▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
[CR] Tour Tokyo-Hakone 7 Days !!! Part1
เริ่มกันเลยจากสนามบิน เครื่องออกตอน 7โมง35แต่delayเป็น8โมงค่ะ เลยมีเวลาว่างเดินshoppingในdutyfreeเพลินเลย ฮิๆ บินสายการบินไทยค่ะ พอดีได้ตั๋วฟรีจากคุณพ่อ โชคดีมากๆเลยที่เครื่องว่างค่ะ บินเที่ยวบิน TG676 ค่ะ
มีหนังสือคู่ใจบินยาว6ชั่วโมงก็ชิวๆค่ะ
พอบินถึงสนามบิน Narita ก็ผ่าน Immigration และCustom ตามปกติเลยค่ะ ตอนแรกกลัวเหมือนกันว่าเค้าจะไม่ให้เขาเมืองเพราะมากันมีแต่ผู้หญิง แต่จริงๆแล้วเข้าเมืองสบายมากค่ะ เค้าไม่ตรวจอะไรเลย แค่ถามว่ามากี่วัน พักที่ไหน เอกสารการจองโรงแรมที่เตรียมไปเค้าไม่ขอดูเลยค่ะ สบายมากเลย พอไปเอากระเป๋าเสร็จก็ผ่านCustomมาก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ เดินตัวปลิวออกมาเลย พอออกมาข้างนอกแล้วถ้าจะเข้าตัวเมืองให้เดินลงบันไดเลื่อนทางซ้ายมือค่ะ ก็จะเห็นoffice ของ JR อยู่ เห็นง่ายมากเลยค่ะ ตัวoffice เป็นสีเขียวค่ะ เราก็เดินเข้าไปในofficeเพื่อขอซื้อตั๋ว Narita Express และ Suicaค่ะ ตอนแรกจะซื้อที่มันเป็นโปรโมชั้น Suica-Nex Pass แต่มันหมดค่ะ เลยต้องซื้อแยก บัตรNarita Express ราคา 1,500เยนค่ะ ลดราคาอยู่ เค้าให้เราซื้อได้แค่ขาไปเท่านั้นค่ะ ส่วนขากลับต้องซื้อที่JR Office ของสถานีปลายทาง ตัวบัตร Narita Express เค้าจะbookที่นั่งไว้ให้เลยค่ะ เค้าจะบอกเวลาออก car number แล้วก็ seat numberค่ะ เราก็บอกเค้าไปเลยว่าเราจะไปลงที่ไหน ส่วนของเราเลือกลงที่สถานีIkebukuro เพราะโรงเเรมแยู่แถวนั้นพอดีค่ะ บัตรSuica ราคาประมาณ 1,000เยนค่ะ เราสามารถเติมเงินบัตรได้ผ่านตู้อัตโนมัติตามสถานี JR ได้ค่ะ ถ้าใช้บัตรSuicaหมดแล้วแต่เหลือเงินในบัตร สามารถเรียกคืนได้นะค่ะ นี่คือรูปบัตร Narita Express ค่ะ
ส่วนนี่คือบัตร Suica ค่ะ
ในรูปนี้คือในรถไฟของNarita Wxpressที่จะเข้าไปในเมืองค่ะ มาจากสนามบิน
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดเกือบ2ชั่วโมงก็มาถึงสถานีIkebukuro ค่ะ คอนนั้นถึงเกือบๆ2ทุ่ม เลยไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนค่ะ พักที่โรงแรม StarPlaza ค่ะ เดินไปไม่ไกลจากสถานีIkebukuroค่ะ ออกทางออก West แล้วเดินต่ออีก10นาทีถึงค่ะ ส่วนตัวคิดว่าย่าน Ikebukuro นั้นเหมือนย่านท่องราตรีของคนญี่ปุ่นค่ะเพราะผับบาร์เยอะพอสมควร พอเช็คอินแล้วก็มุ่งหน้าไปกินรังเมงร้านดังแถวIkebukuroค่ะ ร้านนี้ใช้ทางออกประตูEastแล้วเดินตรงไปขวามือเลยค่ะ เดินไปเรื่อยๆผ่านร้านmujiจะเจอ5แยก ร้านอยู่หัวมุมขวามือค่ะ ร้านนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราเมงชีวีแชมป์เปี้ยน นี่คือรูปหน้าร้านค่ะ ร้านนี้เปิดตั้งแต่10โมงยันตี4ค่ะ คนเยอะมากแต่เค้าจัดการได้ดีรอคิวไม่นานเป็นชั่วโมง แค่30นาทีก็ได้คิวแล้วค่ะ
อันนี้เป็น1ใน3ราเมงที่ดังที่สุดในร้าน เป็นน้ำซุปกระดูกหมู รสชาติเข้มข้น นุ่มลิ้นมาก หมูนุ่มจนละลายในปากเลยค่ะ ราคาไม่สูงมากประมาณ1,200เยนก็เท่ากับ300กว่าบาทค่ะ ชามใหญ่มากเลย กินไม่หมดด้วย แฮ่ๆ ส่วนตัวชอบมากๆเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาทานอีก
พอทานเสร็จก็กลับไปพักที่โรงแรมค่ะเพราะห้างปิดหมดแล้วตอน4ทุ่ม นี่คือบรรยากาศตอนกลางคืนค่ะ คนยังเดินกลับบ่านกันอยู่เลยค่ะ
นี่คือรถแท็กซี่ค่ะ คนขับดูดีกว่าบ้านเราเยอะเลย555
ใต้ดินที่สถานีรถไฟก็คนเยอะเช่นกันค่ะ คนไปไม่ต้องกลัวหลงเลยเพราะมีป้ายเป็นภาษาอังกฤษบอกตลอดทาง
!!!Day2!!!
วันนี้คิดไว้ว่าจะพไปเที่ยวShoppingที่ Shinjuku-Harajuku-Shibuya ค่ะ วันนี้ออกจากโรงแรม 9โมงเพราะนัดเพื่อนชาวญี่ปุ่นไว้ที่สถานีShinjuku ตอน10โมงค่ะ เดินทางไปสถานีShinjukuจากIkebukuroนั้นสะดวกมากค่ะ ใช้เวลาแค่ไม่ถึง10นาทีค่ะ ถ้านั่งSaikyo Line จะใช้เวลา5นาทีค่ะ แต่ถ้านั่งYamanote Line ใช้เวลา8นาทีค่ะ ต้องเช็คตารางรถไฟด้วยนะค่ะ แนะนำให้เช็คเว็ปHyperdiaค่ะ อ่านง่ายสุด พอถึงสถานีShinjukuก็ใช้ทางออก East ค่ะเพราะจะใกลห้าง Isetan Shinjukuที่สุดค่ะ และพอดีนัดเพื่อนญี่ปุ่นไว้ตรงนั้นพอดี ตรงหน้า Luminee Est ค่ะ
พอเจอเพื่อนญี่ปุ่นแล้วเค้าก็พาเดินShoppingย่าน Shinjukuเลยค่ะ
ร้านMatsumoto ร้านขายยา แต่มีพวกเครื่องสำอางด้วยค่ะ พวกDrug Store ร้านนี้ของเยอะค่ะ แถวโรงแรมก็มีอยู่
ที่นี่มีพวกผ้าเช็ดหน้าของLadureeด้วยค่ะ น่ารักมากเลย ผ้าเช็ดหน้าผืนละ300-400บาทค่ะ ราคาพอซื้อได้ มีผ้าเช็ดหน้าหลายแบร์นค่ะ มี YSL Burberry เสียเงินไปกับผ้าเช็ดหน้าเยอะอยู่ค่ะ เป็นคนบ้าผ้าเช็ดหน้า อีกอย่างซื้อฝากคุณยายกับคุณพ่อด้วย
ที่ย่าน Shinjuku มีร้าน Laduree อยู่ค่ะ ใกล้ๆกับสถานีรถไฟเลย คนที่อยากไปชิมลองเปิดหาพิกัดดูนะค่ะ อยากบอกว่าขนมในLaduree อร่อยมากเลย ในไทยไม่มีเลยขอชิมสะหน่อย ที่สั่งมาก็มีเท่านี้ค่ะ
อันที่เป็นstrawberryอร่อยมากค่ะ ส่วนmacarons สีฟ้าอร่อยสุดค่ะ รส Marie Antoinette ค่ะ ชอบที่สุดด
ต่อมาก็นั่งรถไฟมาลง Harajukuค่ะ รถไฟคนเยอะมากเลย นั่งมาไม่ถึง10นาทีก็ถึงค่ะ นั่งจากshinjukuมานะค่ะ เพื่อนญี่ปุ่นบอกคนจะเยอะมากที่Harajukuเพราะเป็นวันอาทิตย์ วัยรุ่นจะชอบแต่งตัวมาเดินเล่นกับเพื่อนกันค่ะ เหมือนสยามบ้านเราเลย
ไปแล้วก็ต้องโดนเครปค่ะ ย่านนี้เค้าดัง เพื่อนญี่ปุ่นบอกร้านนี้อร่อย เพื่อนสั่งให้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าร้านอื่จะต่างกันมั้ยเพราะร้านเครปเยอะมากค่ะ ไม่ได้ชิมหมดทุกร้าน
คนเดินเยอะจนตาลายเลยค่ะ
ย่านสุดท้ายแล้วค่ะ Shibuya !!! ย่านนี้ก็คนเยอะเหมือนกันเลย พลาดไม่ได้คือต้องเดินข้ามถนนค่ะ crossing street เค้าดังมาก นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันเต็มเลย ตอนที่ไปเค้าปิดถนนตรงเส้นนึงค่ะ เค้ามีเทศกาลอะไรไม่รู้ คนญี่ปุ่นออกมาเต้นแบบพื้นเมืองเต็มถนนเลยค่ะ ดูแล้วน่าสนใจดีค่ะ
ร้าน Disneyน่ารักมากเลยค่ะแต่ไม่ได้ซื้อเพราะไปซื้อที่Disneyland ของเยอะกว่าค่ะ
รูปปั้นค่ะ คนถ่ายรูปด้วยเต็มเลย เราก็ไปแอบถ่ายมาบ้าง
เติมตวามอ้วนด้วยไอศกรีม Godivaแถวๆโรงแรมหน่อยค่ะ ที่ไทยไม่มีเลยจัดสักหน่อย รสชาติอร่อยมากเลยค่ะ อยากทานอีกเลย แต่แพงไปหน่อยค่ะ แท่งละ 120บาทหน่ะ พอๆกับ Hagendazบ้านเราเลย พี่สาวสั่งเครื่องดื่มของGodiva เราก็ลองชิมดู คือว่าอร่อยกว่า Starbuckอีกนะ Starbuckที่ญี่ปุ่นอรอ่ยสู้ไทยไม่ได้ค่ะ ในความคิดเรานะ ของเค้าจะจืดๆนิดนึงค่ะ
พูดถึงไอศกรีม Hagendaz ที่ญี่ปุ่นอร่อยมากค่ะ มีขายตามเซเว่น อันนี้เป็นรสstrawberry ชอบมากเลย
เอาเป็นว่าเดินจนขาล้า ร่างพังเลยค่ะ shopping ก็เยอะ TT วันนั้นเหนื่อยมากจริงๆ พอกลับมาโรงแรมสลบเลยค่ะ มีเรื่องนึงค่ะ พอดีพี่สาวอยากได้กระเป๋าbao bao issey แต่ของหมดทุกสาขาตั้งแต่Shinjuku และก็Shibuya ของหมดเลยค่ะ แอบเซ็งมาก คือหาทุกเกือบทุกที่แล้วในโตเกียวแต่ไม่มีเลย สุดท้ายก็มีของที่สนามบิน คือแบบเค้าบอกว่าห้ามซื้อเกิน2ใบแล้วของก็หมดstock สงสัยคนไทยมาเหมากะนเยอะแน่ๆเลยของเลยหมด ส่วนเสื้อกอมนี่ก็หายากมากค่ะ เราไปดู2-3วัน ถามพนักงานว่าของเข้าวันไหน สุดท้ายก็ได้มาวันก่อนกลับ คือหาของมันเหนื่อยมากเลย เจอคนไทยมาเหมาไปเยอะมาก ตกใจเลยค่ะ เค้าซื้อไปเยอะมากจริงๆ ก็ยังมีที่อื่นที่ยังไม่ได้มารีวิวนะค่ะ เหลือ Tokyo Disneyland Hakone และที่อื่นๆในโตเกียวค่ะ เดี๋ยวจะรีบมารีวิวนะค่ะ วันนี้เอาแค่3ย่านนี้ร