร้านค้า ร้านนั่งกินเต็มไปหมด เป็นที่ ที่มีคนพลุกพล่านที่สุดในประเทศ แต่ดูยังไงก็อาจจะมีคนแค่ 20% ของเวนิส เมืองที่เพิ่งจากมา
ห่างจาก main square ไปนิดหนึ่ง ก็เป็นทางเดินขึ้นเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาท Ljubljana castle ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการเดินขึ้นไป Ljubljana castle เป็นปราสาทเก่า ข้างในเป็นหอคอยชมเมือง ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารและร้านกาแฟ การเข้าชมด้านใน มีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แต่ด้านนอกชมฟรี
ภูเขาที่ขึ้นชื่อของสโลวีเนียคือ Julian Alps แต่ว่าด้วยเวลาที่จำกัด และข้อมูลจากพนักงานที่ hostel บอกว่า ช่วงฤดูหนาวการขึ้นสู่ยอด Julian Alps นั้นค่อยข้างลำบาก ก็เลยคิดว่า ไว้ค่อยกลับมาทีหลัง ทั้งนี้พนักงาน hostel แนะนำให้ไป Lake Bled, Kranj, Bohinj แล้วก็ Postojna
แล้วเค้าก็ช่วยวางแผนว่าให้ไปที่ Kranj, Lake Bled จากนั้น Bohinj แล้วค่อยไป Postojna อีกวันหนึ่ง
สโลวีเนียเป็นประเทศเล็ก ๆ ดังนั้นการเดินทางที่นี่ เน้นการใช้รถบัส การเดินทางจาก Ljubljana ไป Kranj ตั๋ว 3.6 ยูโร จาก Kranj ไป Bled อีก 3.6 ยูโร และจาก Bled ไป Bohinj อีก 3.6 ยูโร ตอนขากลับ นั่งยาวจาก Bohinj กลับLjubljana 8.3 ยูโร
Kranj เป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก แต่ว่าไม่ได้ศึกษาก่อนไป ว่าต้องไปดูอะไร และมันเป็นวันที่อากาศ -3 และมีหมอกหนามาก เลยไม่ค่อยเห็นอะไร แต่พอมา Google ทีหลัง ก็ได้ภาพมาแบบนี้ ประมาณว่า มันสวยอ่ะ แต่ตอนไป มองไม่เห็นอะไรเลย T-T
แต่ Bled นั่นสวยยิ่งกว่า มันมีทะเลสาบที่มีชื่อเสียง ก็คือ lake bled นั่นเอง กลางทะเลสาบ มีเกาะเล็ก ๆ และมีโบสถ์อยู่บนเกาะนั้น
ภาพที่ Google มาได้ Bled หน้าหนาวจะเป็นแบบนี้แต่ว่าวันที่ไป ไม่ได้เห็นแบบนั้น เนื่องจากหมอกลงเยอะมาก และไม่มีหิมะตก แต่ก็สวยไปอีกแบบ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของ Bled ก็คือ Bled castle ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ กับทะเลสาบ และสิ่งที่มีชื่ออีกอย่างของที่นี่ก็คือเค้กที่เรียกว่า kremšnita เค้าบอกว่าถ้าไป Bled แต่ไม่ชิมเค้ก ถือว่าไปไม่ถึง ก็เลยชิมไป 1 ชิ้นใหญ่ ราคา 6 ยูโร
สโลวีเนียตามประวัติศาสตร์นั้น เป็นประเทศที่ไม่ค่อยจะมีความสงบ และผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับอิสรภาพมาเป็นเวลา 23 ปี การท่องเที่ยวอยู่ในประเทศสโลวีเนียนั้น ก็ไม่มีกลิ่นอายของสงครามเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันเป็นประเทศที่ดูสงบ เยือกเย็น สวยงาม และเพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เลยทำให้ยังคงเห็นบรรยากาศวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ศิลปะ และวัฒนธรรม เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำ ดังนั้นการท่องเที่ยวในสโลวีเนียจึงถูกกว่าประเทศร่ำรวยอื่น ๆ ในยุโรปเยอะ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดี ช่วยเหลือดี และหน้าตาดี