หลังจากที่ปล่อย EP Blackdaimonds ในปี2012 เป็นระยะเวลา 1ปีนิด ๆ ในการทัวร์และทำเพลงไปด้วยกัน ทางวงก็ได้เข้าสตูดิโอเพื่อบันทึกอัลบัมเต็ม เพื่อพิสูจน์ถึงฝีมือและการคงอยู่ของวงได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
น่า เสียดายไปนิดที่สมาชิกตำแหน่งมือกลองผู้ก่อตั้งวงอย่าง Case Snedecorได้ตัดสินใจหันหลังให้กับวง แต่ไม่นานทางวง ก็ได้Josh Manuel เข้ามาสานต่อ ส่วน ทางด้านโปรดิวเซอร์ยังคงใช้Kris Crummett คนเดิม โดยมี Scount ดีเจของวงมาร่วมโปรดิวซ์ด้วย (นอกจากนี้ Scoutยังเป็นสมาชิก A Memoria Broodedโดยมีตำแหน่งเป็นมือกลอง)
Issuesถือได้ว่าเป็นวงที่มีเอกลักษณ์ทางด้านภาคดนตรีเป็นอย่างมาก
โดย ภาคดนตรี ของอัลบัม ยังเป็นPost-hardcore ยืนพื้น ผสมผสาน ริฟฟ์กีตาร์7สายและ เสียงแสครช แบบNumetal ดนตรี สังเคราะห์ แบบHip-Hop รวมไปถึงความเป็นเมนสตรีมป๊อปที่เข้าถึงได้ทุกวัย มาได้อย่างลงตัว
และ 12เพลงในอัลบัม รวมInterlude ที่กล่าวถึงนั้นคือผลงาน เต็มๆ ที่ทางวงได้ปล่อยของมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การันตีได้จาก อันดับ1 US Indie และ US Hard Rock (ก่อนหน้านี้ทางวงได้ปล่อยSingle ที่ชื่อว่า "Hooligans" มาตอนกลางๆปี 2013 และน่าเสียดายที่เพลงนี้ไม่อยู่ในอัลบัม)
อยาก ให้ลองจับตาดู นักร้องของวงอย่างTyler Carter และ Michel Bohn นี่อาจเป็นผลงานที่มีส่วนผสมสองขั้วที่ลงตัวที่สุด ชิ้นนึง(ทั้งสองคนเคยอยู่วงเดียวกันมาแล้วทั้ง A Path Less Traveled และWoe,Is Me)
โดยเฉพาะ Tyler Carterนักร้องที่ใช้เมโลดีการร้องแบบR&Bและแรพเข้ามาเพิ่มสีสันให้กับ อัลบัม คงไม่ต้องแปลกใจที่หลายๆวงได้เชิญชวนพ่อหนุ่มคนนี้ไปFeat.กันเกือบทั้งวงการ
ท่าม กลางดนตรีกำลังผุดขึ้นมาแข่งขันกันในวงการดนตรีนอกกระแสของทางฝั่งอเมริกา ที่หลายคนอาจจะพบกับความซ้ำซาก แต่Issuesคือผู้ที่ผุดออกมาจากวังวนของกระแสเหล่านั้น
ตอน นี้พูดได้เต็มปากเลยว่า Issuesได้ก้าวข้ามเงาของWoe, Is Me เข้าไปได้เต็มๆแล้ว และผู้เขียนก็อดไม่ได้ที่จะหวังได้พบเจอพวกเค้าเป็นๆที่Bangkok Thailandของเราเข้าสักวัน
Track By Track
1. "Sad Ghost"
เพลงแรกของอัลบัม ที่เปิดตัวขึ้นมาคล้ายๆเพลงมาร์ช ผนวกกับเสียงกีตาร์หนาๆ พร้อมกับเสียงสครีมของMichelและเสียงคลีนของTyler Carter
เพลงนี้มีความหนักหน่วงในท่วงทำนองแต่ก็มีความนุ่มละมุนในตัวของมันเอง
I'll write a letter to my former self,
Dear sad ghost, why'd you put your heart on the shelf?
2. "Mad at Myself"
คนที่สงสัยและใคร่รู้ว่าR&B กับMetalจะเข้ากันได้ยังไง เพลงนี้มีคำตอบให้คุณ
ด้วยความเป็นR&BผสานกับMetalจ๋าที่มาพร้อมกับจังหวะที่ดิ้นได้
เพลงนี้คือ เพลงที่มีเมโลดีแบบR&Bพอโยกหัวไปมาได้แบบชิลๆ ก่อนที่จะใช้เสียงสครีมคอยเป็นเงา และมีท่อนเบรคดาวน์ในท้ายเพลง
3. "Life of a Nine"
สั้นๆแต่กระชับ
เพลง ที่หนักและเดือดขึ้นมาอีกเราจะได้ยินเสียงกีตาร์เดือดๆผสานกับเสียง คีย์บอร์ดและแสครชและถ้าฟังให้ดีเราจะได้ยินเสียง สครีมของTyler นิดๆ
เพลงนี้พูดถึงสังคมที่เหลวแหลกและการใช้ชีวิต
4. "The Langdon House"
การผสานเสียงคีย์บอร์ดเข้ากับภาคดนตรีอย่างกีตาร์ เบส และกลอง คือจุดเด่นของวงนี้ และเพลงนี้ก็เช่นกัน
จุด เด่นของเพลงนี้คือท่อนฮุคที่ติดหูและการแรพของTylerและเพลงนี้พูดถึงการ ต่อสู้กับพื้นฐานชีวิตและตัวตนของตัวเอง (เพลงนี้มีที่มา มาจากซีรี่ย์ชื่อดัง American Horror Story)
5. "Late"
เพลง จังหวะออกปาร์ตี้นิดหน่อยและติดจังหวะแดนซ์พอประมานผ่านเสียงคลีนของไทเลอร์ ที่ติดกลิ่นR&B โดยเพลงนี้ไส่ความเป็น Nintendo coreเข้ามาผสมจางๆ
6. "Old Dena" (by Scout)
Interlude พักหู จากครึ่งแรก ปล่อยให้DJ Scout ได้ ปล่อยของเต็มๆเพลง (มั่นใจว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากCypress Hillแน่นอน)
และเพลงนี้เป็นเพลงประกอบเกมส์ชื่อดังอย่าง DMC Devil may cryอีกด้วย)
7. "Stingray Affliction"
Singles แรกและMVแรก ของทางอัลบัม และเพลงนี้คือ หมัดเด็ด หมัดนึงของวง
เพลงนี้ใช้ริฟฟ์กีตาร์ ติดหู จังหวะกลางๆพอโยกหัวได้ ผสานกับเสียงแสครชสวยๆ
และ R&B ท่อน บริดจ์ในท้ายเพลงที่เป็นท่อนสรุปถึงการต่อสู้เพื่อหลุดพ้นของตัวเอง
8. "Never Lose Your Flames"
Singleที่สองที่ปล่อยออกมาและเป็นเพลงที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด
จุดเด่นของเพลงนี้คือเสียงคีย์บอร์ดสวยๆเช่นเคย และใช้บีทความเร็วพอสมควร เสียงริทึมกีตาร์สาดๆเหมาะสมกับการเล่นสด
ผสานไปกับเสียง คลีนและสครีมแบบส่งต่อกัน
โดย เนื้อหาเพลงนี้สื่อถึงการให้กำลังใจ ต่อผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นทำอะไรก็ตาม จุดไฟตัวเองให้ลุกโชนขึ้นมา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่าสูญเสียเปลวเพลิงนั้นไป
If you've got the blood, then you've got the heart to win...give yourself a chance”
9. "Personality Cult"
เป็นอีกเพลงที่มำให้นึกถึง ยุค นูเมทัล ที่มีกซาวนด์กีตาร์ หนืดๆ ผนวกไปกับเสียงแสครช ก่อนที่จะค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นไปเรื่อยๆ
เนื้อเพลงพูดถึงการปลุกใจและการเชื่อมั่นในตนเอง
โดยผสานวลีเด็ดๆอย่าง xxx the voice of a generation
I just want to be who I am
10. "Tears on the Runaway, Pt. 2" (featuring Nylo)
เพลงที่ผมคิดว่าเบาและช้าสุดในอัลบัม และได้แม่สาว เสียงสวย Nylo มาFeat.
เพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่ใช้เสียงคลีนของกีตาร์ในอินโทรเพลง ผสานกับเสียงคีย์บอร์ด สวยๆเช่นเคย
โดยเนื้อหาพูดถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองคน
11. "The Settlement"
ต่อจาก พักหูเบาๆในเพลงที่แล้ว เพลงนี้คือเพลงที่หนักและมืดหม่นอีกเพลงหนึ่ง
ที่ผสาน ริฟฟ์กีตาร์และเสียงแสครชที่เซอร์วิสสาวกนูเมทัลเป็นอย่างดี ผสานไปกับท่อนเบรคดาวน์เท่ห์ๆ
12. "Disappear (Remember When)"
เพลงสุดท้ายในอัลบัมและเป็นเพลงที่ใช้เวลานานที่สุดเพลงนี้ใช้ริฟฟ์กีตาร์สวยๆ ผสานกับเสียงคีย์บอร์ด
เช่นเคย และท่อนฮุคสวยๆ(และติดกลิ่นปาร์ตี้นิดๆ)
เพลงนี้พูดถึงพระเจ้า และการเติบโตขึ้น
[REVIEW] Issues - Isseus (2014)
น่า เสียดายไปนิดที่สมาชิกตำแหน่งมือกลองผู้ก่อตั้งวงอย่าง Case Snedecorได้ตัดสินใจหันหลังให้กับวง แต่ไม่นานทางวง ก็ได้Josh Manuel เข้ามาสานต่อ ส่วน ทางด้านโปรดิวเซอร์ยังคงใช้Kris Crummett คนเดิม โดยมี Scount ดีเจของวงมาร่วมโปรดิวซ์ด้วย (นอกจากนี้ Scoutยังเป็นสมาชิก A Memoria Broodedโดยมีตำแหน่งเป็นมือกลอง)
Issuesถือได้ว่าเป็นวงที่มีเอกลักษณ์ทางด้านภาคดนตรีเป็นอย่างมาก
โดย ภาคดนตรี ของอัลบัม ยังเป็นPost-hardcore ยืนพื้น ผสมผสาน ริฟฟ์กีตาร์7สายและ เสียงแสครช แบบNumetal ดนตรี สังเคราะห์ แบบHip-Hop รวมไปถึงความเป็นเมนสตรีมป๊อปที่เข้าถึงได้ทุกวัย มาได้อย่างลงตัว
และ 12เพลงในอัลบัม รวมInterlude ที่กล่าวถึงนั้นคือผลงาน เต็มๆ ที่ทางวงได้ปล่อยของมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การันตีได้จาก อันดับ1 US Indie และ US Hard Rock (ก่อนหน้านี้ทางวงได้ปล่อยSingle ที่ชื่อว่า "Hooligans" มาตอนกลางๆปี 2013 และน่าเสียดายที่เพลงนี้ไม่อยู่ในอัลบัม)
อยาก ให้ลองจับตาดู นักร้องของวงอย่างTyler Carter และ Michel Bohn นี่อาจเป็นผลงานที่มีส่วนผสมสองขั้วที่ลงตัวที่สุด ชิ้นนึง(ทั้งสองคนเคยอยู่วงเดียวกันมาแล้วทั้ง A Path Less Traveled และWoe,Is Me)
โดยเฉพาะ Tyler Carterนักร้องที่ใช้เมโลดีการร้องแบบR&Bและแรพเข้ามาเพิ่มสีสันให้กับ อัลบัม คงไม่ต้องแปลกใจที่หลายๆวงได้เชิญชวนพ่อหนุ่มคนนี้ไปFeat.กันเกือบทั้งวงการ
ท่าม กลางดนตรีกำลังผุดขึ้นมาแข่งขันกันในวงการดนตรีนอกกระแสของทางฝั่งอเมริกา ที่หลายคนอาจจะพบกับความซ้ำซาก แต่Issuesคือผู้ที่ผุดออกมาจากวังวนของกระแสเหล่านั้น
ตอน นี้พูดได้เต็มปากเลยว่า Issuesได้ก้าวข้ามเงาของWoe, Is Me เข้าไปได้เต็มๆแล้ว และผู้เขียนก็อดไม่ได้ที่จะหวังได้พบเจอพวกเค้าเป็นๆที่Bangkok Thailandของเราเข้าสักวัน
Track By Track
1. "Sad Ghost"
เพลงแรกของอัลบัม ที่เปิดตัวขึ้นมาคล้ายๆเพลงมาร์ช ผนวกกับเสียงกีตาร์หนาๆ พร้อมกับเสียงสครีมของMichelและเสียงคลีนของTyler Carter
เพลงนี้มีความหนักหน่วงในท่วงทำนองแต่ก็มีความนุ่มละมุนในตัวของมันเอง
I'll write a letter to my former self,
Dear sad ghost, why'd you put your heart on the shelf?
2. "Mad at Myself"
คนที่สงสัยและใคร่รู้ว่าR&B กับMetalจะเข้ากันได้ยังไง เพลงนี้มีคำตอบให้คุณ
ด้วยความเป็นR&BผสานกับMetalจ๋าที่มาพร้อมกับจังหวะที่ดิ้นได้
เพลงนี้คือ เพลงที่มีเมโลดีแบบR&Bพอโยกหัวไปมาได้แบบชิลๆ ก่อนที่จะใช้เสียงสครีมคอยเป็นเงา และมีท่อนเบรคดาวน์ในท้ายเพลง
3. "Life of a Nine"
สั้นๆแต่กระชับ
เพลง ที่หนักและเดือดขึ้นมาอีกเราจะได้ยินเสียงกีตาร์เดือดๆผสานกับเสียง คีย์บอร์ดและแสครชและถ้าฟังให้ดีเราจะได้ยินเสียง สครีมของTyler นิดๆ
เพลงนี้พูดถึงสังคมที่เหลวแหลกและการใช้ชีวิต
4. "The Langdon House"
การผสานเสียงคีย์บอร์ดเข้ากับภาคดนตรีอย่างกีตาร์ เบส และกลอง คือจุดเด่นของวงนี้ และเพลงนี้ก็เช่นกัน
จุด เด่นของเพลงนี้คือท่อนฮุคที่ติดหูและการแรพของTylerและเพลงนี้พูดถึงการ ต่อสู้กับพื้นฐานชีวิตและตัวตนของตัวเอง (เพลงนี้มีที่มา มาจากซีรี่ย์ชื่อดัง American Horror Story)
5. "Late"
เพลง จังหวะออกปาร์ตี้นิดหน่อยและติดจังหวะแดนซ์พอประมานผ่านเสียงคลีนของไทเลอร์ ที่ติดกลิ่นR&B โดยเพลงนี้ไส่ความเป็น Nintendo coreเข้ามาผสมจางๆ
6. "Old Dena" (by Scout)
Interlude พักหู จากครึ่งแรก ปล่อยให้DJ Scout ได้ ปล่อยของเต็มๆเพลง (มั่นใจว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากCypress Hillแน่นอน)
และเพลงนี้เป็นเพลงประกอบเกมส์ชื่อดังอย่าง DMC Devil may cryอีกด้วย)
7. "Stingray Affliction"
Singles แรกและMVแรก ของทางอัลบัม และเพลงนี้คือ หมัดเด็ด หมัดนึงของวง
เพลงนี้ใช้ริฟฟ์กีตาร์ ติดหู จังหวะกลางๆพอโยกหัวได้ ผสานกับเสียงแสครชสวยๆ
และ R&B ท่อน บริดจ์ในท้ายเพลงที่เป็นท่อนสรุปถึงการต่อสู้เพื่อหลุดพ้นของตัวเอง
8. "Never Lose Your Flames"
Singleที่สองที่ปล่อยออกมาและเป็นเพลงที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด
จุดเด่นของเพลงนี้คือเสียงคีย์บอร์ดสวยๆเช่นเคย และใช้บีทความเร็วพอสมควร เสียงริทึมกีตาร์สาดๆเหมาะสมกับการเล่นสด
ผสานไปกับเสียง คลีนและสครีมแบบส่งต่อกัน
โดย เนื้อหาเพลงนี้สื่อถึงการให้กำลังใจ ต่อผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นทำอะไรก็ตาม จุดไฟตัวเองให้ลุกโชนขึ้นมา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่าสูญเสียเปลวเพลิงนั้นไป
If you've got the blood, then you've got the heart to win...give yourself a chance”
9. "Personality Cult"
เป็นอีกเพลงที่มำให้นึกถึง ยุค นูเมทัล ที่มีกซาวนด์กีตาร์ หนืดๆ ผนวกไปกับเสียงแสครช ก่อนที่จะค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นไปเรื่อยๆ
เนื้อเพลงพูดถึงการปลุกใจและการเชื่อมั่นในตนเอง
โดยผสานวลีเด็ดๆอย่าง xxx the voice of a generation
I just want to be who I am
10. "Tears on the Runaway, Pt. 2" (featuring Nylo)
เพลงที่ผมคิดว่าเบาและช้าสุดในอัลบัม และได้แม่สาว เสียงสวย Nylo มาFeat.
เพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่ใช้เสียงคลีนของกีตาร์ในอินโทรเพลง ผสานกับเสียงคีย์บอร์ด สวยๆเช่นเคย
โดยเนื้อหาพูดถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองคน
11. "The Settlement"
ต่อจาก พักหูเบาๆในเพลงที่แล้ว เพลงนี้คือเพลงที่หนักและมืดหม่นอีกเพลงหนึ่ง
ที่ผสาน ริฟฟ์กีตาร์และเสียงแสครชที่เซอร์วิสสาวกนูเมทัลเป็นอย่างดี ผสานไปกับท่อนเบรคดาวน์เท่ห์ๆ
12. "Disappear (Remember When)"
เพลงสุดท้ายในอัลบัมและเป็นเพลงที่ใช้เวลานานที่สุดเพลงนี้ใช้ริฟฟ์กีตาร์สวยๆ ผสานกับเสียงคีย์บอร์ด
เช่นเคย และท่อนฮุคสวยๆ(และติดกลิ่นปาร์ตี้นิดๆ)
เพลงนี้พูดถึงพระเจ้า และการเติบโตขึ้น