สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เข้ามาเสริมให้ครับ.......อธิบายแบบกว้างๆก็คือ ผู้ผลิตเขาตั้งพิกัดความจุกระบอกสูบเอาไว้สำหรับการจดทะเบียนสำหรับรถใช้งานทั่วไป...เช่นรถขนาด250ซี.ซี.นั่น.....เขาก็ผลิตรุ่นสแตนดาร์ดออกมาที่245ซี.ซี.....พอเครื่องยนต์หลวม....เราก็จะคว้านไซส์1.....เครื่องยนต์ก็เพิ่มความจุเป็น247ซี.ซี.(นี่คือการยกตัวอย่างนะครับ)......คว้านไซส์2.....มันก็เพิ่มขึ้นมาเป็น249ซี.ซี......พอถึงจุดนี้.......รถก็หมดอายุงาน(ไม่เกินไปกว่า250ซี.ซี. ตามที่แจ้งเอาไว้กับการจดทะเบียน)
ส่วนรถสปอร์ตความเร็วสูงนั้น เขาจะผลิตออกมาให้เต็มพิกัดไปเลยเช่นดูคาติ 899......แต่ก็แจ้งไว้เป็นรุ่น900....จะเห็นว่ามันขาดพิกัดไปแค่1ซี.ซี.เองแหละ......หากลูกสูบหลวม-ก็จบอายุแต่เพียงเท่านั้น(เพราะมันเป็นรถเลียนแบบรถแข่ง-เพื่อเอามาสนองความต้องการของผู้นิยมความเร็วไงครับ)...ยังมีอีกกรณีหนึ่ง.........คือ หากบริษัทผู้ผลิตเขาปราณีต่อผู้ใช้.....เขาก็จะสร้างลูกสูบโอเวอร์ไซส์1ขุ้นมา(คือไม่ต้องคว้านเสื้อสูบ)....แต่ให้เปลี่ยนลูกสูบแบบไซส์1 เพิ่มขึ้นมา.(ลูกสูบใหญ่ขึ้นมาอีกประมาณ100ไมครอน-อ้วนขึ้นพอให้ลูกสูบฟิตกระบอกสูบอีกนิดหน่อย)
เมื่อเปลี่ยนลูกสูบใหม่ลงไป2ลูกแล้ว......เครื่องยนต์ก็จะขยับความจุฯขึ้นมาเป็น 899.5ซี.ซี....ยังไม่เกิน900 ซี.ซี.ไงครับ....พอเข้าใจไหม.....(ยังมีรถบางรุ่นที่มีความจุกระบอกสูบเกินพิกัดไปบ้าง-ตรงนี้เป็นการนำชิ้นส่วนของรถรุ่นอื่นๆมาใช้(เพื่อประหยัดต้นทุนและทำให้ขายรถในราคาต่ำได้)...ซึ่งมันมีข้อตกลงระหว่างประเทศให้นำชิ้นส่วนของรถในพิกัดอิ่นๆมาใส่แทนกันได้-หากรถนั้นๆอยู่ในกลุ่มประเทศเดียวกัน....อันจะเป็นผลสำหรับการนำรถมาแข่งขันในพิกัดเดียวกันในกลุ่มประเทศที่กล่าวได้.......(ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกนิดหน่อย เช่นสามารถใช้เพลาราวลิ้นของรถในประเทศนี้ไปใช้ในรถของประเทศนู้นได้......เมื่อรวมเบ็ดเสร็จแล้วรถในกลุ่ม 250ซี.ซี.ก็จะมีแรงม้าใกล้เคียงกันครับ)
ตรงนี้ช่วยเข้ามาขยายข้อมูลให้พอเป็นแนวทางกันเฉยๆในฐานะที่ผมเป็นกรรมการตรวจสภาพรถแข่งอยู่ที่สนามแข่งพีระเกือบ20ปี...เลยรู้ขั้นตอนของเขา
เข้ามาเสริมให้ครับ.......อธิบายแบบกว้างๆก็คือ ผู้ผลิตเขาตั้งพิกัดความจุกระบอกสูบเอาไว้สำหรับการจดทะเบียนสำหรับรถใช้งานทั่วไป...เช่นรถขนาด250ซี.ซี.นั่น.....เขาก็ผลิตรุ่นสแตนดาร์ดออกมาที่245ซี.ซี.....พอเครื่องยนต์หลวม....เราก็จะคว้านไซส์1.....เครื่องยนต์ก็เพิ่มความจุเป็น247ซี.ซี.(นี่คือการยกตัวอย่างนะครับ)......คว้านไซส์2.....มันก็เพิ่มขึ้นมาเป็น249ซี.ซี......พอถึงจุดนี้.......รถก็หมดอายุงาน(ไม่เกินไปกว่า250ซี.ซี. ตามที่แจ้งเอาไว้กับการจดทะเบียน)
ส่วนรถสปอร์ตความเร็วสูงนั้น เขาจะผลิตออกมาให้เต็มพิกัดไปเลยเช่นดูคาติ 899......แต่ก็แจ้งไว้เป็นรุ่น900....จะเห็นว่ามันขาดพิกัดไปแค่1ซี.ซี.เองแหละ......หากลูกสูบหลวม-ก็จบอายุแต่เพียงเท่านั้น(เพราะมันเป็นรถเลียนแบบรถแข่ง-เพื่อเอามาสนองความต้องการของผู้นิยมความเร็วไงครับ)...ยังมีอีกกรณีหนึ่ง.........คือ หากบริษัทผู้ผลิตเขาปราณีต่อผู้ใช้.....เขาก็จะสร้างลูกสูบโอเวอร์ไซส์1ขุ้นมา(คือไม่ต้องคว้านเสื้อสูบ)....แต่ให้เปลี่ยนลูกสูบแบบไซส์1 เพิ่มขึ้นมา.(ลูกสูบใหญ่ขึ้นมาอีกประมาณ100ไมครอน-อ้วนขึ้นพอให้ลูกสูบฟิตกระบอกสูบอีกนิดหน่อย)
เมื่อเปลี่ยนลูกสูบใหม่ลงไป2ลูกแล้ว......เครื่องยนต์ก็จะขยับความจุฯขึ้นมาเป็น 899.5ซี.ซี....ยังไม่เกิน900 ซี.ซี.ไงครับ....พอเข้าใจไหม.....(ยังมีรถบางรุ่นที่มีความจุกระบอกสูบเกินพิกัดไปบ้าง-ตรงนี้เป็นการนำชิ้นส่วนของรถรุ่นอื่นๆมาใช้(เพื่อประหยัดต้นทุนและทำให้ขายรถในราคาต่ำได้)...ซึ่งมันมีข้อตกลงระหว่างประเทศให้นำชิ้นส่วนของรถในพิกัดอิ่นๆมาใส่แทนกันได้-หากรถนั้นๆอยู่ในกลุ่มประเทศเดียวกัน....อันจะเป็นผลสำหรับการนำรถมาแข่งขันในพิกัดเดียวกันในกลุ่มประเทศที่กล่าวได้.......(ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกนิดหน่อย เช่นสามารถใช้เพลาราวลิ้นของรถในประเทศนี้ไปใช้ในรถของประเทศนู้นได้......เมื่อรวมเบ็ดเสร็จแล้วรถในกลุ่ม 250ซี.ซี.ก็จะมีแรงม้าใกล้เคียงกันครับ)
ตรงนี้ช่วยเข้ามาขยายข้อมูลให้พอเป็นแนวทางกันเฉยๆในฐานะที่ผมเป็นกรรมการตรวจสภาพรถแข่งอยู่ที่สนามแข่งพีระเกือบ20ปี...เลยรู้ขั้นตอนของเขา
สมาชิกหมายเลข 1643685 ถูกใจ, Nipon_V-Max ถูกใจ, goddestiny ถูกใจ, un750 หลงรัก, สมาชิกหมายเลข 708930 ถูกใจ, aprilan ถูกใจ, Sherlockoam ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1147030 ถูกใจ, CCBlue ถูกใจ, ASX-91 ถูกใจรวมถึงอีก 21 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ความจุกระบอกสูบรถฮอนด้า