เพื่อนๆนักลงทุนแต่ละคน ก็คงมีสไตล์การลงทุนในแบบแตกต่างกัน บางคนถนัดเก็งกำไร บางคนถนัดลงทุนระยะยาว ร่วมเติบโตไปกับบริษัท หากจะบอกว่าแนวคิดไหนดีกว่ากันนั้น คงเป็นสิ่งที่ยาก เพราะแต่ละแนวคิด ก็ล้วนมีผู้ที่ประสบความสำเร็จ และล้มเหลว นักเก็งกำไร หรือหรือนักลงทุน ที่สร้างรายได้มหาศาลโด่งดังเป็นที่รู้จักระดับโลกมีมากมายในขณะที่ผู้ที่ล้มเหลวก็มีมากเช่นกัน ส่วนตัวคิดว่าเป็นการยากที่จะบอกว่าวิธีใดเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่คงจะไม่ยากเกินไปถ้าจะบอกว่าวิธีใดเป็นวิธีที่เหมาะสมกับจริตของเรา
วันนี้มิกกี้จะลองมาคุยถึงวิธีการตัดสินใจในแบบที่มิกกี้ใช้แล้วค่อนข้างจะโอเคครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังสับสนครับป๋ม
สมมติมิกกี้สนใจจะซื้อขายหุ้นด้วยวิธีการหนึ่งๆ เช่น ซื้อหุ้นที่มีกำไรเติบโตดีสม่ำเสมอและไม่ใช่กำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือมิกกี้อาจจะสนใจหุ้นที่เบรคสองร้อยวันด้วยสเปรดแท่งยาวพร้อมวอลูม หรืออะไรก็แล้วแต่ ในบางครั้งก็เป็นการยากที่จะตัดสินใจว่าอะไรที่เหมาะ หรือไม่เหมาะกับเรา ในสถานการณ์แบบนี้มิกกี้จะใช้วิธีประเมินครับ วิธีนี้ทำได้ง่าย มิกกี้ประเมินโดยแบ่งปัจจัยที่มีผลต่อแนวคิดเป็นปัจจัยภายใน และภายนอก และสิ่งนั้น ส่งผลดีหรือร้ายต่อแนวคิดเรา แบบนี้ครับ
หลายคนอาจจะรู้จักดี หรือใช้เป็นปรกติอยู่แล้ว ดูตาม diagram ได้เลยครับ
S = strengths หรือจุดแข็ง ของแนวคิด ระบบ โปรเจก บริษัท ฯลฯ ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่ส่งผลดี
W = weaknesses หรือจุดอ่อน ปัจจัยภายในที่ส่งผลลบ
O = opportunities หรือโอกาส คือปัจจัยภายนอกที่เป็นประโยชน์
T = threads หรือภัย คือปัจจัยภายนอกที่เป็นผลลบ
สมมติมิกกี้วางโปรเจคการเทรดด้วยระบบซุเป้อดอย ผ่านมุมมองของ SWOT analysis ก็จะออกมามีหน้าตาประมาณนี้
การทำแบบนี้ เราจะทราบถึงประโยชน์ของแนวคิดหรือโปรเจคของเรา และช่วยให้เห็นจุดอ่อน ข้อด้อยต่างๆได้ชัดเจนขึ้นตามแนวคิด ตามสไตล์ของเราครับ บางสิ่งสำหรับบางคนอาจมองว่าเ็นข้อดี ในขณะเดียวกันอีกคนหนึ่งอาจมองว่าเป็นข้อเสีย ไม่มีถูกผิด ขึ้นกับว่าสิ่งนั้น จะให้ประโยชน์กับเราหรือสนองแนวคิด หรือความต้องการของเราได้มากน้อยแค่ไหน เช่นตามแนวคิดของมิกกี้ อาจจะเห็นว่า ระบบเทรดของมิกกี้ มีทั้งปัจจัยที่แก้ไขได้ และปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้ สำหรับปัจจัยที่แก้ไขได้ เช่น การที่ระบบเทรดของมิกกี้ให้สัญญาณซื้อขายที่ช้าเกินไป มิกกี้ก็จะพยายามศึกษาหาเครื่องมือที่จะมาช่วยทำให้ระบบนั้นเข้าได้ในจังหวะที่ดีขึ้น หรือปัญหาของระบบเมื่อตลาดทำ whipsaws แล้วเราเกิดได้รับผลกระทบเช่น เกิดการคัทลอสที่ไม่ควรจะทำ มิกกี้ก็อาจจะศึกษาแนวคิดต่างๆ เช่นเรื่องตัวกรองสัญญาณ เพื่อลด whipsaw trade หรือหาเครื่องมือมาช่วย ในการลดจุดอ่อนด้านอื่นๆของเราได้ครับ การสร้างกรอบแนวคิดที่ชัดเจนช่วยให้เรามีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาแนวคิดหรือระบบต่างๆของเราได้ เสริมจุดเด่น ลดจุดด้อย อย่างมีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอนครับผม
มาแชร์ไอเดียกันขำๆวันหยุดนะครับผม ส่วนตัวมิกกี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับแนวคิดค่อนข้างมาก มิกกี้คิดว่าในชีวิตของคนเรา จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่มีอะไรที่คงทนถาวร มิกกี้คิดว่าเราควรอยู่ให้รอดและปรับตัวให้ได้ในทุกๆสถานการณ์ การเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ หรือแนวคิดใหม่ๆที่เป็นประโยชน์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เรา สามารถอยู่รอด และจัดการกับปัญหาที่พร้อมจะมาอย่างไม่คาดฝันเสมอ
// มิกกี้มือใหม่ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนนะคร้าบ ^_^
// ขอตัวไปฟินต่อ ~ พวกเขาเป็นใคร พวกเขามาจากไหน กรี๊ดๆๆ พ่อเอวหวาน ~
สมาคมชมดอยวันหยุด : รู้จักตัวเอง
วันนี้มิกกี้จะลองมาคุยถึงวิธีการตัดสินใจในแบบที่มิกกี้ใช้แล้วค่อนข้างจะโอเคครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังสับสนครับป๋ม
สมมติมิกกี้สนใจจะซื้อขายหุ้นด้วยวิธีการหนึ่งๆ เช่น ซื้อหุ้นที่มีกำไรเติบโตดีสม่ำเสมอและไม่ใช่กำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือมิกกี้อาจจะสนใจหุ้นที่เบรคสองร้อยวันด้วยสเปรดแท่งยาวพร้อมวอลูม หรืออะไรก็แล้วแต่ ในบางครั้งก็เป็นการยากที่จะตัดสินใจว่าอะไรที่เหมาะ หรือไม่เหมาะกับเรา ในสถานการณ์แบบนี้มิกกี้จะใช้วิธีประเมินครับ วิธีนี้ทำได้ง่าย มิกกี้ประเมินโดยแบ่งปัจจัยที่มีผลต่อแนวคิดเป็นปัจจัยภายใน และภายนอก และสิ่งนั้น ส่งผลดีหรือร้ายต่อแนวคิดเรา แบบนี้ครับ
หลายคนอาจจะรู้จักดี หรือใช้เป็นปรกติอยู่แล้ว ดูตาม diagram ได้เลยครับ
S = strengths หรือจุดแข็ง ของแนวคิด ระบบ โปรเจก บริษัท ฯลฯ ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่ส่งผลดี
W = weaknesses หรือจุดอ่อน ปัจจัยภายในที่ส่งผลลบ
O = opportunities หรือโอกาส คือปัจจัยภายนอกที่เป็นประโยชน์
T = threads หรือภัย คือปัจจัยภายนอกที่เป็นผลลบ
สมมติมิกกี้วางโปรเจคการเทรดด้วยระบบซุเป้อดอย ผ่านมุมมองของ SWOT analysis ก็จะออกมามีหน้าตาประมาณนี้
การทำแบบนี้ เราจะทราบถึงประโยชน์ของแนวคิดหรือโปรเจคของเรา และช่วยให้เห็นจุดอ่อน ข้อด้อยต่างๆได้ชัดเจนขึ้นตามแนวคิด ตามสไตล์ของเราครับ บางสิ่งสำหรับบางคนอาจมองว่าเ็นข้อดี ในขณะเดียวกันอีกคนหนึ่งอาจมองว่าเป็นข้อเสีย ไม่มีถูกผิด ขึ้นกับว่าสิ่งนั้น จะให้ประโยชน์กับเราหรือสนองแนวคิด หรือความต้องการของเราได้มากน้อยแค่ไหน เช่นตามแนวคิดของมิกกี้ อาจจะเห็นว่า ระบบเทรดของมิกกี้ มีทั้งปัจจัยที่แก้ไขได้ และปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้ สำหรับปัจจัยที่แก้ไขได้ เช่น การที่ระบบเทรดของมิกกี้ให้สัญญาณซื้อขายที่ช้าเกินไป มิกกี้ก็จะพยายามศึกษาหาเครื่องมือที่จะมาช่วยทำให้ระบบนั้นเข้าได้ในจังหวะที่ดีขึ้น หรือปัญหาของระบบเมื่อตลาดทำ whipsaws แล้วเราเกิดได้รับผลกระทบเช่น เกิดการคัทลอสที่ไม่ควรจะทำ มิกกี้ก็อาจจะศึกษาแนวคิดต่างๆ เช่นเรื่องตัวกรองสัญญาณ เพื่อลด whipsaw trade หรือหาเครื่องมือมาช่วย ในการลดจุดอ่อนด้านอื่นๆของเราได้ครับ การสร้างกรอบแนวคิดที่ชัดเจนช่วยให้เรามีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาแนวคิดหรือระบบต่างๆของเราได้ เสริมจุดเด่น ลดจุดด้อย อย่างมีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอนครับผม
มาแชร์ไอเดียกันขำๆวันหยุดนะครับผม ส่วนตัวมิกกี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับแนวคิดค่อนข้างมาก มิกกี้คิดว่าในชีวิตของคนเรา จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่มีอะไรที่คงทนถาวร มิกกี้คิดว่าเราควรอยู่ให้รอดและปรับตัวให้ได้ในทุกๆสถานการณ์ การเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ หรือแนวคิดใหม่ๆที่เป็นประโยชน์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เรา สามารถอยู่รอด และจัดการกับปัญหาที่พร้อมจะมาอย่างไม่คาดฝันเสมอ
// มิกกี้มือใหม่ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนนะคร้าบ ^_^
// ขอตัวไปฟินต่อ ~ พวกเขาเป็นใคร พวกเขามาจากไหน กรี๊ดๆๆ พ่อเอวหวาน ~