นี่เป็นครั้งที่สองแล้วค่ะที่ฉันต้องเสียใจ
ต้นปี'56 เราเลิกกันอย่างที่ก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้กลับมาคุยกันได้อีกแล้ว เขามีผู้หญิงคนอื่น เขากับผู้คนนั้นเจอกันเพราะเขาไปเรียนต่อที่จีนทั้งๆที่ตอนนั้นเขาทั้งคู่ก็ต่างมีแฟนอยู่แล้ว
พอเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของแฟนตัวเอง ก็เริ่มหาความจริงค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะอยู่กันคนหละประเทศ ดิฉันสืบจากเพื่อนๆคนไทยที่เรียนอยู่ด้วยการว่งเมสเซสในเฟชบุ๊ค คำตอบที่ได้คือทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขา กับผู้หญิงคนนั้นคบกันอยู่ที่นั้นอยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมีย และเพิ่งเห็นเขาทั้งคู่เดินผ่านเข้าห้องไปเมื่อสักครู่นี้
ตอนนั้น.. ความรู้สึกมันเหมือนแบบ ทุกอย่างพังทลาย มันชาไปหมดทุกคำพูดที่เขาเคยพูดเคยสัญญามันยังก้องอยู่ในหัว พยายามกดโทรศัพท์โทรไปหาเค้าเท่าไร แต่ก็ไม่มีใครรับสาย วันต่อมาเมื่อได้คุยกันเขาก็ปฏิเสธดิฉันทุกอย่าง หาว่าดิฉันหูเบา และบอกว่าผู้คนนั้นเปนแค่น้องที่รู้จักกัน คนอื่นเลยมักจะเข้าใจผิด ฉันได้พูดคุยกับน้องผู้หญิงคนนั้นเค้าก็ช่วยกันปฎิเสธมาตลอด เหตุการณ์เปนแบบนี้มาเรื่อยๆค่ะ ที่จริงตอนนั้นฉันเหมือนหลอกตัวเอง ทุกๆคนรอบข้างบอกแต่ฉันเลือกที่จะฟังเขา เพราะดิฉันไม่อยากเสียเขาไป แต่มันก็ทำให้ฉันระแวงค่ะ ทำให้เราก็ทะเลาะกันมาตลอดเพราะความอยากให้เขายอมรับความจริงด้วยตัวเอง
------ ดิฉันได้ไปหาเขาที่จีนสองรอบค่ะ รอบแรกไม่มีอะไรเพราะเราตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ผญคนนั้นก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรเพราะแฟนดิฉันคงขอไว้ให้หลบไปก่อน
เรากลับไทยมาด้วยกัน เพราะเปนช่วงปิดเทอมเล็กของเขาค่ะ พอกลับมาเค้าก็เข้าทางเค้าเลยค่ะ เค้าเริ่มหายไป ไม่ค่อยมาหาไม่รับสาย จนดิฉันตัดสินในที่จะตามไปหาเขาที่จีน ซึ่งคราวนี้ไม่ได้บอกเขาไว้ก่อน
เจอแบบนี้แก้แค้นหรือควรหยุดคะ
ต้นปี'56 เราเลิกกันอย่างที่ก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้กลับมาคุยกันได้อีกแล้ว เขามีผู้หญิงคนอื่น เขากับผู้คนนั้นเจอกันเพราะเขาไปเรียนต่อที่จีนทั้งๆที่ตอนนั้นเขาทั้งคู่ก็ต่างมีแฟนอยู่แล้ว
พอเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของแฟนตัวเอง ก็เริ่มหาความจริงค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะอยู่กันคนหละประเทศ ดิฉันสืบจากเพื่อนๆคนไทยที่เรียนอยู่ด้วยการว่งเมสเซสในเฟชบุ๊ค คำตอบที่ได้คือทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขา กับผู้หญิงคนนั้นคบกันอยู่ที่นั้นอยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมีย และเพิ่งเห็นเขาทั้งคู่เดินผ่านเข้าห้องไปเมื่อสักครู่นี้
ตอนนั้น.. ความรู้สึกมันเหมือนแบบ ทุกอย่างพังทลาย มันชาไปหมดทุกคำพูดที่เขาเคยพูดเคยสัญญามันยังก้องอยู่ในหัว พยายามกดโทรศัพท์โทรไปหาเค้าเท่าไร แต่ก็ไม่มีใครรับสาย วันต่อมาเมื่อได้คุยกันเขาก็ปฏิเสธดิฉันทุกอย่าง หาว่าดิฉันหูเบา และบอกว่าผู้คนนั้นเปนแค่น้องที่รู้จักกัน คนอื่นเลยมักจะเข้าใจผิด ฉันได้พูดคุยกับน้องผู้หญิงคนนั้นเค้าก็ช่วยกันปฎิเสธมาตลอด เหตุการณ์เปนแบบนี้มาเรื่อยๆค่ะ ที่จริงตอนนั้นฉันเหมือนหลอกตัวเอง ทุกๆคนรอบข้างบอกแต่ฉันเลือกที่จะฟังเขา เพราะดิฉันไม่อยากเสียเขาไป แต่มันก็ทำให้ฉันระแวงค่ะ ทำให้เราก็ทะเลาะกันมาตลอดเพราะความอยากให้เขายอมรับความจริงด้วยตัวเอง
------ ดิฉันได้ไปหาเขาที่จีนสองรอบค่ะ รอบแรกไม่มีอะไรเพราะเราตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ผญคนนั้นก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรเพราะแฟนดิฉันคงขอไว้ให้หลบไปก่อน
เรากลับไทยมาด้วยกัน เพราะเปนช่วงปิดเทอมเล็กของเขาค่ะ พอกลับมาเค้าก็เข้าทางเค้าเลยค่ะ เค้าเริ่มหายไป ไม่ค่อยมาหาไม่รับสาย จนดิฉันตัดสินในที่จะตามไปหาเขาที่จีน ซึ่งคราวนี้ไม่ได้บอกเขาไว้ก่อน