รีวิวหนัง the siege เมื่อสังคมไม่สงบทหารและกฎอัยการศึกทำให้บ้านเมืองสงบได้จริงหรือ? แอบสปอย์

กระทู้คำถาม
ก่อนเหตุการณ์ ๑๑ กันยา มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่เล่าถึงการก่อวินาศกรรม เช่น Little Nikita (๑๙๘๘) ว่าถึงครอบครัวสายลับรัสเซียที่ต้องการจะวางมือ Blown Away (๑๙๙๔) ที่เล่าถึงมือวางระเบิดโรคจิต The X-Files (๑๙๙๘) ซีรี่ส์ยอดฮิตที่นำมาสร้างเป็นหนังใหญ่ ที่การวางระเบิดตึกในเมืองใหญ่ Arlington Road (๑๙๙๙) ผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในเมืองที่แสนจะอบอุ่น เหล่านี้เป็นต้น
               The Siege ออกฉายในปี ๑๙๙๘ กระแสหนังค่อนข้างแรงพอสมควร เพราะผู้คนยังไม่ลืมเหตุการณ์ระเบิดอาคารสำนักงานรัฐบาลที่โอกลาโฮม่า ซิตี้ ซึ่งหนังก็วางพล็อตถึงเรื่องการก่อวินาศกรรมในเขตเมืองใหญ่ ที่คล้ายกับเหตุการณ์จริงเข้าพอดิบพอดี เปิดฉากแรกกลางทะเลทราย มีการบุกจับ ชีค อาเหม็ด บิน ทาลาล ผู้นำทางศาสนาของชาวอาหรับโดยใครไม่ต้องบอก เพราะในฉากถัดมา ชีค ที่ว่านี้ก็นั่งสวดมนต์อยู่ในคุก โดยมีนายพลวิลเลี่ยม เดฟเวอโรซ์ (บรูซ วิลลิส) ผบ.ทบ. สหรัฐฯ เดินไปเดินมาอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ตัดมาที่การยึดรถประจำทางใจกลางเมืองบรูคลิน ขณะทำการเจรจาก็เกิดระเบิดขึ้นในรถ เดชะบุญที่เป็นเพียงระเบิดสี แต่นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนว่าระเบิดจริงๆ นั้นจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้
                แอนโธนี่ ฮับบาธ (แดนเซล วอชิงตัน) หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านการก่อการร้ายของ FBI คือผู้รับผิดชอบโดยตรง เขาเริ่มสืบสาวไปจนพบเงื่อนงำอะไรบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวข้องกับใครบางคนที่ กำลังทำอะไรบางอย่างที่ลับสุดยอด ฮับสืบจนไปสะดุดเข้ากับ เอลลิส (แอนเน็ต เบนนิ่ง) CAI สาวที่ปกปิดความจริงอะไรบางอย่างไว้ ฉากเด็ดของหนังฉากหนึ่งคือการวางระเบิดรถเมล์ในย่านกลางเมือง
               การถูกโจมที่อาคารสำนักงานของฮับ คือจุดที่ทำให้สภาความมั่นคงตัดสินใจเด็ดขาดเสนอให้ประธานาธิบดีประกาศกฎอัยการศึก อำนาจการสั่งการตกอยู่ในมือของกองทัพ ตรงนี้เองที่พาให้นึกถึงบางประเทศ ที่เอาทหารเข้ามาปฏิบัติการในเรื่องบางเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่พวกเขาเข้ามาจัดการ

ในโต๊ะประชุม วุฒิสมาชิกคนหนึ่งให้ความเห็นว่า ในเมื่อพวกมันปล่อยหมาออกมากัดเรา เราก็ส่งหมาที่ตัวใหญ่กว่าออกไปจัดการซะก็หมดเรื่อง แต่เขาคงลืมไปว่าในบ้านยังมีเด็กๆ อยู่ด้วย แล้วหากหมามันดุเกินไปล่ะ มันไม่เชื่องเท่าที่คิดล่ะ มันจะไม่มากัดเด็กๆ ของเราหรือ? นั่นคือสิ่งที่ฮับไม่เห็นด้วย และเขาก็พยายามจะเอาปลอกคอมาใส่ให้มันดังเดิม

อันที่จริงมันก็ไม่มีฝ่ายใดผิดฝ่ายใดถูกหรอก เพราะทุกฝ่ายต่างก็มุ่งประโยชน์เพื่อประเทศชาติทั้งสิ้น นายพลวิลเลี่ยมก็ได้เตือนที่ประชุมไปแล้วถึงผลเสียหากให้ทหารเข้ามาเกี่ยว ข้อง แต่ในช่วงเวลาที่สังคมต้องการใครซักคน…ใครก็ได้ที่จะเข้ามาสร้างความอุ่น ใจให้ประชาชน หันไปหันมาก็เจอกองทัพมีอำนาจ มีปืน มีกำลังพล ก็ชี้นิ้วไปที่กองทัพทันที เหมือนบางประเทศที่เรียกร้องหาใครก็ได้ ใครก็ได้ที่จะเข้ามาทำให้บ้านเมืองสงบสุข แต่พอ “ใครก็ได้” คนนั้นเข้ามา ถึงพบความจริงว่า พวกเข้าใจร้อนไปหน่อยที่ดันไปเลือก “ใครก็ได้” คนนั้น

กองทัพใช้วิธีการของกองทัพ ในเมื่อรู้แล้วว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นชาวอาหรับ นายพลวิลเลี่ยมก็เลยสั่งจับชาวอาหรับทุกคนซะเลย โดยไม่สนใจว่าใครเป็นใคร ถ้าอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัย เขาก็อนุญาตให้จับได้ไม่มีเว้น ซึ่งนั่นกลับยิ่งพัดกระพือความเดือดแค้นให้มากขึ้นไปอีก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่