การเมืองไทยช่วงปี 2521-2528 ต่อให้ทหารมีอำนาจก็ไม่มีความสงบ

กระทู้สนทนา
ประเทศไทยหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้ตั้งรัฐบาลพลเรือนขึ้นปกครองประเทศ รัฐบาลเผด็จการพลเรือนชุดนั้นประกาศผ่านหน้าจอโทรทัศน์ว่าว่าประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงจำเป็นต้องวางแผนให้ประเทศไทยเรียนรู้ระบอบการปกครองนี้ไปก่อนเป็นเวลา 12 ปีแล้วจึงจะคืนอำนาจให้ประชาชน พร้อมกับออกหนังสือพิมพ์ "เจ้าพระยา" ออกมาเป็นกระบอกเสียงรัฐบาลพร้อมกับสอนประชาธิปไตยให้ประชาชนด้วย เพียงไม่กี่เดือน "รัฐบาลหอย" ที่เป็นเผด็จการพลเรือนก็ถูกปฏิวัติซ้ำโดยคณะทหารชุดเดิม พร้อมการปิดฉากของหนังสือพิมพ์ "เจ้าพระยา" ที่ว่าจะเป็นตำราสอนประชาธิปไตยให้กับประชาชนฉบับนั้นไปด้วย

ผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดมาก็คือพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์หนึ่งในแกนนำสำคัญของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ โดยอ้างว่าตัดสินใจขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเองด้วยเหตุผลทนความแตกแยกในประเทศไม่ไหว ท่านได้ชูประโยคเด็ดเพื่อสร้างความสามัคคีในชาติว่า "เราไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว" จากนั้นก็ประกาศว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว

ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเพราะพลเอกเกรียงศักดิ์ได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นเพื่อหวังได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามระบอบการเลือกตั้ง และพรรคชาติประชาธิปไตยของพลเอกเกรียงศักดิ์นี้เองที่ได้สร้างปรากฏการณ์ใช้เงินสดซื้อเสียงอย่างชัดเจนในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดร้อยเอ็ด เขตหนึ่ง วันที่ 9 สิงหาคม 2524 จนได้รับฉายาว่า "โรคร้อยเอ็ด" ซึ่งถูกถือให้เป็นจุดเริ่มต้นของการซื้อเสียง....นี่คือต้นแบบของการซื้อเสียงในวงการเมืองไทย "คนดีที่มาจากการรัฐประหาร"

หลังจากที่พลเอกเกรียงศักดิ์ประกาศลาออกกลางสภาเพราะถูกโจมตีจากการประกาศขึ้นราคาน้ำมันในปี 2523 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ได้รับการผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการหนุนของนายทหารรุ่น จปร.7 นำโดยพันตรีมนูญ(+กิจ ในภายหลัง) รูปขจร, พันตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นต้น ตลอดช่วงปี 2523 -2531 ถึงแม้จะมีรัฐบาลคนดีที่ประกาศตลอดว่า "ผมไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง" ปกครองได้อย่างเหนียวแน่นโดยนักการเมืองอาชีพไม่สามารถจะสร้างความระคายเคืองให้กับท่านได้เลย แต่ตลอดช่วง 8 ปีที่อยู่ในอำนาจประเทศไทยมีการก่อรัฐประหารปี 2524 และ 2528 โดยนายทหารรุ่นจปร.7 "ลูกป๋า" รวมถึงวิกฤตการณ์พลเอกอาทิตย์ กำลังเอกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปราบจปร.7 โดยเฉพาะ แต่กลับกล้าก้าวขึ้นมาแข่งรัศมีด้วยจนต้องถูกปลดหลังเกิดวิกฤตค่าเงินบาทในวันลอยกระทงปี 2527 ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวนของประชาชนทั่วไปที่กลัวว่าจะเกิดการปฏิวัติอีก.....สรุปได้ว่าต่อให้ไม่มีนักการเมืองสกปรกมาเป็นเหตุผล ทหารก็พร้อมจะแย่งอำนาจกันเองอยู่แล้ว ประชาชนมีหน้าที่รอรับความเสี่ยงจากการแย่งอำนาจของ "คนดี" โดยห้ามมีปากเสียงอะไรทั้งสิ้น

ปี 2557.......ต่อให้ปราบเสื้อแดงได้ราบคาบพร้อมกับสถาปนารัฐบาลคนดีศรีรัตนโกสินทร์ได้สำเร็จ ถัดจากนี้อีกไม่นานบรรดา "คนดี" ก็จะวิ่งกันฝุ่นตลบเพื่อแย่งผลตอบแทน และธรรมชาติของการรักษาอำนาจตามวิถีรัฐประหารแล้ว ผู้นำที่กุมอำนาจย่อมต้องเลือกใช้แต่คนใกล้ชิดที่คิดว่าไว้วางใจได้ซึ่งย่อมต้องสร้างความอึดอัดคับแค้นให้กับกลุ่มที่ถูกกีดกันออกนอกวง บ่มเพาะสะสมเป็นการแย่งชิงอำนาจกันในหมู่ผู้ถืออาวุธอีกจนได้ หรือถึงแม้จะพยายามสร้างรัฐบาลพลเรือนขึ้นมาเชิดพร้อมกับปล่อยให้มีการเลือกตั้งโดยการ "ตีกรอบ" การเมืองให้อยู่ในสภาวะควบคุมง่าย สุดท้ายก็จะย้อนกลับไปเกิดวิกฤตเหมือน "รัฐบาลหอย" ของนายธานินทร์อีกจนได้

ดังนั้นต่อให้เหยียบศัตรูต่างขั้วอำนาจในวันนี้จนจมดิน ล้างบางนักการเมืองสกปรกจนสิ้นซาก สุดท้ายคนดีก็จะแย่งอำนาจกันเองโดยมีประชาชนที่ถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพก้มหน้าก้มตารับกรรมกันไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่