สวัสดีครับ เพื่อนๆ อยากให้เพื่อนๆ ช่วยอ่านแล้ว คิดเห็นอย่างไรคุยกันนะครับ (ยาวหน่อยนะครับ แต่อยากให้อ่าน)
ผมอยู่กับแฟนมี 4ปีแล้วครับ (เป็นเกย์นะ) เราอยู่บ้านเดียวกัน ทำงานด้วยกัน (บริษัทของแฟนเอง) ชีวิตคู่ก็มีความสุขดีครับ เพราะเค้าเป็นคนที่เอาใจใส่ผมดี เราต่างคนต่างปรับนิสัยเพื่อที่จะให้สามารถอยู่กันให้ได้ ช่วงแรกๆต้องปรับตัวมากจนแทบจะเลิกกัน ซึ่งปัญหาเกิดจากทั้งเค้าและผม ช่วงที่เราทั้งสองคนตกลงที่จะมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ด้วยความที่ผมอยากรู้อุปนิสัยเค้าว่าเป็นอย่างไร ผมเองก็ถือวิสาสะ เอามือถือเค้ามาเชคครับว่าเค้าคุยกับใครบ้าง เหตุผลเพราะกลัวครับ กลัวว่าเราจะไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวของเค้าและก่อนที่เราจะมาอยู่ด้วยกันก็ยังไม่ได้ศึกษากันมากนัก ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเอาโทรศัพท์เค้ามาเปิดดู ก็คิดอยู่นานเหมือนกัน เพราะผมเห็นด้วยกับความคิดที่ว่า "การเชคโทรศัพท์มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว" แต่ด้วยความที่ตัวผมต้องทิ้งอะไรหลายอย่างเพื่อมาอยู่เค้ามันทำให้ผมอยากรู้ว่ามันคุ้มหรือไม่ที่จะอยู่ต่อ... จึงตัดสินใจเปิดดู และก็เป็นอย่างที่คาดครับ ในมือถือของเค้า เค้าคุยกับคนอื่นอยู่หลายคนเหมือนกัน อย่างน้อย 3 คน เท่าที่ยังจำได้ ทันทีที่เห็นก็ทำใจไม่ได้เลยครับ อยากจะเลิกเลย เพราะข้อความที่แสดงอยู่ใน โทรศัพท์เค้าก็ประมาณว่า นัดเจอเพื่อ ไปมีอะไรกัน ซึ่งเป็นในลักษณะที่ไม่จริงจังครับ...คือเสร็จก็จบ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก แต่ก็พยายามอดทนและเก็บเรื่องที่เราเปิดโทรศัพท์เค้าดู อยู่กับตัวเอง เพราะตอนที่มาอยู่กับเค้าใหม่ๆยังไม่ได้ทำงานด้วยกันที่บริษัทของแฟนครับ แต่ทำงานแบบช่วงคราวที่บริษัทอื่นๆ จึงคิดว่าถ้าผมหมดสัญญากับที่ทำงานในตอนนั้นคงจะกลับย้ายกลับไปหางานทำที่กรุงเทพเหมือนเดิม ในระหว่างที่ผมยังอยู่กับเค้าช่วงนั้น ผมก็ยังเชคดูโทรศัพท์เค้าอยู่เรื่อยๆครับ อย่างที่บอกว่าแทบจะทุกวันก็เป็นได้ เพราะผมเองก็ไม่อยากรีบตัดสินใจที่จะตัดขาดเค้าในขณะนั้น จึงเก็บเรื่องราวต่างๆไว้ จนวันหนึ่งที่เริ่มไม่ไหว ผมก็เลือกที่จะพูดไปกับเค้าตรงๆว่าผมแอบดูโทรศัพท์เค้า เค้าก็เงียบครับ แล้วก็โกรธผมมาก และเมื่อผมถามถึงคนอื่นๆที่เค้าคุยด้วย เค้าก็ไม่ยอมรับครับ เค้าบอกว่าแค่คุยกันเฉยๆ ไม่ได้ไปมีอะไรกันจริงๆ ซึ่งคำตอบของเค้ามันค้านกับสิ่งที่ผมได้อ่านมามากมาย แต่ด้วยความที่ตอนนั้น เพราะหูหนวกตาบอดรึว่าอะไรก็ตาม ผมก็ยอมให้อภัยเค้าครับ เพราะคิดว่าเค้าจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมเองก็รับรู้อยู๋ตลอดว่าเค้าเองก็ยังไปมีอะไรกับคนอื่นๆเหมือนเดิม ซึ่งผมเองก็ยังคงตามเชคอยู่หล่ะครับ บางครั้งที่ทนไม่ได้ผมก็จะเอามาถามเค้าเหมือนเดิม แต่เค้าก็ไม่เคยยอมรับกับผมต่อหน้าเลย เหมือนยืนกระต่ายขาเดียว ยังไงก็ไม่รับ จนหลังๆเหมือนกับชิน จนผมเลิกที่จะตามเชคโทรศัพท์แฟนไปโดยปริยาย ผมพยายามมองโลกให้กว้างขึ้น พยายามมองว่ามันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่ เกย์ทั่วๆไปมั่กจะมองว่า Sex กับ ความรักมันเป็นคนละเรื่องกัน และถ้าพูดถึงเรื่อง Sex ระหว่างผมกับเค้าแทบจะไม่ค่อยได้มีอะไรกันเลยครับ ตกเดือนละ 2 ครั้งได้มั่ง และถ้าจะมีก็แค่ ผมช่วยเค้าภายนอก และเค้าก็นอนเฉยๆ พอเค้าเสร็จ เค้าก็ช่วยผมต่อ เป็นแบบนี้มา 2 ปีกว่าละครับ ในขณะที่เค้าเองดันไปมีอะไรกับคนอื่นแต่กับผมเค้าไม่อยากจะมีด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจนทุกวันนี้ ผมได้แต่ช่วยตัวเองอะครับ และก็ไม่เคยคิดที่จะไปมีอะไรกับใครเพราะกลัวครับ กลัวมันจะกลายเป็นว่า คุณทำได้ผมก็ทำได้ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น จนทุกวันนี้ 4 ปีกว่าจะเข้าปีที่ 5 แล้วครับ ถามว่า อะไรที่ทำให้ผมหูหนวกตาบอด ทนอยู่แบบนี้ แน่นอนครับ เค้าอาจจะเสียเรื่องเจ้าชู้ แต่เค้าก็เป็นคู่ครองที่ดีในหลายๆเรื่องครับ เรื่องแรกเลยผมเป็นผู้ชายคนแรกเลยมั่งครับที่เค้าพาเข้าบ้านของเค้า เราอยู่กันแค่ 2 คนครับ ก่อนหน้านี้เค้าซื้อบ้านอยู่คนเดียวครับ ไม่เคยเอาใครเข้ามาในชีวิตของเค้า พออยู่บ้านแล้วเบื่อเพราะรุ้สึกว่าบ้านหลังใหญ่เกินไปสำหรับเค้าคนเดียว เพราะญาติพี่น้องอยู่ต่างจังหวัดหมด เค้าก็ออกไปอยู่คอนโดและปล่อยให้ฝรั่งเช่าบ้านแทน จนมามีผม เค้าถึงเลิกให้ฝรั่งเช่าและมาอยู่บ้านเหมือนเดิม และเค้าก็ดูแลผมค่อนข้างดีทีเดียว สำคัญสุดคือให้เกียรติผม ในสังคมเพื่อนฝูงของเค้า เพื่อนของเค้ารับรู้ว่าผมอยู่กับเค้าในฐานะอะไร และเค้าก็เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายดี ตั้งแต่ตอนแรกดีกับผมยังไงก็ดีอย่างนั้น เหมือนเรื่องเจ้าชู้อะครับตอนแรกเจ้าชู้ยังไงก็เจ้าชู้อย่างนั้น....555 นี้เป็นแค่บางส่วนในอีกหลายๆเรื่องที่เป็นสิ่งที่ดีของเค้าครับ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมยังทนอยู่ได้คือ ความผูกพันธ์ครับ อยู่กันมานานผ่านอะไรมาก็เยอะ ก็เหมือนร่วมทุขก์ร่วมสุขเหมือนสามีภรรยาทั่วไปหล่ะครับ อ่านๆมาหลายคนก็คงคิดว่ามันก็ดีแล้วหนิ ถ้าทำใจได้และเค้าก็ดีกับเราแล้วมันจะมีปัญหาอะไรอีกหล่ะ.... มันก็เพราะแม้ผมจะทำใจได้ แม้เค้าจะดีกับผมมาก แต่เรื่องพวกนี้มันก็ไม่เคยออกไปจากหัวผมไงครับ มันเหมือนแค่เรากดมันเอาไว้ในที่ๆลึกที่สุดในใจของเรา เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเห็นไม่ต้องรับรู้ แต่เมื่อไรที่มันมีอะไรมาสะกิดมันก็มักจะพรั่งพรูออกมาทำให้ผมเหมือนจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งจะเป็นช่วงๆ ผมเองไม่ได้มีเพื่อนที่สามารถจะคุยเรื่องแบบนี้ได้มากมาย กับเพื่อนสนิทๆผมก็ไม่เคยที่จะพูดหรือเล่าเรื่องราวแบบนี้เพราะไม่อยากให้เพื่อนๆหรือใครก็แล้วแต่มองแแฟนผมไม่ดี ผมอยากให้คนอื่นๆในสังคมที่รับรู้เรื่องราวระหว่างผมกับเค้าแต่เรื่องราวที่ดีมากกว่า มีเพียงแต่ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ผมนับถือเค้าเหมือนญาติ คนเดียวเท่านั้นที่ผมสามารถที่จะเปิดใจเล่าเรื่องนี้ได้ ซึ่งเค้าก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีมากๆ สำหรับผมเค้าเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่แบบนี้ อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่ก็อย่างที่บอก ทุกวันนี้ในความสุขลึกๆแล้วผมก็เศร้า มันเหมือนผมเองระแวงตลอดเวลาว่า เค้าเองจะไปมีอะไรกับใครรึป่าว แอบซ้อนใครไว้โดยที่เราไม่รู้ไหม รู้สึกอย่างนั้นมาตลอด 4 ปี... มันเหมือนเป็นปมที่ไม่รุ้จะคลายมันยังไง นอกจากผมจะเลิกกับเค้า แต่ความผูกพันธ์ มันก็มากกว่าที่ผมจะตัดสินใจไปแบบนั้น...... ทุกวันนี้ ผมไม่รู้ว่า เค้ายังรักผมเหมือนกับวันแรกๆรึป่าว ส่วนตัวเค้าไม่เคยบอกรักผมเลย ผมถามเค้าก็ไม่ยอมพูด แต่เค้ามักจะบอกว่า สิ่งที่เค้าทำมันยังไม่พอที่จะรับรู้ได้อีกเหรอ จนหลังๆผมไม่เคยถามอีกเลยครับ และบอกกับตัวเองว่าเราจะมองที่การกระทำของเค้าและพยายาามที่จะเชื่อใจเค้า แต่มันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะทุกวันนี้ผมไม่สามารถเชื่อใจเค้าได้เลย อย่างล่าสุด ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจไปเชคโทรศัพท์เค้านะครับเพราะเลิกดูไปเป็นปีแล้ว พอดีเค้าว่างโทรศัพท์ไว้ และมีเสียงข้อความเข้า ผมก็เห็นข้อความที่ดูแปลกๆ อยู่หลายครั้ง จนผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ปรกติ เลยลองเปิดดูอีกครั้ง กลายเป็นว่าเค้ากำลังคุยกับเด็กคนหนึ่งซึ่งถึงกับมีอะไรด้วยกันแล้ว ที่สำคัญเด็กคนนั้นก็รู้ว่าแฟนผมมีแฟนแล้ว รู้จักชื่อผม เพราะเค้าคุยถึงผมใน line ระหว่างเค้ากับเด็กคนนั้น ผมเหมือนโดนตีแสกหน้า เหมือนโดนหลอก โง่มากที่เค้าทำอะไรกันโดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย ผมเสียใจมากจึงเอาเรื่องนี้ไปถามแฟนผมว่าเด็กคนนั้นคือใคร แต่ก็เหมือนเดิมครับ เค้าบอกไม่มีอะไรคุยกัยเล่นๆเฉยๆ ผมแทบจะบ้า ภาวะซึมเศร้ากลับมาอีกครั้ง และก็ต้องพยายามพยุงตัวเองเพื่อให้อยู่ให้ได้ ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ไม่รุ้ว่าเค้ายังคุยกันอยู๋รึป่าว เพราะแฟนผมเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่แบบใช่นิ้วสแกน ผมมีคำถามในหัวมากมาย สำหรับชีวิตคู่ของผม 1.เค้ายังรักเราอยู่รึป่าว รึแค่ชินกับการมีเราอยู่ในบ้าน 2. เพราะอะไรที่เค้าจะต้องไปหาเรื่อง sex ข้างนอกบ้าน และ 3. สำคัญสุดคือผมจะทำอย่างไรกับความรักของผมดีครับ จบหรือทนต่อ เพื่อนๆคิดว่ายังไงครับ
ช่วยหาทางออกให้ตัวผมทีครับ (ความรักแบบ เกย์)
ผมอยู่กับแฟนมี 4ปีแล้วครับ (เป็นเกย์นะ) เราอยู่บ้านเดียวกัน ทำงานด้วยกัน (บริษัทของแฟนเอง) ชีวิตคู่ก็มีความสุขดีครับ เพราะเค้าเป็นคนที่เอาใจใส่ผมดี เราต่างคนต่างปรับนิสัยเพื่อที่จะให้สามารถอยู่กันให้ได้ ช่วงแรกๆต้องปรับตัวมากจนแทบจะเลิกกัน ซึ่งปัญหาเกิดจากทั้งเค้าและผม ช่วงที่เราทั้งสองคนตกลงที่จะมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ด้วยความที่ผมอยากรู้อุปนิสัยเค้าว่าเป็นอย่างไร ผมเองก็ถือวิสาสะ เอามือถือเค้ามาเชคครับว่าเค้าคุยกับใครบ้าง เหตุผลเพราะกลัวครับ กลัวว่าเราจะไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวของเค้าและก่อนที่เราจะมาอยู่ด้วยกันก็ยังไม่ได้ศึกษากันมากนัก ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเอาโทรศัพท์เค้ามาเปิดดู ก็คิดอยู่นานเหมือนกัน เพราะผมเห็นด้วยกับความคิดที่ว่า "การเชคโทรศัพท์มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว" แต่ด้วยความที่ตัวผมต้องทิ้งอะไรหลายอย่างเพื่อมาอยู่เค้ามันทำให้ผมอยากรู้ว่ามันคุ้มหรือไม่ที่จะอยู่ต่อ... จึงตัดสินใจเปิดดู และก็เป็นอย่างที่คาดครับ ในมือถือของเค้า เค้าคุยกับคนอื่นอยู่หลายคนเหมือนกัน อย่างน้อย 3 คน เท่าที่ยังจำได้ ทันทีที่เห็นก็ทำใจไม่ได้เลยครับ อยากจะเลิกเลย เพราะข้อความที่แสดงอยู่ใน โทรศัพท์เค้าก็ประมาณว่า นัดเจอเพื่อ ไปมีอะไรกัน ซึ่งเป็นในลักษณะที่ไม่จริงจังครับ...คือเสร็จก็จบ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก แต่ก็พยายามอดทนและเก็บเรื่องที่เราเปิดโทรศัพท์เค้าดู อยู่กับตัวเอง เพราะตอนที่มาอยู่กับเค้าใหม่ๆยังไม่ได้ทำงานด้วยกันที่บริษัทของแฟนครับ แต่ทำงานแบบช่วงคราวที่บริษัทอื่นๆ จึงคิดว่าถ้าผมหมดสัญญากับที่ทำงานในตอนนั้นคงจะกลับย้ายกลับไปหางานทำที่กรุงเทพเหมือนเดิม ในระหว่างที่ผมยังอยู่กับเค้าช่วงนั้น ผมก็ยังเชคดูโทรศัพท์เค้าอยู่เรื่อยๆครับ อย่างที่บอกว่าแทบจะทุกวันก็เป็นได้ เพราะผมเองก็ไม่อยากรีบตัดสินใจที่จะตัดขาดเค้าในขณะนั้น จึงเก็บเรื่องราวต่างๆไว้ จนวันหนึ่งที่เริ่มไม่ไหว ผมก็เลือกที่จะพูดไปกับเค้าตรงๆว่าผมแอบดูโทรศัพท์เค้า เค้าก็เงียบครับ แล้วก็โกรธผมมาก และเมื่อผมถามถึงคนอื่นๆที่เค้าคุยด้วย เค้าก็ไม่ยอมรับครับ เค้าบอกว่าแค่คุยกันเฉยๆ ไม่ได้ไปมีอะไรกันจริงๆ ซึ่งคำตอบของเค้ามันค้านกับสิ่งที่ผมได้อ่านมามากมาย แต่ด้วยความที่ตอนนั้น เพราะหูหนวกตาบอดรึว่าอะไรก็ตาม ผมก็ยอมให้อภัยเค้าครับ เพราะคิดว่าเค้าจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมเองก็รับรู้อยู๋ตลอดว่าเค้าเองก็ยังไปมีอะไรกับคนอื่นๆเหมือนเดิม ซึ่งผมเองก็ยังคงตามเชคอยู่หล่ะครับ บางครั้งที่ทนไม่ได้ผมก็จะเอามาถามเค้าเหมือนเดิม แต่เค้าก็ไม่เคยยอมรับกับผมต่อหน้าเลย เหมือนยืนกระต่ายขาเดียว ยังไงก็ไม่รับ จนหลังๆเหมือนกับชิน จนผมเลิกที่จะตามเชคโทรศัพท์แฟนไปโดยปริยาย ผมพยายามมองโลกให้กว้างขึ้น พยายามมองว่ามันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่ เกย์ทั่วๆไปมั่กจะมองว่า Sex กับ ความรักมันเป็นคนละเรื่องกัน และถ้าพูดถึงเรื่อง Sex ระหว่างผมกับเค้าแทบจะไม่ค่อยได้มีอะไรกันเลยครับ ตกเดือนละ 2 ครั้งได้มั่ง และถ้าจะมีก็แค่ ผมช่วยเค้าภายนอก และเค้าก็นอนเฉยๆ พอเค้าเสร็จ เค้าก็ช่วยผมต่อ เป็นแบบนี้มา 2 ปีกว่าละครับ ในขณะที่เค้าเองดันไปมีอะไรกับคนอื่นแต่กับผมเค้าไม่อยากจะมีด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจนทุกวันนี้ ผมได้แต่ช่วยตัวเองอะครับ และก็ไม่เคยคิดที่จะไปมีอะไรกับใครเพราะกลัวครับ กลัวมันจะกลายเป็นว่า คุณทำได้ผมก็ทำได้ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น จนทุกวันนี้ 4 ปีกว่าจะเข้าปีที่ 5 แล้วครับ ถามว่า อะไรที่ทำให้ผมหูหนวกตาบอด ทนอยู่แบบนี้ แน่นอนครับ เค้าอาจจะเสียเรื่องเจ้าชู้ แต่เค้าก็เป็นคู่ครองที่ดีในหลายๆเรื่องครับ เรื่องแรกเลยผมเป็นผู้ชายคนแรกเลยมั่งครับที่เค้าพาเข้าบ้านของเค้า เราอยู่กันแค่ 2 คนครับ ก่อนหน้านี้เค้าซื้อบ้านอยู่คนเดียวครับ ไม่เคยเอาใครเข้ามาในชีวิตของเค้า พออยู่บ้านแล้วเบื่อเพราะรุ้สึกว่าบ้านหลังใหญ่เกินไปสำหรับเค้าคนเดียว เพราะญาติพี่น้องอยู่ต่างจังหวัดหมด เค้าก็ออกไปอยู่คอนโดและปล่อยให้ฝรั่งเช่าบ้านแทน จนมามีผม เค้าถึงเลิกให้ฝรั่งเช่าและมาอยู่บ้านเหมือนเดิม และเค้าก็ดูแลผมค่อนข้างดีทีเดียว สำคัญสุดคือให้เกียรติผม ในสังคมเพื่อนฝูงของเค้า เพื่อนของเค้ารับรู้ว่าผมอยู่กับเค้าในฐานะอะไร และเค้าก็เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายดี ตั้งแต่ตอนแรกดีกับผมยังไงก็ดีอย่างนั้น เหมือนเรื่องเจ้าชู้อะครับตอนแรกเจ้าชู้ยังไงก็เจ้าชู้อย่างนั้น....555 นี้เป็นแค่บางส่วนในอีกหลายๆเรื่องที่เป็นสิ่งที่ดีของเค้าครับ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมยังทนอยู่ได้คือ ความผูกพันธ์ครับ อยู่กันมานานผ่านอะไรมาก็เยอะ ก็เหมือนร่วมทุขก์ร่วมสุขเหมือนสามีภรรยาทั่วไปหล่ะครับ อ่านๆมาหลายคนก็คงคิดว่ามันก็ดีแล้วหนิ ถ้าทำใจได้และเค้าก็ดีกับเราแล้วมันจะมีปัญหาอะไรอีกหล่ะ.... มันก็เพราะแม้ผมจะทำใจได้ แม้เค้าจะดีกับผมมาก แต่เรื่องพวกนี้มันก็ไม่เคยออกไปจากหัวผมไงครับ มันเหมือนแค่เรากดมันเอาไว้ในที่ๆลึกที่สุดในใจของเรา เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเห็นไม่ต้องรับรู้ แต่เมื่อไรที่มันมีอะไรมาสะกิดมันก็มักจะพรั่งพรูออกมาทำให้ผมเหมือนจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งจะเป็นช่วงๆ ผมเองไม่ได้มีเพื่อนที่สามารถจะคุยเรื่องแบบนี้ได้มากมาย กับเพื่อนสนิทๆผมก็ไม่เคยที่จะพูดหรือเล่าเรื่องราวแบบนี้เพราะไม่อยากให้เพื่อนๆหรือใครก็แล้วแต่มองแแฟนผมไม่ดี ผมอยากให้คนอื่นๆในสังคมที่รับรู้เรื่องราวระหว่างผมกับเค้าแต่เรื่องราวที่ดีมากกว่า มีเพียงแต่ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ผมนับถือเค้าเหมือนญาติ คนเดียวเท่านั้นที่ผมสามารถที่จะเปิดใจเล่าเรื่องนี้ได้ ซึ่งเค้าก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีมากๆ สำหรับผมเค้าเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่แบบนี้ อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่ก็อย่างที่บอก ทุกวันนี้ในความสุขลึกๆแล้วผมก็เศร้า มันเหมือนผมเองระแวงตลอดเวลาว่า เค้าเองจะไปมีอะไรกับใครรึป่าว แอบซ้อนใครไว้โดยที่เราไม่รู้ไหม รู้สึกอย่างนั้นมาตลอด 4 ปี... มันเหมือนเป็นปมที่ไม่รุ้จะคลายมันยังไง นอกจากผมจะเลิกกับเค้า แต่ความผูกพันธ์ มันก็มากกว่าที่ผมจะตัดสินใจไปแบบนั้น...... ทุกวันนี้ ผมไม่รู้ว่า เค้ายังรักผมเหมือนกับวันแรกๆรึป่าว ส่วนตัวเค้าไม่เคยบอกรักผมเลย ผมถามเค้าก็ไม่ยอมพูด แต่เค้ามักจะบอกว่า สิ่งที่เค้าทำมันยังไม่พอที่จะรับรู้ได้อีกเหรอ จนหลังๆผมไม่เคยถามอีกเลยครับ และบอกกับตัวเองว่าเราจะมองที่การกระทำของเค้าและพยายาามที่จะเชื่อใจเค้า แต่มันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะทุกวันนี้ผมไม่สามารถเชื่อใจเค้าได้เลย อย่างล่าสุด ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจไปเชคโทรศัพท์เค้านะครับเพราะเลิกดูไปเป็นปีแล้ว พอดีเค้าว่างโทรศัพท์ไว้ และมีเสียงข้อความเข้า ผมก็เห็นข้อความที่ดูแปลกๆ อยู่หลายครั้ง จนผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ปรกติ เลยลองเปิดดูอีกครั้ง กลายเป็นว่าเค้ากำลังคุยกับเด็กคนหนึ่งซึ่งถึงกับมีอะไรด้วยกันแล้ว ที่สำคัญเด็กคนนั้นก็รู้ว่าแฟนผมมีแฟนแล้ว รู้จักชื่อผม เพราะเค้าคุยถึงผมใน line ระหว่างเค้ากับเด็กคนนั้น ผมเหมือนโดนตีแสกหน้า เหมือนโดนหลอก โง่มากที่เค้าทำอะไรกันโดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย ผมเสียใจมากจึงเอาเรื่องนี้ไปถามแฟนผมว่าเด็กคนนั้นคือใคร แต่ก็เหมือนเดิมครับ เค้าบอกไม่มีอะไรคุยกัยเล่นๆเฉยๆ ผมแทบจะบ้า ภาวะซึมเศร้ากลับมาอีกครั้ง และก็ต้องพยายามพยุงตัวเองเพื่อให้อยู่ให้ได้ ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ไม่รุ้ว่าเค้ายังคุยกันอยู๋รึป่าว เพราะแฟนผมเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่แบบใช่นิ้วสแกน ผมมีคำถามในหัวมากมาย สำหรับชีวิตคู่ของผม 1.เค้ายังรักเราอยู่รึป่าว รึแค่ชินกับการมีเราอยู่ในบ้าน 2. เพราะอะไรที่เค้าจะต้องไปหาเรื่อง sex ข้างนอกบ้าน และ 3. สำคัญสุดคือผมจะทำอย่างไรกับความรักของผมดีครับ จบหรือทนต่อ เพื่อนๆคิดว่ายังไงครับ