ตอนที่ 1
พรุ่งนี้ต้องดีเสมอ
เปาะแปะ เปาะแปะ ซ่าาาาาาาาาา
“ให้มันได้อย่างนี้สิ จัดร้านเสร็จปุ๊ป ฝันตกปั๊ป เฮ้ออออ” เสียงบ่นจาก รสนันท์
หญิงสาวร่างสูงเพรียว ผิวขาวนวลดุจไข่มุก บอกใคร ใครจะเชื่อว่าเธออายุ 31 ปีแล้ว แถมยังมีลูกชายพ่วงอีก 2 คน ใบหน้าอันอ่อนวัยเคยถูกดูแลและบำรุงมาเป็นอย่างดี เหมือนเธอเพิ่งอายุ 20 กว่าๆ ประกอบกับหุ่นเธอสามารถไปเป็นนางแบบได้อย่างสบายๆด้วยความสูงเกือบๆ170 เซ็นติเมตร
'หนึ่งปีแล้วสิน้ะที่เธอเปิดร้านซุปเปอร์มาเก็ตเล็กๆแห่งนี้'
ของในร้านก้อเริ่มน้อยลง น้อยลง ชั้นวางของบางชั้นไม่มีของวาง ของใช้จำเป็นบางอย่างที่ขายดี ก็พร่องลง มีแอร์ติดข้างผนักอีกหนึ่งเครื่องซึ่งเธอไม่ได้เปิดใช้งานมันมาหลายเดือนแล้ว เพราะต้องประหยัดค่าไฟ ผิดกับตอนเธอเปิดร้านแรกๆ ไม่ได้ เธอเปิดแอร์ตั้งแต่เช้า จนร้านปิด เพราะเธอไม่รู้ประมาณค่าไฟเท่าไร เพราะค่าไฟที่บ้านที่เธออยู่ เธอไม่เคยจ่ายเอง แม่เธอเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด เธอเลยเล่นเปิดเหมือนอยู่บ้านเลย
ถูกต้องเธอถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูตลอดยันจนทำงานแล้วมีลูก แต่พอเธอมาเปิดร้านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ค่าไฟมาเดือนแรก 4000 กว่าบาท เธอลมแทบจับ บวกกับช่วงหลังกิจการเธอแย่ ทำให้เธอต้องประหยัดทุกทาง เคาท์เตอร์หน้าร้านมีทีวีเครื่องเล็กๆ วางอยู่ 1 เครื่อง เธอมีความรู้สึกว่าเหมือนเธอเป็นคนโรคจิตชนิดหนึ่งหรือป่าวก้อไม่รู้ เธอขาดเสียงทีวีไม่ได้ แล้วก้อมีโน๊ตบุ๊คเก่าๆอีก 1 เครื่องวางอยู่บนเคาท์เตอร์
แล้วของที่มันน้อยลง จะไม่ให้น้อยลงได้อย่างไรล่ะ เพราะเธอขายได้แต่วันแค่ พันกว่าบาท กินใช้ 3 ชีวิต 3 ปาก 3ท้อง จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบก็วันล่ะ 500 บาทเข้าไปแล้ว ที่เธอไปกู้มาหมุนในร้าน ส่วนพ่อของลูกเธอนั้นเหรอ อย่าไปได้หวัง เธอไม่มีวันหันไปขอความช่วยเหลือเด็ดขาด แค่เขาออกไปจากชีวิตพวกเธอก้อพอแล้ว ถึงเหนื่อยแค่ไหนก็แล้วแต่ แต่เธอไม่มีวันที่จะให้ลูกๆของเธอได้อด
ลูกของเธอยังคงได้เรียนโรงเรียนที่ดี และยังแพงมากเอาการ สำหรับสถานการณ์ของเธอตอนนี้ แต่เธอยังดีที่มีแม่คอยช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายลูก ถึงแม้บางวันเธอไม่มีเงินติดกระเป๋าเลย หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จ เธอก็ไม่เคยเอ่ยปากบอกแม่ เธอเกรงใจแม่ แค่แม่ช่วยเรื่องลูกเธอก็มากพอแล้ว ประกอบกับช่วงนี้กิจการแม่เธอไม่ค่อยดีอยุ่ด้วย
แม่เธอปล่อยเงินกู้เหมือนกัน แต่ช่วงนี้โดนคนโกงไปเยอะ แต่แม่ไม่อาจรู้ได้ว่าลูกตัวเอง ก็ไปกู้เงินนอกระบบคนอื่นมาด้วย เพราะเธอจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด แล้วอีกอย่างสมัยที่เธอเปิดร้านใหม่ๆ แม่ก็ช่วยเงินไว้เยอะมาก ทั้งซื้อรถ ให้เงินทุนมาเปิดร้าน
ใช่!!!เธอไม่รู้ตัวว่า ตัวเองคิดผิดหรือคิดถูก ที่ออกจากงานมาเปิดร้าน งานที่เธอเคยทำในต่ำแหน่งสูง ตั้งแต่ยังอายุน้อย เธอมีความสามารถที่ก้าวข้ามรุ่นพี่ที่ทำงานก่อนเธอมานาน เงินเดือนไม่ต้องพูดถึง มันสามารถทำให้เธอกิน เที่ยว ซื้อของ ทุกอย่างที่เธออยากได้โดยไม่ต้องลังเล แต่เธอไม่เคยมีเงินเก็บ อาจเหลือบ้างนิดๆหน่อยๆในแต่ล่ะเดือน
เธอยอมรับ ช่วงชีวิตการทำงานในออฟฟิศของเธอ เธอหลงระเริงไปมาก แต่ตอนนี้เธอก็ไม่คิดเสียใจ ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว เธอมองในมุมกลับกัน ดีแล้วที่เธอมาตกอับแบบนี้ เพราะมันทำให้เธอเรียนรู้ในการใช้ชีวิตมากขึ้น ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้น เธอคงไม่รู้จักการประหยัด ไม่รู้จักการใช้เงิน ทุกวันนี้กว่าเธอจะหยิบเงินออกจากกระเป๋าได้ เธอคิดแล้วคิดอีก ว่ามันจำเป็นมั้ย คุ้มมั้ยกับการที่เราต้องเสียมันออกไป ทำให้เธอกลายเป็นคนประหยัดไปโดยไม่รู่ตัว กินอะไรก็กินได้ ขอแค่ให้อิ่ม บางมื้อมาม่าห่อเดียวก้ออิ่มเกินพอสำหรับเธอแล้ว เพราะปรกติเธอเป็นคนทานน้อยอยู่แล้วด้วย
“มีใครอยุ่มั้ยค้ะ” เสียงดังมาจากทางหน้าประตูร้าน
ทำให้เธอตื่นจากภวังค์
“ อยุ่ค่ะ อยุ่ค่ะ ” รสนันท์ ส่งเสียงกลับไป พร้อมกับก้าวเท้า เดินออกไปหน้าร้าน
“ วันนี้เอาอะไรดีค่ะพี่ ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มหวานออกไป
“ ขอปืนยิงเตาแก๊สอันหนึ่งจ่ะ “ ลูกค้าตอบเธอกลับ เพราะร้านของรสนันท์ จะขายถูกกว่าร้านอื่น แถมแม่ค่ายังน่ารัก
“ นี่ค่ะ ” เธอรับเงิน
“ ขอบคุณมากค่ะ ” พร้อมทั้งทั้งยิ้มหวานให้ลูกค้าอีกรอบ
โดยปรกติแล้ว เธอไม่ได้เป็นคนที่ยิ้มง่าย แล้วยิ่งสำหรับคนที่ไม่รู้จักเธอยิ่งแล้ว จะไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มเธอเด็ดขาด แต่ทว่า ตั้งแต่เธอเริ่มมาเป็นแม่ค้า จนบางครั้งเธอแอบคิดไม่ได้ว่า นี่เราเป็นบ้าหรือป่าวเนี่ยยิ้มได้ทั้งวัน แต่เอาน่ะถ้ายิ้มแล้วได้เงิน เธอจะยิ้มสักวันล่ะล้านครั้งก็ได้น้ะ อิอิ
แปะ แปะ เธอเอาเงินที่ได้จากลูกค้าคนแรกเมื่อกี้นี้ แปะตามสินค้าในร้าน ตามเคล็ดที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่า การได้รับเงินครั้งแรกของร้าน ต้องเอาเงินไปแปะตามของที่เราจะขาย แต่เธอไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ผลหรือไม่ได้ผล แต่เธอก้อจะพยายามทำทุกวิธีทางให้ร้านเธอขายดี ฮ่าๆๆๆๆๆ
“เย้ๆๆๆ วันนี้ได้เปิดบิลแล้ว นึกว่าจะไม่ได้ขายซะแล้ว ฝนดันตกแต่เช้า” เธอพูดกับตัวเอง
บรึ้นๆ แกร๊กๆ
เธอหันไปยังต้นเสียงหน้าร้านทันที สิ่งที่ได้เห็นคือ ชายชุดดำ ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงสียีนส์ รองเท้าผ้าใบ หมวกกันน็อคสีดำ
“ อะไรเนี่ย !!!! ฝนตกแดดออก แกจะไม่ยอมเว้นให้ชั้นบ้างเลยเหรอเนี่ย “ รสนันท์บ่นกับตัวเอง
ถูกต้องแล้ว ชายชุดดำคนนั้นคือคนเก็บเงินกู้ ที่เธอได้ไปยืมมา เธอหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดมีแบงค์ 500 เหลืออยู่ใบเดียว
' เอาว่ะ ยังงัยเดี๋ยวก็ขายของได้ ค่อยซื้อข้าวกิน ' เธอคิดในใจ
ทันทีที่ชายชุดดำเดินเข้ามาถึงร้าน
“แหม!! ฝนตกฟ้าร้องเธอก็ไม่เว้นเลยน้ะนี่” เธอบอกกับชายชุดดำ
เขามีหน้าที่มาเก็บเงินอย่างเดียว เก็บเงินเธอมาจะเกือบปี เธอยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเขาเลย หรือเธอไม่คิดจะสนใจก็ไม่รู้สิน้ะ ชายชุดดำได้แต่ยิ้มอายๆ แต่ไม่พูดอะไร
' จะอายทำบ้าอะไร แค่เธอแซวเล่นแค่นี้ ' เธอนึก
แต่รสนันท์ ไม่อาจรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามมาก ทั้งๆที่หน้าตาเธอไม่ได้สะสวยอะไรมาก มีดวงตาที่ซึ่มเศร้า แต่ในความเป็นจริงเธอไม่เคยย่อถ้อต่อชีวิต จมูกไม่ได้โดงสันเป็นคมอะไรมาก แต่ปลายรั้นๆเชิดขึ้นนั้นบ่งบอกได้ถึงนิสัยความดื้อรั้นของเธอ เธอมีริมฝีปากที่เป็นกระจับได้รูป รูปร่างที่สูงเพียวราวกับนางแบบก็ได้ไม่ปาน
เธอไม่เคยสนใจตัวเองว่าเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่าชอบมีคนมองเธอ เพราะเธอมีสิ่งอื่นให้เธอสนใจมากกว่าเรือนร่างตัวเองคือ การหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง และลูกๆของเธอ
“แล้วทำไมวันนี้มาแต่เช้า ยังไม่ทันจะขายได้เลย “ เธอถามชายชุดดำ
“เอ่อ พอดีวันนี้จะมีนายคนใหม่มาครับ ผมต้องรีบเก็บให้หมดทุกเจ้า แล้วรีบเข้าไปเคลียยอดกับนายคนใหม่ แล้วต้องสอนงานด้วยครับ” ชายชุดดำบอกกับเธอ แล้วเดินออกจากร้านไป
นายคนใหม่เหรอ จะเป็นคนยังงัยน้ะ จะเคี่ยวมั้ยน้ะ เพราะมีบางวันที่เธอติดขัดจริง เธอก็ขอหยุดจ่ายบ้าง แต่เฮียคนที่เป็นเจ้าหนี้เธอตอนนี้ก็ไม่ได้ดุร้ายอะไรมากมาย แต่ถ้ามีคนใหม่มาบางวันถ้าเธอไม่มีเงิน เค้าจะอนุโลมให้เธอเหมือนกับเฮียคนเก่ามั้ยน้ะ
แต่นั่นช่างเหอะเอาไว้ก่อน ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องคิด ตอนนี้คิดก่อนว่า จะต้องหาทางทำงานอะไรพิเศษเพิ่มขึ้นแล้ว จะได้มีรายได้มากกว่านี้ เธอเป็นคนไม่อายในการทำงาน รับตัดขี้ด้าย รับพับกล่อง รับผูกป้าย งานที่รับมาทำที่ร้านได้ เธอรับทำมาหมดแล้ว แต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าเธอจะอยู่เฉย ตอนนี้ก็มีคนมาจ้างห่อแบงค์กงเต็กอยู่ แต่ราคาที่ให้มันถูกมากมาย เธอเคยลองคำณวณแล้ว 1 ชั่วโมง เธอได้ 9 บาท อะไรมันจะถูกขนาดนั้น พนังงานเซเว่นรายชั่วโมง ยังได้มากกว่างานที่เธอทำเลยน้ะนี่
“เฮ้ออออ หมดเวลาคิดเรื่อยเปื่อยแล้ว ต้องรีบทำให้ส่งเค้าให้เสร็จ แล้วค่อยหาอย่างอื่นทำ” เธอบอกกับตัวเอง
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เธอนั่งห่อแบงค์อย่างแข่งขัน
“ป๊าดดดดดดดด จะเที่ยงแล้ว ยังไม่มีคนเข้าร้านอีกหรอเนี่ย แล้วเย็นนี้ลูกๆชั้นจะรับประทานอะไรกันนี่” เธอบ่นอีกแล้ว แล้วก้อบ่นๆๆๆๆ
กริ๊งๆๆๆๆ (เสียงดังจากมือถือเธอ)
“นั่นคุณรสนันท์ หรือป่าวครับ” เสียงจากปลายสายถาม หลังจากเธอกดรับ
เธอเงียบอยู่พักหนึ่ง 'เจ้าหนี้คนไหนอีกว๊าาาา'
“ใครพูดอยู่ค่ะ” เธอถามออกไป แบบไม่เต็มเสียงนัก
“เฮียเอง ร้านที่หนูมารับของไปอ่ะครับ” ปลายสายตอบกลับมา
ใช่แล้ว เฮียเจ้าของร้านขายส่ง ที่เธอไปรับของมาขายก่อน ถึงรอบบิลที่เธอต้องจ่ายเงินแล้ว แต่เธอยังไม่ได้ไปจ่ายเขา
“อ่อ เฮียเองหรอค่ะ แหะๆ” เธอแสร้งหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อน
“เลยรอบบิลมาหลายวันแล้วน้ะหนู” เฮียบอก
“เอ่อ ทราบแล้วค่ะ แต่หนูขอเวลาอีกสักอาทิตยได้มั้ยค่ะเฮีย ช่วงนี้ร้านมันเงียบจริงๆเลยค่ะ” เธอขอร้องเขา
“อืมๆ ก็ได้ เฮียก็เข้าใจ แต่ยังงัยรีบหาให้เฮียหน่อยแล้วกันน้ะ” เฮียกล่าวสำทับ
ใช่ที่เฮียไม่ได้ดุว่ากล่าวอะไรเธอมากมาย เพราะก่อนหน้านี้ เธอรับของจากเขามา เครดิตดีมาตลอด จนบางทีเขายังพูดเล่นกับรสนันท์ว่า อยากมีลูกค้าแบบหนูสัก 10 คนจัง อยากได้อะไรมารับไปเลยน้ะ แต่ช่วงหลังเธอเริ่มจ่ายช้านิดหน่อย เขาก็เข้าใจว่าเศรษกิจช่วงนี้แย่
“ขอบคุณมากเลยค่ะ เฮีย” เธอรีบขอบคุณในความเมตตาของเฮียคนนี้ ซึ่งเป็นอีกคนที่มีบุญคุณกับเธอ
จบการสนทนาจากเฮีย ทำให้เธอต้องมานั่งเครียดอีก อา ทิตย์หน้าเธอจะหาเงินจากไหนมาให้เฮีย แค่มีกินไปไหนแต่ล่ะวันก็ยากเกินพอแล้ว แต่ยังไงเราก็จะไม่ท้อ เราต้องสู้ต่อไป วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเรา แต่ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา ความลำบากตอนนี้มันเป็นแค่สิ่งที่ผ่านมา แล้วเดี๋ยวก็ผ่านไป เธอปลอบใจตัวเอง อุปสรรคทั้งหลายเธอคิดว่ามันเป็นเพียงบททดสอบเธอ ถ้าเธอผ่านมันไปได้ ก็จะทำให้ชีวิตเธอแกร่งขึ้น
ปี้นๆๆ
“แม่ คร๊าบบบบ”
“แม่ คร๊าบบบบ”
เสียงลูกทั้งสองของเธอดังขึ้นจากหน้าร้าน แสดงว่ารถโรงเรียนมาส่งลูกเธอที่หน้าร้านแล้ว
นั่นไง กำลังใจที่ทำให้เธอต่อสู้มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะลูกๆที่น่ารักของเธอทั้ง 2 คน คนโตชื่อพี่เลิฟ ปีนี้ขึ้น เกรด 3แล้ว ชื่อเล่นนี้เธอตั้งใจตั้งเป็นพิเศษ เพราะเกิดจากความรักของเธอกับสามีเก่า ส่วนคนเล็ก ชื่อน้องริว เป็นชื่อที่เธอตั้งตามตัวละครการ์ตุนที่เธอเคยชอบอ่านสมัยเด็กๆ คนเล็กปีนี้ขึ้น เกรด 1แล้ว เด็กๆทั้ง 2 คนนี้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอไม่อาจย่อท้อในการใช้ชีวิต
พอได้เห็นลูกๆ ได้เล่นกับลูกๆ ทำให้เธอคลายเครียดไปได้เยอะ เธอไม่สามารถเป็นอะไรไปได้ เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไป เธอไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ที่จะให้ดูแลลูกเธอ เพราะเหตุนี้เธอถึงรับเลี้ยงลูกทั้ง 2 คนของเธอไว้เอง โดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากสามีเก่าของเธอเลย
เพราะเธอกลัวว่าถ้ารับความช่วยเหลือจากเขา เขาจะมาเรียกร้องความเป็นพ่อ แล้วขอแบ่งลูกของเธอไปเลี้ยง ซึ่งเธอไม่สามารถรับมันได้ เธอจะไม่มีวันพรากจากลูกของเธอ
“วันนี้มีอะไรให้ทานบ้างคร๊าบ” เลิฟ ลูกชายคนโตเธอถาม
“ผมก็หิวเหมือนกันครับ” ริว ลูกชายคนเล็ก รีบสำทับ
“มีครับ วันนี้แม่ทำวุ้นไว้ให้ทานกันครับ” เธอตอบลูกอย่างอารมณ์ดี เพราะแค่ได้เห็นหน้าลูกๆก็ทำให้เธอคลายเคลียดไปได้หน่อยแล้ว วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ ณ.วันนี้ นาทีนี้ขอให้เธอมีความสุขกับลูกๆเธอก้อพอ
ณ ตึก ธีรวรา กรุ๊ป สูงเด่นย่านใจกลางเมืองสีลม
ในห้องผู้บริหารอันโอ่อ่า ตกแต่งไว้อย่างปราณีต เรียบ แต่หรู ของใช้แต่ล่ะชิ้นบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของห้องนี้ แต่ในขณะนี้ ผู้บริหารของที่นี่คือคุณธนเดช กิตติวัฒน์ ลักษณะภูมิฐาน ด้วยวัย 60 ต้นๆ เพราะเขาดูแลสุขภาพมาตลอด
แต่ตอนนี้กำลังทำหน้าเคร่งเครียด ปนเอือมระอา กับลูกชายคนเล็กของเขาจริงๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย ส่งไปเรียนที่อังกฤษแค่ปริญาตรี คนอื่นเค้าจบกันตั้งแต่อายุ 22 ปี แต่นี่ลูกเขาจบตอนอายุ 25 ปี แต่ก็ยังดีที่มันจบมาได้ ไม่งั้นเขาคงอาย พนักงานในบริษัท ธีรวรา กรุ๊ป เ
ป็นแน่เพราะขนาดแค่พนักงานธุรการในบริษัท ยังมีวุฒิปริญญาตรี อย่าพูดถึงต่ำแหน่งอื่นเลย บริษัทฯของเขารับแต่ปริญญาโท จะให้มาดูแลที่บริษัทฯ เขาดูแล้วคงไม่ไหวแน่ๆสำหรับลูกคนนี้ อีกทั้งเขายังมีลูกคนโต คือ การุณ กิตติวัฒน์ ดูแลไว้เป็นอย่างดีแล้วด้วย ซึ่งเขามั่นใจว่า เขาเลี้ยงลูกมาให้พี่น้องรักกัน แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การุณ ไม่มีวันจะทิ้งน้องแน่ เพราะเขารักน้องของเขามากเช่นกัน
ลิขิตรัก ตอนที่ 1
พรุ่งนี้ต้องดีเสมอ
เปาะแปะ เปาะแปะ ซ่าาาาาาาาาา
“ให้มันได้อย่างนี้สิ จัดร้านเสร็จปุ๊ป ฝันตกปั๊ป เฮ้ออออ” เสียงบ่นจาก รสนันท์
หญิงสาวร่างสูงเพรียว ผิวขาวนวลดุจไข่มุก บอกใคร ใครจะเชื่อว่าเธออายุ 31 ปีแล้ว แถมยังมีลูกชายพ่วงอีก 2 คน ใบหน้าอันอ่อนวัยเคยถูกดูแลและบำรุงมาเป็นอย่างดี เหมือนเธอเพิ่งอายุ 20 กว่าๆ ประกอบกับหุ่นเธอสามารถไปเป็นนางแบบได้อย่างสบายๆด้วยความสูงเกือบๆ170 เซ็นติเมตร
'หนึ่งปีแล้วสิน้ะที่เธอเปิดร้านซุปเปอร์มาเก็ตเล็กๆแห่งนี้'
ของในร้านก้อเริ่มน้อยลง น้อยลง ชั้นวางของบางชั้นไม่มีของวาง ของใช้จำเป็นบางอย่างที่ขายดี ก็พร่องลง มีแอร์ติดข้างผนักอีกหนึ่งเครื่องซึ่งเธอไม่ได้เปิดใช้งานมันมาหลายเดือนแล้ว เพราะต้องประหยัดค่าไฟ ผิดกับตอนเธอเปิดร้านแรกๆ ไม่ได้ เธอเปิดแอร์ตั้งแต่เช้า จนร้านปิด เพราะเธอไม่รู้ประมาณค่าไฟเท่าไร เพราะค่าไฟที่บ้านที่เธออยู่ เธอไม่เคยจ่ายเอง แม่เธอเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด เธอเลยเล่นเปิดเหมือนอยู่บ้านเลย
ถูกต้องเธอถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูตลอดยันจนทำงานแล้วมีลูก แต่พอเธอมาเปิดร้านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ค่าไฟมาเดือนแรก 4000 กว่าบาท เธอลมแทบจับ บวกกับช่วงหลังกิจการเธอแย่ ทำให้เธอต้องประหยัดทุกทาง เคาท์เตอร์หน้าร้านมีทีวีเครื่องเล็กๆ วางอยู่ 1 เครื่อง เธอมีความรู้สึกว่าเหมือนเธอเป็นคนโรคจิตชนิดหนึ่งหรือป่าวก้อไม่รู้ เธอขาดเสียงทีวีไม่ได้ แล้วก้อมีโน๊ตบุ๊คเก่าๆอีก 1 เครื่องวางอยู่บนเคาท์เตอร์
แล้วของที่มันน้อยลง จะไม่ให้น้อยลงได้อย่างไรล่ะ เพราะเธอขายได้แต่วันแค่ พันกว่าบาท กินใช้ 3 ชีวิต 3 ปาก 3ท้อง จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบก็วันล่ะ 500 บาทเข้าไปแล้ว ที่เธอไปกู้มาหมุนในร้าน ส่วนพ่อของลูกเธอนั้นเหรอ อย่าไปได้หวัง เธอไม่มีวันหันไปขอความช่วยเหลือเด็ดขาด แค่เขาออกไปจากชีวิตพวกเธอก้อพอแล้ว ถึงเหนื่อยแค่ไหนก็แล้วแต่ แต่เธอไม่มีวันที่จะให้ลูกๆของเธอได้อด
ลูกของเธอยังคงได้เรียนโรงเรียนที่ดี และยังแพงมากเอาการ สำหรับสถานการณ์ของเธอตอนนี้ แต่เธอยังดีที่มีแม่คอยช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายลูก ถึงแม้บางวันเธอไม่มีเงินติดกระเป๋าเลย หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จ เธอก็ไม่เคยเอ่ยปากบอกแม่ เธอเกรงใจแม่ แค่แม่ช่วยเรื่องลูกเธอก็มากพอแล้ว ประกอบกับช่วงนี้กิจการแม่เธอไม่ค่อยดีอยุ่ด้วย
แม่เธอปล่อยเงินกู้เหมือนกัน แต่ช่วงนี้โดนคนโกงไปเยอะ แต่แม่ไม่อาจรู้ได้ว่าลูกตัวเอง ก็ไปกู้เงินนอกระบบคนอื่นมาด้วย เพราะเธอจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด แล้วอีกอย่างสมัยที่เธอเปิดร้านใหม่ๆ แม่ก็ช่วยเงินไว้เยอะมาก ทั้งซื้อรถ ให้เงินทุนมาเปิดร้าน
ใช่!!!เธอไม่รู้ตัวว่า ตัวเองคิดผิดหรือคิดถูก ที่ออกจากงานมาเปิดร้าน งานที่เธอเคยทำในต่ำแหน่งสูง ตั้งแต่ยังอายุน้อย เธอมีความสามารถที่ก้าวข้ามรุ่นพี่ที่ทำงานก่อนเธอมานาน เงินเดือนไม่ต้องพูดถึง มันสามารถทำให้เธอกิน เที่ยว ซื้อของ ทุกอย่างที่เธออยากได้โดยไม่ต้องลังเล แต่เธอไม่เคยมีเงินเก็บ อาจเหลือบ้างนิดๆหน่อยๆในแต่ล่ะเดือน
เธอยอมรับ ช่วงชีวิตการทำงานในออฟฟิศของเธอ เธอหลงระเริงไปมาก แต่ตอนนี้เธอก็ไม่คิดเสียใจ ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว เธอมองในมุมกลับกัน ดีแล้วที่เธอมาตกอับแบบนี้ เพราะมันทำให้เธอเรียนรู้ในการใช้ชีวิตมากขึ้น ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้น เธอคงไม่รู้จักการประหยัด ไม่รู้จักการใช้เงิน ทุกวันนี้กว่าเธอจะหยิบเงินออกจากกระเป๋าได้ เธอคิดแล้วคิดอีก ว่ามันจำเป็นมั้ย คุ้มมั้ยกับการที่เราต้องเสียมันออกไป ทำให้เธอกลายเป็นคนประหยัดไปโดยไม่รู่ตัว กินอะไรก็กินได้ ขอแค่ให้อิ่ม บางมื้อมาม่าห่อเดียวก้ออิ่มเกินพอสำหรับเธอแล้ว เพราะปรกติเธอเป็นคนทานน้อยอยู่แล้วด้วย
“มีใครอยุ่มั้ยค้ะ” เสียงดังมาจากทางหน้าประตูร้าน
ทำให้เธอตื่นจากภวังค์
“ อยุ่ค่ะ อยุ่ค่ะ ” รสนันท์ ส่งเสียงกลับไป พร้อมกับก้าวเท้า เดินออกไปหน้าร้าน
“ วันนี้เอาอะไรดีค่ะพี่ ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มหวานออกไป
“ ขอปืนยิงเตาแก๊สอันหนึ่งจ่ะ “ ลูกค้าตอบเธอกลับ เพราะร้านของรสนันท์ จะขายถูกกว่าร้านอื่น แถมแม่ค่ายังน่ารัก
“ นี่ค่ะ ” เธอรับเงิน
“ ขอบคุณมากค่ะ ” พร้อมทั้งทั้งยิ้มหวานให้ลูกค้าอีกรอบ
โดยปรกติแล้ว เธอไม่ได้เป็นคนที่ยิ้มง่าย แล้วยิ่งสำหรับคนที่ไม่รู้จักเธอยิ่งแล้ว จะไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มเธอเด็ดขาด แต่ทว่า ตั้งแต่เธอเริ่มมาเป็นแม่ค้า จนบางครั้งเธอแอบคิดไม่ได้ว่า นี่เราเป็นบ้าหรือป่าวเนี่ยยิ้มได้ทั้งวัน แต่เอาน่ะถ้ายิ้มแล้วได้เงิน เธอจะยิ้มสักวันล่ะล้านครั้งก็ได้น้ะ อิอิ
แปะ แปะ เธอเอาเงินที่ได้จากลูกค้าคนแรกเมื่อกี้นี้ แปะตามสินค้าในร้าน ตามเคล็ดที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่า การได้รับเงินครั้งแรกของร้าน ต้องเอาเงินไปแปะตามของที่เราจะขาย แต่เธอไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ผลหรือไม่ได้ผล แต่เธอก้อจะพยายามทำทุกวิธีทางให้ร้านเธอขายดี ฮ่าๆๆๆๆๆ
“เย้ๆๆๆ วันนี้ได้เปิดบิลแล้ว นึกว่าจะไม่ได้ขายซะแล้ว ฝนดันตกแต่เช้า” เธอพูดกับตัวเอง
บรึ้นๆ แกร๊กๆ
เธอหันไปยังต้นเสียงหน้าร้านทันที สิ่งที่ได้เห็นคือ ชายชุดดำ ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงสียีนส์ รองเท้าผ้าใบ หมวกกันน็อคสีดำ
“ อะไรเนี่ย !!!! ฝนตกแดดออก แกจะไม่ยอมเว้นให้ชั้นบ้างเลยเหรอเนี่ย “ รสนันท์บ่นกับตัวเอง
ถูกต้องแล้ว ชายชุดดำคนนั้นคือคนเก็บเงินกู้ ที่เธอได้ไปยืมมา เธอหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดมีแบงค์ 500 เหลืออยู่ใบเดียว
' เอาว่ะ ยังงัยเดี๋ยวก็ขายของได้ ค่อยซื้อข้าวกิน ' เธอคิดในใจ
ทันทีที่ชายชุดดำเดินเข้ามาถึงร้าน
“แหม!! ฝนตกฟ้าร้องเธอก็ไม่เว้นเลยน้ะนี่” เธอบอกกับชายชุดดำ
เขามีหน้าที่มาเก็บเงินอย่างเดียว เก็บเงินเธอมาจะเกือบปี เธอยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเขาเลย หรือเธอไม่คิดจะสนใจก็ไม่รู้สิน้ะ ชายชุดดำได้แต่ยิ้มอายๆ แต่ไม่พูดอะไร
' จะอายทำบ้าอะไร แค่เธอแซวเล่นแค่นี้ ' เธอนึก
แต่รสนันท์ ไม่อาจรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามมาก ทั้งๆที่หน้าตาเธอไม่ได้สะสวยอะไรมาก มีดวงตาที่ซึ่มเศร้า แต่ในความเป็นจริงเธอไม่เคยย่อถ้อต่อชีวิต จมูกไม่ได้โดงสันเป็นคมอะไรมาก แต่ปลายรั้นๆเชิดขึ้นนั้นบ่งบอกได้ถึงนิสัยความดื้อรั้นของเธอ เธอมีริมฝีปากที่เป็นกระจับได้รูป รูปร่างที่สูงเพียวราวกับนางแบบก็ได้ไม่ปาน
เธอไม่เคยสนใจตัวเองว่าเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่าชอบมีคนมองเธอ เพราะเธอมีสิ่งอื่นให้เธอสนใจมากกว่าเรือนร่างตัวเองคือ การหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง และลูกๆของเธอ
“แล้วทำไมวันนี้มาแต่เช้า ยังไม่ทันจะขายได้เลย “ เธอถามชายชุดดำ
“เอ่อ พอดีวันนี้จะมีนายคนใหม่มาครับ ผมต้องรีบเก็บให้หมดทุกเจ้า แล้วรีบเข้าไปเคลียยอดกับนายคนใหม่ แล้วต้องสอนงานด้วยครับ” ชายชุดดำบอกกับเธอ แล้วเดินออกจากร้านไป
นายคนใหม่เหรอ จะเป็นคนยังงัยน้ะ จะเคี่ยวมั้ยน้ะ เพราะมีบางวันที่เธอติดขัดจริง เธอก็ขอหยุดจ่ายบ้าง แต่เฮียคนที่เป็นเจ้าหนี้เธอตอนนี้ก็ไม่ได้ดุร้ายอะไรมากมาย แต่ถ้ามีคนใหม่มาบางวันถ้าเธอไม่มีเงิน เค้าจะอนุโลมให้เธอเหมือนกับเฮียคนเก่ามั้ยน้ะ
แต่นั่นช่างเหอะเอาไว้ก่อน ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องคิด ตอนนี้คิดก่อนว่า จะต้องหาทางทำงานอะไรพิเศษเพิ่มขึ้นแล้ว จะได้มีรายได้มากกว่านี้ เธอเป็นคนไม่อายในการทำงาน รับตัดขี้ด้าย รับพับกล่อง รับผูกป้าย งานที่รับมาทำที่ร้านได้ เธอรับทำมาหมดแล้ว แต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าเธอจะอยู่เฉย ตอนนี้ก็มีคนมาจ้างห่อแบงค์กงเต็กอยู่ แต่ราคาที่ให้มันถูกมากมาย เธอเคยลองคำณวณแล้ว 1 ชั่วโมง เธอได้ 9 บาท อะไรมันจะถูกขนาดนั้น พนังงานเซเว่นรายชั่วโมง ยังได้มากกว่างานที่เธอทำเลยน้ะนี่
“เฮ้ออออ หมดเวลาคิดเรื่อยเปื่อยแล้ว ต้องรีบทำให้ส่งเค้าให้เสร็จ แล้วค่อยหาอย่างอื่นทำ” เธอบอกกับตัวเอง
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เธอนั่งห่อแบงค์อย่างแข่งขัน
“ป๊าดดดดดดดด จะเที่ยงแล้ว ยังไม่มีคนเข้าร้านอีกหรอเนี่ย แล้วเย็นนี้ลูกๆชั้นจะรับประทานอะไรกันนี่” เธอบ่นอีกแล้ว แล้วก้อบ่นๆๆๆๆ
กริ๊งๆๆๆๆ (เสียงดังจากมือถือเธอ)
“นั่นคุณรสนันท์ หรือป่าวครับ” เสียงจากปลายสายถาม หลังจากเธอกดรับ
เธอเงียบอยู่พักหนึ่ง 'เจ้าหนี้คนไหนอีกว๊าาาา'
“ใครพูดอยู่ค่ะ” เธอถามออกไป แบบไม่เต็มเสียงนัก
“เฮียเอง ร้านที่หนูมารับของไปอ่ะครับ” ปลายสายตอบกลับมา
ใช่แล้ว เฮียเจ้าของร้านขายส่ง ที่เธอไปรับของมาขายก่อน ถึงรอบบิลที่เธอต้องจ่ายเงินแล้ว แต่เธอยังไม่ได้ไปจ่ายเขา
“อ่อ เฮียเองหรอค่ะ แหะๆ” เธอแสร้งหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อน
“เลยรอบบิลมาหลายวันแล้วน้ะหนู” เฮียบอก
“เอ่อ ทราบแล้วค่ะ แต่หนูขอเวลาอีกสักอาทิตยได้มั้ยค่ะเฮีย ช่วงนี้ร้านมันเงียบจริงๆเลยค่ะ” เธอขอร้องเขา
“อืมๆ ก็ได้ เฮียก็เข้าใจ แต่ยังงัยรีบหาให้เฮียหน่อยแล้วกันน้ะ” เฮียกล่าวสำทับ
ใช่ที่เฮียไม่ได้ดุว่ากล่าวอะไรเธอมากมาย เพราะก่อนหน้านี้ เธอรับของจากเขามา เครดิตดีมาตลอด จนบางทีเขายังพูดเล่นกับรสนันท์ว่า อยากมีลูกค้าแบบหนูสัก 10 คนจัง อยากได้อะไรมารับไปเลยน้ะ แต่ช่วงหลังเธอเริ่มจ่ายช้านิดหน่อย เขาก็เข้าใจว่าเศรษกิจช่วงนี้แย่
“ขอบคุณมากเลยค่ะ เฮีย” เธอรีบขอบคุณในความเมตตาของเฮียคนนี้ ซึ่งเป็นอีกคนที่มีบุญคุณกับเธอ
จบการสนทนาจากเฮีย ทำให้เธอต้องมานั่งเครียดอีก อา ทิตย์หน้าเธอจะหาเงินจากไหนมาให้เฮีย แค่มีกินไปไหนแต่ล่ะวันก็ยากเกินพอแล้ว แต่ยังไงเราก็จะไม่ท้อ เราต้องสู้ต่อไป วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเรา แต่ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา ความลำบากตอนนี้มันเป็นแค่สิ่งที่ผ่านมา แล้วเดี๋ยวก็ผ่านไป เธอปลอบใจตัวเอง อุปสรรคทั้งหลายเธอคิดว่ามันเป็นเพียงบททดสอบเธอ ถ้าเธอผ่านมันไปได้ ก็จะทำให้ชีวิตเธอแกร่งขึ้น
ปี้นๆๆ
“แม่ คร๊าบบบบ”
“แม่ คร๊าบบบบ”
เสียงลูกทั้งสองของเธอดังขึ้นจากหน้าร้าน แสดงว่ารถโรงเรียนมาส่งลูกเธอที่หน้าร้านแล้ว
นั่นไง กำลังใจที่ทำให้เธอต่อสู้มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะลูกๆที่น่ารักของเธอทั้ง 2 คน คนโตชื่อพี่เลิฟ ปีนี้ขึ้น เกรด 3แล้ว ชื่อเล่นนี้เธอตั้งใจตั้งเป็นพิเศษ เพราะเกิดจากความรักของเธอกับสามีเก่า ส่วนคนเล็ก ชื่อน้องริว เป็นชื่อที่เธอตั้งตามตัวละครการ์ตุนที่เธอเคยชอบอ่านสมัยเด็กๆ คนเล็กปีนี้ขึ้น เกรด 1แล้ว เด็กๆทั้ง 2 คนนี้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอไม่อาจย่อท้อในการใช้ชีวิต
พอได้เห็นลูกๆ ได้เล่นกับลูกๆ ทำให้เธอคลายเครียดไปได้เยอะ เธอไม่สามารถเป็นอะไรไปได้ เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไป เธอไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ที่จะให้ดูแลลูกเธอ เพราะเหตุนี้เธอถึงรับเลี้ยงลูกทั้ง 2 คนของเธอไว้เอง โดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากสามีเก่าของเธอเลย
เพราะเธอกลัวว่าถ้ารับความช่วยเหลือจากเขา เขาจะมาเรียกร้องความเป็นพ่อ แล้วขอแบ่งลูกของเธอไปเลี้ยง ซึ่งเธอไม่สามารถรับมันได้ เธอจะไม่มีวันพรากจากลูกของเธอ
“วันนี้มีอะไรให้ทานบ้างคร๊าบ” เลิฟ ลูกชายคนโตเธอถาม
“ผมก็หิวเหมือนกันครับ” ริว ลูกชายคนเล็ก รีบสำทับ
“มีครับ วันนี้แม่ทำวุ้นไว้ให้ทานกันครับ” เธอตอบลูกอย่างอารมณ์ดี เพราะแค่ได้เห็นหน้าลูกๆก็ทำให้เธอคลายเคลียดไปได้หน่อยแล้ว วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ ณ.วันนี้ นาทีนี้ขอให้เธอมีความสุขกับลูกๆเธอก้อพอ
ณ ตึก ธีรวรา กรุ๊ป สูงเด่นย่านใจกลางเมืองสีลม
ในห้องผู้บริหารอันโอ่อ่า ตกแต่งไว้อย่างปราณีต เรียบ แต่หรู ของใช้แต่ล่ะชิ้นบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของห้องนี้ แต่ในขณะนี้ ผู้บริหารของที่นี่คือคุณธนเดช กิตติวัฒน์ ลักษณะภูมิฐาน ด้วยวัย 60 ต้นๆ เพราะเขาดูแลสุขภาพมาตลอด
แต่ตอนนี้กำลังทำหน้าเคร่งเครียด ปนเอือมระอา กับลูกชายคนเล็กของเขาจริงๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย ส่งไปเรียนที่อังกฤษแค่ปริญาตรี คนอื่นเค้าจบกันตั้งแต่อายุ 22 ปี แต่นี่ลูกเขาจบตอนอายุ 25 ปี แต่ก็ยังดีที่มันจบมาได้ ไม่งั้นเขาคงอาย พนักงานในบริษัท ธีรวรา กรุ๊ป เ
ป็นแน่เพราะขนาดแค่พนักงานธุรการในบริษัท ยังมีวุฒิปริญญาตรี อย่าพูดถึงต่ำแหน่งอื่นเลย บริษัทฯของเขารับแต่ปริญญาโท จะให้มาดูแลที่บริษัทฯ เขาดูแล้วคงไม่ไหวแน่ๆสำหรับลูกคนนี้ อีกทั้งเขายังมีลูกคนโต คือ การุณ กิตติวัฒน์ ดูแลไว้เป็นอย่างดีแล้วด้วย ซึ่งเขามั่นใจว่า เขาเลี้ยงลูกมาให้พี่น้องรักกัน แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การุณ ไม่มีวันจะทิ้งน้องแน่ เพราะเขารักน้องของเขามากเช่นกัน