ตามลิ้งล่างไปเลย คัมภีร์ X-Men !!!
X-Men Days of future past Directed by : Bryan Singer
เนื้อหานี้อ้างอิงจากภาพยนตร์และคอมมิคที่เอามาอธิบายได้บางส่วนเท่านั้น นอกนั้นเป็น Credit จากหลายๆเว็บ เพื่อเพิ่มอรรถรสแก่ผู้กระหายภาคต่อไป
หลังจากดูภาค Days of future past จบกันแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนคงฟินกันเป็นแถบ(รวมถึง จขกท.ด้วย >< )
แต่อย่าพึ่งปลื้มปริ่มดีใจกับตอนจบภาคนี้ไป เพราะถ้าเห็น End Credit กันแล้วไม่รู้ว่าใคร จะรู้สึกแค่ว่าภาคหน้าต้องตื่นเต้น
ถ้าแฟนๆ X-Men ที่รู้ว่าเขาคือใครได้เห็นจะช็อกกันเป็นแถบๆ
เพราะเขาคือมิวแทนต์คนแรกของโลก เรียกขานกันในจักรวาลมาร์เวลว่า Apocalypse
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตัวร้ายจริงๆของ X-Men ไม่ใช่ Magneto เลย Magneto เป็นเพียงตัวร้ายที่แสดงเจตนารมณ์แทนเหล่ามิวแทนต์เท่านั้น แต่แรงจูงใจให้เขาร้ายนั้นคือมนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆบางส่วนที่มีอำนาจระดับสูงที่มีความรังเกียจ รวมไปถึงอิจฉาจึงปลุกระดมให้คนทั้วโลกเกลียดชังมิวแทนต์
เช่น วุฒิสมาชิกเคลลี่: ผู้กีดกันมิวแทนต์ทุกวิถีทาง(ในอนิเมชั่นเขามีส่วนในการสร้างเซนทิเนลด้วย), วิลเลียม สไตรเกอร์ (นายทหารและนักวิทยาศาสตร์ผู้มีปมด้อยในใจเรื่องลูกต้องกลายพันธุ์ทั้งๆที่เขาเกลียดชังมิวแทนต์มากพออยู่แล้ว), วอร์เรน เวิร์ธธิงตันที่ 2(พ่อของอาร์คแองเจิล 1 ใน 5 X-Men คนแรกของคอมมิค) ผู้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้การบำบัดกลายพันธุ์เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งเข้าข่ายเชิงว่ามิวแทนต์เป็น"โรคร้าย", และโบลิวาร์ ทราสต์ ผู้ให้กำเนิดเซนทิเนลนั่นเอง
ตัวร้ายจริงๆที่เป็นมิวแทนต์ ผู้ให้กำเนิดความร้ายในใจแม็กนีโต้ คือ เซบาสเตียน ชอว์แห่ง Hellfire Club ใน First Class นั่นเอง
คลายปมปัญหานานับประการ(ตามภาพยนตร์ไม่ใช่คอมมิค) ด้วย
*** แปลว่า ไม่มีสำคัญ เพราะอดีตเปลี่ยนไป
1. ทำไมกรงเล็บวูฟเวอร์รีนกลับมา
-ผกก.ให้คำตอบว่า แม็กนีโต้เป็นผู้ช่วยให้เขากลับมามีกรงเล็บเช่นเดิม ***
2. ทำไมคิตตี้มีพลังย้อนอดีดได้
-คิตตี้ค้นพบพลังว่าสามารถประยุกต์ใช้ ยกระดับพลังตนจนถึงขั้นย้อนเวลากลับไปได้ พัฒนาจนใช้มาจนถึงภาคนี้
3. ทำไมหลายๆคนที่ไม่น่าจะมีพลังแล้วจากการเยียวยาในภาค 3 ถึงกลับมาใช้พลังเต็มรูปแบบได้ในภาคนี้
-ในภาค 3 ต้นเหตุของการเยียวยามาจาก DNA ของ ลีช(Leech เอาไปเซิชดูหน้าตาที่แท้จริงในฉบับคอมมิคนะครับ) เป็นมิวแทนต์ที่มีพลังในการต่อต้านพลังกลายพันธุ์เมื่อถูกสัมผัส(สามารถแตะต้องโร้คได้โดยไม่มีปฏิกิริยาจากพลังของโร้ค) เพียงแต่เป็นมิวแทนต์ระดับกลางๆ ประมาณ Alpha เท่านั้น
จึงไม่แปลกที่แม็กนีโต้โดนปักเข็มเข้าไปครึ่งโหล พลังยังกลับมาใช้ได้ เพราะแม็กนีโต้เป็นมิวแทนต์ระดับสูงครับ พลังของลีชจึงไม่มีผลถาวรกับแม็กนีโต้***
4. ศ.ชาร์ลส ทำไมยังกลับมาได้ในรูปร่างเดิม
-หลังจากจบภาค 3 ไปเรารู้แต่ว่าชาร์ลสยังไม่ตาย เพราะย้ายจิตพริบตาเข้าร่างผู้ป่วยที่ ดร.มอยร่ารักษาอยู่ ทำให้ชาร์ลส์ยังมีชีวิตอยู่และคงทำอะไรบางอย่าง(ให้มิวแทนต์ที่มีพลังทำให้กลับมามีรูปร่างดังเดิม หรือด้วยพลังของตัวเขาเอง)ให้เขากลับมารีเทิร์นใน End Credit ของ The Wolverine ได้ ***
5. ในอนาคต ทำไมไอซ์แมนยังคบกับโร้คส่วนคิตตี้ไปคู่กับโคลอสซัส
-ตามแบบฉบับคอมมิคเป๊ะครับสำหรับคู่โคลอสซัสกับคิตตี้(แต่ใน Alternate Ver. สาว Y เตรียมกรี๊ด เพราะโคลอสซัสเป็นคู่เกย์กับ Northstar *0* ) ส่วนโร้ค ผมว่าภาคหน้ายังไงก็ได้คู่กับแกมบิทครับ
6. ยังมีฟินิกซ์อยู่ในตัวจีนมั้ย?
-มีแน่นอนครับ แต่ไม่ถูกปลุก ด้วย 2 สาเหตุ คือ 1. ไม่ได้รับความกดดันกระตุ้นอย่างรุนแรงจากรอบข้างด้วยสถานการณ์ที่ปกติสุขมาตลอด 2.พลังเธอแก่กล้าขึ้นพอที่จะควบคุมฟินิกซ์ได้ระยะใหญ่
7. เด็กนี่นั่งตักควิกซิลเวอร์คือใคร
- หลายคนบอกว่าสการ์เล็ตวิช แต่
ไม่ใช่สการ์เล็ตวิชแน่นอนครับ เพราะเธอคือ ลอร์น่า หรือ ฉายา โพลาริส น้องนุชสุดท้อง ส่วนสการ์เล็ตวิช จะเป็นฝาแฝดกับแฝดพี่ ควิกซิลเวอร์ เพราะฉะนั้นอายุจะไล่เลี่ยกัน ส่วนตัวเธอจะไปปรากฏในภาค Apocalypse ครับ
(เป็นการที่ Fox ดูเชิงสการ์เล็ตวิชของทางมาร์เวลว่าจะทำออกมาเป็นอย่างไร หลังจาก ควิกซิลเวอร์ของ Fox ออกตัวก่อน)
8. ทำไมมิสทีคถึงเอาตัววูล์ฟเวอร์รีนไปตอนจบ
- ความจริงของเนื้อเรื่องช่วงความจำที่สาบสูญ(อีกและ)ของโลแกนจะไปปรากฏใน sequence ภาคแยกของ The Wolverine ตอน 2 ครับ
(รับทรัพย์ภาคแยกอีกละป๋า)
และเมื่อเราเห็นตอนจบของ DOFP จึงรู้ว่าตัวละครมาครบเครื่องอย่างนี้ ภาคต่อไปต้องเด็ดสุดๆแน่นอน
ปูทางสว่างสู่ Apocalypse
สาวก X-Men ที่เล่นเกม จะชินกับการเจอบอส Apocalypse เพราะโผล่มาให้เล่นเกือบทุกเกมของ X-Men
สาวกคอมมิคต้องเจนจัดในข้อมูลเขาเป็นอย่างดี จะรู้ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเขาไม่ธรรมดาสามัญทั่วไป
Apocalypse *Credit by Marvelthailandfan
ในยุคอียิปต์โบราณ ชาวเผ่าเร่ร่อนได้พบเด็กที่ถูกนำมาทิ้งไว้เพราะร่างของเขานั้นแปลกประหลาดและเป็นสีเทา เขาถูกตั้งชื่อว่า En Sabah Nur หรือ “คนแรก“ เขาถูกสอนว่า ผู้แข็งแรงเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอดได้ในทะเลทรายที่โหดร้าย และนั่นคือประโยคที่เขาใช้ชีวิตตามมาตลอด

ผู้ปรึกษาของฟาโรห์ Rama Tut( Rama Tut จริงๆเป็นพ่อของ Reed Richard จากเรื่อง Fantastic Four ย้อนอดีตมา) ได้จับเผ่าเร่ร่อนมาเป็นทาสและระหว่างการขัดขืน En Sabah Nur ได้รับบาดเจ็บจนตาย แต่เขาได้กลับมามีชีวิตใหม่ด้วยพลังมิวแทนต์ของเขา
เขาได้พบเทคโนโลยีของ Rama Tut ใต้ปิรามิด และใช้มันยึดอำนาจอียิปต์และยืดอายุของเขาเองโดยเข้าไปนอนให้ห้องชุปชีวิต และจับ Ozymandias ผู้ปรึกษาของฟาโรห์มาเป็นทาสของเขา
ในตลอดเวลาที่ผ่านมาApocalypseได้เดินทางไปทั่วโลกและทำให้หลายๆที่นึกว่าเขาคือเทพเจ้า และนับถือเขาเป็นเทพแห่งความตาย
และใน X-Men : Apocalypse(2016) เขาจะกลับมาทวงโลกคืนอีกครั้ง !
แค่นี้ครับ รายละเอียดส่วนตัวของเขา ไม่ต้องสนปลีกย่อยตามคอมมิค เอาแค่คร่าวๆที่ทำให้เรารู้ว่าในหนังจะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่ถ้าสนรายละเอียดในคอมมิค เชิญที่ herosquare เลยครับ มีเกือบทุกตัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ชื่อจริง: En Sabah Nur
ปรากฏตัวครั้งแรก: X-Factor #5 (1986)
สูง: สามารถแปรเปลี่ยนไปได้ แต่ปรกติจะประมาณ 7 ฟุต
น้ำหนัก: สามารถแปรเปลี่ยนไปได้ แต่ปรกติจะประมาณ 300 ปอนด์
สีตา: น้ำเงิน
พลังความสามารถ: มีพลังควบคุมอะตอมของร่างกายตัวเองได้ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงร่างได้ตามปรารถนา สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ภายในพริบตา มีชีวิตเป็นอมตะ รักษาตัวเองได้ สามารถดูดพลังจากแหล่งภายนอกได้ และที่สำคัญก็คือมีสมองที่เฉลียวฉลาดเป็นเยี่ยม ประวัติ ถ้าจะพูดถึง Apocalypse แล้วก็ต้องบอกว่าเขาคือตำนานของมิวแทนเลยก็ว่าได้ เพราะ Apocalypse เป็นมิวแทนคนแรกที่ปรากฏขึ้นบนโลก เรื่องราวของเขาเกิดขึ้นราวเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาลหรือเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ภายใต้ทะเลทรายที่ร้อนระอุอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ปกครองโดยฟาโรห์ Rama-Tut หรืออีกชื่อหนึ่งว่าฟาโรห์ตุตันคาเมน ขณะที่ Baal หัวหน้าเผ่านักรบเร่ร่อน Sandstormers ได้แวะพักที่โอเอซิสแห่งหนึ่งกลางทะเลทราย เขาได้พบเด็กทารกถูกทิ้งอยู่ที่โอเอซิสแห่งนั้น ทารกนี้มีลักษณะแปลกประหลาดที่มีผิวสีเทาและริมฝีปากสีฟ้า Baal เล็งเห็นศักยภาพของเด็กคนนี้จึงตัดสินใจนำเด็กไปเลี้ยงเสมือนลูกของตนเองโดยตั้งชื่อให้เด็กน้อยนี้ว่า En Sabah Nur ซึ่ง Baal พร่ำสอนให้ En Sabah Nur ได้เรียนรู้ว่าคนที่เข้มแข็งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด ความเข้มแข็งอดทนจะทำให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ในทะเลทรายอันแสนโหดร้ายนี้ได้ และความคิดนี้ก็จะยึดติดกับ Apocalypse ตลอดชั่วชีวิตของเขา Apocalypse ต้องเติบโตมาท่ามกลางความโหดร้ายทั้งจากธรรมชาติและจากผู้คนรอบข้างซึ่งหล่อหลอมเขาให้เติบโตมาด้วยหัวใจที่หยาบกระด้าง แต่ Apocalypse ก็สามารถยืนหยัดอยู่รอดในสถานะที่ทารุณโหดร้ายเหล่านี้มาได้ด้วยพลังมิวแทนท์ที่เขามีในตัว
ต่อมาฟาโรห์ตุตันคาเมนซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือนักรบจากจากโลกอนาคตที่เดินทางข้ามเวลามา ได้ส่งกองทัพนำโดยนายพล Ozymandias เข้าบุกโจมตีเผ่า Sandstormers และสังหาร Baal ซึ่ง En Sabah Nur สามารถหนีรอดไปได้และสาบานว่าจะต้องกลับมาล้างแค้นให้ Baal ให้จงได้ หนุ่มน้อย En Sabah Nur ต้องเดินทางไปทั่วตะวันออกกลางเพื่อสั่งสมประสบการณ์และด้วยพลังความสามารถพิเศษของเขาในที่สุดเขาก็สามารถทำลายผู้ปกครองอียิปลงได้ นอกจากนั้นแล้วเขายังได้ Ozymandias มาเป็นลูกน้องคนสนิทของเขาอีกด้วย ตอนนี้เองที่ En Sabah Nur ตั้งชื่อให้กับตัวเองใหม่ว่า Apocalypse ต่อมา Apocalypse ได้ค้นพบเทคโนโลยีลับของต่างดาวที่สามารถเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้โดยวิธีการจำศีล พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นมาจากการจำศีล เขาได้ใช้เทคโนโลยีนี้เพิ่มพลังให้กับตนเองเรื่อยมา โดยมี Ozymandias ดูแลปกครองอาณาจักรและคอยพิทักษ์ร่างของเขาในช่วงที่เขาจำศีล ตลอดช่วงชีวิตอันยาวนานในอดีตกาล Apocalypse ได้เดินทางไปทั่วโลก ทุกคนรู้จักเขากันในฐานะ “เทพเจ้าแห่งความตาย”
พลังของ Apocalype : มีพลังควบคุมอะตอมของร่างกายตัวเองได้ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงร่างได้ตามปรารถนา สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ภายในพริบตา มีชีวิตเป็นอมตะ รักษาตัวเองได้ สามารถดูดพลังจากแหล่งภายนอกได้ และที่สำคัญก็คือมีสมองที่เฉลียวฉลาดเป็นเยี่ยม พลังนอกเหนือจากนี้คือการที่เค้าย้ายไปสิงร่างมิวแทนต์คนอื่นๆ และจะได้พลังนั้นมาใช้ด้วย(จำเป็นต้องย้ายเพื่อมีชีวิตยืนยาวอยูต่อไป*ทายาอสูรดีๆนี่เอง)
ส่วนใน End Credit ของ DOFP เราจะเห็นเงาลางๆ 4 คน นั่นคือ สาวกของ Apocalypse ครับ เราจะเรียกกันว่า Four Horsemen(4 จตุรอาชา)
Four Horsemen(ดั้งเดิม)
เป็นสมญานามที่ Apocalypse จะมอบให้แก่สาวกทั้ง 4 ของเขาเท่านั้น ซึ่งในคอมมิคจะผลัดเปลี่ยนสมาชิกไปตามยุคสมัย หรือตามความพึงพอใจของเจ้าตัว
ต่อจากนี้ *Credit by NoSTaLGIA13
4 จตุรอาชา หรือ 4 Horsemen of the Apocalypse
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ในบท "วิวรณ์ 6" ที่กล่าวถึงวันสิ้นโลก ซึ่งในบทนี้ได้กล่าวถึง
ผนึกทั้ง 7 (Seven Seals) ที่จะถูกปลดออกในวันพิพากษา ซึ่งการปรากฏตัวของ
4 Horsemen ซึ่งการปรากฏตัวจะเป็นลำดับดังนี้
4 จตุรอาชาคนที่ 1 คือ White Horse [Strife] ผู้ขี่ม้าสีขาว หรืออาจเรียกอีกชื่อ
ว่า [Plague] หรือ Pestilent (แล้วแต่คนจะเรียกขาน) ที่แปลว่าโรคระบาดที่ลง
มาสร้างความทุกข์ยากให้มนุษย์อย่างยิ่งยวด
4 จตุรอาชาคนที่ 2 คือ Red Horse [WAR] ผู้ขี่ม้าสีแดง ผู้กำดาบมหึมานั่นก็คือ
War บุรุษผู้ขี่ม้าแดงเพลิงที่พระเจ้าอนุญาติให้เขานำสันติสุขไปจากโลก ซึ่งหมายถึง
สงครามจะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า และผลจากสงครามจะทำให้ประชากรมากถึง 1 ใน 3
ของโลกล้มตายไป แต่การที่ WAR จะถูกเปิดผนึกได้นั้น จำเป็นจะต้องเปิดผนึก อันแรก
ซะก่อน
4 จตุรอาชาคนที่ 3 คือ Black horse [Famine] ผู้ขี่ม้าสีดำ จะใช้ชื่อว่า [Fury]
ที่แปลว่า ความโกรธ ผู้ถือตราชูตัวแทนความอดอยาก ข้าวยากหมากแพง และความ
แห้งแล้ง
4 จตุรอาชาคนที่ 4 คือ Pale horse [Death] ผู้ขี่ม้าสีซีดผู้นำความตายมาสู่มวล
มนุษย์ ซึ่งการมาของ Death นั้นจะทำให้ประชากรโลกตายไปอีก 1 ใน 4 ของที่
เหลืออยู่ ส่วนผนึกหลังจากนี้จะไม่เกี่ยวกับ Horseman แล้ว
*อ่านต่อคอมเมนต์
**X-Men เข้าสู่ปีที่ 51 แล้วนะ!!!
[X-Men] เนื้อหา Days of future past คลายปมกระจ่าง ปูทางสว่างสู่ความมันส์เต็มรูปแบบในภาคต่อไป... Apocalypse !!!
เนื้อหานี้อ้างอิงจากภาพยนตร์และคอมมิคที่เอามาอธิบายได้บางส่วนเท่านั้น นอกนั้นเป็น Credit จากหลายๆเว็บ เพื่อเพิ่มอรรถรสแก่ผู้กระหายภาคต่อไป
หลังจากดูภาค Days of future past จบกันแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนคงฟินกันเป็นแถบ(รวมถึง จขกท.ด้วย >< )
แต่อย่าพึ่งปลื้มปริ่มดีใจกับตอนจบภาคนี้ไป เพราะถ้าเห็น End Credit กันแล้วไม่รู้ว่าใคร จะรู้สึกแค่ว่าภาคหน้าต้องตื่นเต้น
ถ้าแฟนๆ X-Men ที่รู้ว่าเขาคือใครได้เห็นจะช็อกกันเป็นแถบๆ
เพราะเขาคือมิวแทนต์คนแรกของโลก เรียกขานกันในจักรวาลมาร์เวลว่า Apocalypse
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตัวร้ายจริงๆของ X-Men ไม่ใช่ Magneto เลย Magneto เป็นเพียงตัวร้ายที่แสดงเจตนารมณ์แทนเหล่ามิวแทนต์เท่านั้น แต่แรงจูงใจให้เขาร้ายนั้นคือมนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆบางส่วนที่มีอำนาจระดับสูงที่มีความรังเกียจ รวมไปถึงอิจฉาจึงปลุกระดมให้คนทั้วโลกเกลียดชังมิวแทนต์
เช่น วุฒิสมาชิกเคลลี่: ผู้กีดกันมิวแทนต์ทุกวิถีทาง(ในอนิเมชั่นเขามีส่วนในการสร้างเซนทิเนลด้วย), วิลเลียม สไตรเกอร์ (นายทหารและนักวิทยาศาสตร์ผู้มีปมด้อยในใจเรื่องลูกต้องกลายพันธุ์ทั้งๆที่เขาเกลียดชังมิวแทนต์มากพออยู่แล้ว), วอร์เรน เวิร์ธธิงตันที่ 2(พ่อของอาร์คแองเจิล 1 ใน 5 X-Men คนแรกของคอมมิค) ผู้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้การบำบัดกลายพันธุ์เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งเข้าข่ายเชิงว่ามิวแทนต์เป็น"โรคร้าย", และโบลิวาร์ ทราสต์ ผู้ให้กำเนิดเซนทิเนลนั่นเอง
ตัวร้ายจริงๆที่เป็นมิวแทนต์ ผู้ให้กำเนิดความร้ายในใจแม็กนีโต้ คือ เซบาสเตียน ชอว์แห่ง Hellfire Club ใน First Class นั่นเอง
คลายปมปัญหานานับประการ(ตามภาพยนตร์ไม่ใช่คอมมิค) ด้วย*** แปลว่า ไม่มีสำคัญ เพราะอดีตเปลี่ยนไป
1. ทำไมกรงเล็บวูฟเวอร์รีนกลับมา
-ผกก.ให้คำตอบว่า แม็กนีโต้เป็นผู้ช่วยให้เขากลับมามีกรงเล็บเช่นเดิม ***
2. ทำไมคิตตี้มีพลังย้อนอดีดได้
-คิตตี้ค้นพบพลังว่าสามารถประยุกต์ใช้ ยกระดับพลังตนจนถึงขั้นย้อนเวลากลับไปได้ พัฒนาจนใช้มาจนถึงภาคนี้
3. ทำไมหลายๆคนที่ไม่น่าจะมีพลังแล้วจากการเยียวยาในภาค 3 ถึงกลับมาใช้พลังเต็มรูปแบบได้ในภาคนี้
-ในภาค 3 ต้นเหตุของการเยียวยามาจาก DNA ของ ลีช(Leech เอาไปเซิชดูหน้าตาที่แท้จริงในฉบับคอมมิคนะครับ) เป็นมิวแทนต์ที่มีพลังในการต่อต้านพลังกลายพันธุ์เมื่อถูกสัมผัส(สามารถแตะต้องโร้คได้โดยไม่มีปฏิกิริยาจากพลังของโร้ค) เพียงแต่เป็นมิวแทนต์ระดับกลางๆ ประมาณ Alpha เท่านั้น
จึงไม่แปลกที่แม็กนีโต้โดนปักเข็มเข้าไปครึ่งโหล พลังยังกลับมาใช้ได้ เพราะแม็กนีโต้เป็นมิวแทนต์ระดับสูงครับ พลังของลีชจึงไม่มีผลถาวรกับแม็กนีโต้***
4. ศ.ชาร์ลส ทำไมยังกลับมาได้ในรูปร่างเดิม
-หลังจากจบภาค 3 ไปเรารู้แต่ว่าชาร์ลสยังไม่ตาย เพราะย้ายจิตพริบตาเข้าร่างผู้ป่วยที่ ดร.มอยร่ารักษาอยู่ ทำให้ชาร์ลส์ยังมีชีวิตอยู่และคงทำอะไรบางอย่าง(ให้มิวแทนต์ที่มีพลังทำให้กลับมามีรูปร่างดังเดิม หรือด้วยพลังของตัวเขาเอง)ให้เขากลับมารีเทิร์นใน End Credit ของ The Wolverine ได้ ***
5. ในอนาคต ทำไมไอซ์แมนยังคบกับโร้คส่วนคิตตี้ไปคู่กับโคลอสซัส
-ตามแบบฉบับคอมมิคเป๊ะครับสำหรับคู่โคลอสซัสกับคิตตี้(แต่ใน Alternate Ver. สาว Y เตรียมกรี๊ด เพราะโคลอสซัสเป็นคู่เกย์กับ Northstar *0* ) ส่วนโร้ค ผมว่าภาคหน้ายังไงก็ได้คู่กับแกมบิทครับ
6. ยังมีฟินิกซ์อยู่ในตัวจีนมั้ย?
-มีแน่นอนครับ แต่ไม่ถูกปลุก ด้วย 2 สาเหตุ คือ 1. ไม่ได้รับความกดดันกระตุ้นอย่างรุนแรงจากรอบข้างด้วยสถานการณ์ที่ปกติสุขมาตลอด 2.พลังเธอแก่กล้าขึ้นพอที่จะควบคุมฟินิกซ์ได้ระยะใหญ่
7. เด็กนี่นั่งตักควิกซิลเวอร์คือใคร
- หลายคนบอกว่าสการ์เล็ตวิช แต่ไม่ใช่สการ์เล็ตวิชแน่นอนครับ เพราะเธอคือ ลอร์น่า หรือ ฉายา โพลาริส น้องนุชสุดท้อง ส่วนสการ์เล็ตวิช จะเป็นฝาแฝดกับแฝดพี่ ควิกซิลเวอร์ เพราะฉะนั้นอายุจะไล่เลี่ยกัน ส่วนตัวเธอจะไปปรากฏในภาค Apocalypse ครับ
(เป็นการที่ Fox ดูเชิงสการ์เล็ตวิชของทางมาร์เวลว่าจะทำออกมาเป็นอย่างไร หลังจาก ควิกซิลเวอร์ของ Fox ออกตัวก่อน)
8. ทำไมมิสทีคถึงเอาตัววูล์ฟเวอร์รีนไปตอนจบ
- ความจริงของเนื้อเรื่องช่วงความจำที่สาบสูญ(อีกและ)ของโลแกนจะไปปรากฏใน sequence ภาคแยกของ The Wolverine ตอน 2 ครับ
(รับทรัพย์ภาคแยกอีกละป๋า)
และเมื่อเราเห็นตอนจบของ DOFP จึงรู้ว่าตัวละครมาครบเครื่องอย่างนี้ ภาคต่อไปต้องเด็ดสุดๆแน่นอน
ปูทางสว่างสู่ Apocalypse
สาวก X-Men ที่เล่นเกม จะชินกับการเจอบอส Apocalypse เพราะโผล่มาให้เล่นเกือบทุกเกมของ X-Men
สาวกคอมมิคต้องเจนจัดในข้อมูลเขาเป็นอย่างดี จะรู้ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเขาไม่ธรรมดาสามัญทั่วไป
Apocalypse *Credit by Marvelthailandfan
ในยุคอียิปต์โบราณ ชาวเผ่าเร่ร่อนได้พบเด็กที่ถูกนำมาทิ้งไว้เพราะร่างของเขานั้นแปลกประหลาดและเป็นสีเทา เขาถูกตั้งชื่อว่า En Sabah Nur หรือ “คนแรก“ เขาถูกสอนว่า ผู้แข็งแรงเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอดได้ในทะเลทรายที่โหดร้าย และนั่นคือประโยคที่เขาใช้ชีวิตตามมาตลอด
ผู้ปรึกษาของฟาโรห์ Rama Tut( Rama Tut จริงๆเป็นพ่อของ Reed Richard จากเรื่อง Fantastic Four ย้อนอดีตมา) ได้จับเผ่าเร่ร่อนมาเป็นทาสและระหว่างการขัดขืน En Sabah Nur ได้รับบาดเจ็บจนตาย แต่เขาได้กลับมามีชีวิตใหม่ด้วยพลังมิวแทนต์ของเขา
เขาได้พบเทคโนโลยีของ Rama Tut ใต้ปิรามิด และใช้มันยึดอำนาจอียิปต์และยืดอายุของเขาเองโดยเข้าไปนอนให้ห้องชุปชีวิต และจับ Ozymandias ผู้ปรึกษาของฟาโรห์มาเป็นทาสของเขา
ในตลอดเวลาที่ผ่านมาApocalypseได้เดินทางไปทั่วโลกและทำให้หลายๆที่นึกว่าเขาคือเทพเจ้า และนับถือเขาเป็นเทพแห่งความตาย
และใน X-Men : Apocalypse(2016) เขาจะกลับมาทวงโลกคืนอีกครั้ง !
แค่นี้ครับ รายละเอียดส่วนตัวของเขา ไม่ต้องสนปลีกย่อยตามคอมมิค เอาแค่คร่าวๆที่ทำให้เรารู้ว่าในหนังจะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่ถ้าสนรายละเอียดในคอมมิค เชิญที่ herosquare เลยครับ มีเกือบทุกตัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พลังของ Apocalype : มีพลังควบคุมอะตอมของร่างกายตัวเองได้ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงร่างได้ตามปรารถนา สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ภายในพริบตา มีชีวิตเป็นอมตะ รักษาตัวเองได้ สามารถดูดพลังจากแหล่งภายนอกได้ และที่สำคัญก็คือมีสมองที่เฉลียวฉลาดเป็นเยี่ยม พลังนอกเหนือจากนี้คือการที่เค้าย้ายไปสิงร่างมิวแทนต์คนอื่นๆ และจะได้พลังนั้นมาใช้ด้วย(จำเป็นต้องย้ายเพื่อมีชีวิตยืนยาวอยูต่อไป*ทายาอสูรดีๆนี่เอง)
ส่วนใน End Credit ของ DOFP เราจะเห็นเงาลางๆ 4 คน นั่นคือ สาวกของ Apocalypse ครับ เราจะเรียกกันว่า Four Horsemen(4 จตุรอาชา)
Four Horsemen(ดั้งเดิม)
เป็นสมญานามที่ Apocalypse จะมอบให้แก่สาวกทั้ง 4 ของเขาเท่านั้น ซึ่งในคอมมิคจะผลัดเปลี่ยนสมาชิกไปตามยุคสมัย หรือตามความพึงพอใจของเจ้าตัว
ต่อจากนี้ *Credit by NoSTaLGIA13
4 จตุรอาชา หรือ 4 Horsemen of the Apocalypse
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ในบท "วิวรณ์ 6" ที่กล่าวถึงวันสิ้นโลก ซึ่งในบทนี้ได้กล่าวถึง
ผนึกทั้ง 7 (Seven Seals) ที่จะถูกปลดออกในวันพิพากษา ซึ่งการปรากฏตัวของ
4 Horsemen ซึ่งการปรากฏตัวจะเป็นลำดับดังนี้
4 จตุรอาชาคนที่ 1 คือ White Horse [Strife] ผู้ขี่ม้าสีขาว หรืออาจเรียกอีกชื่อ
ว่า [Plague] หรือ Pestilent (แล้วแต่คนจะเรียกขาน) ที่แปลว่าโรคระบาดที่ลง
มาสร้างความทุกข์ยากให้มนุษย์อย่างยิ่งยวด
4 จตุรอาชาคนที่ 2 คือ Red Horse [WAR] ผู้ขี่ม้าสีแดง ผู้กำดาบมหึมานั่นก็คือ
War บุรุษผู้ขี่ม้าแดงเพลิงที่พระเจ้าอนุญาติให้เขานำสันติสุขไปจากโลก ซึ่งหมายถึง
สงครามจะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า และผลจากสงครามจะทำให้ประชากรมากถึง 1 ใน 3
ของโลกล้มตายไป แต่การที่ WAR จะถูกเปิดผนึกได้นั้น จำเป็นจะต้องเปิดผนึก อันแรก
ซะก่อน
4 จตุรอาชาคนที่ 3 คือ Black horse [Famine] ผู้ขี่ม้าสีดำ จะใช้ชื่อว่า [Fury]
ที่แปลว่า ความโกรธ ผู้ถือตราชูตัวแทนความอดอยาก ข้าวยากหมากแพง และความ
แห้งแล้ง
4 จตุรอาชาคนที่ 4 คือ Pale horse [Death] ผู้ขี่ม้าสีซีดผู้นำความตายมาสู่มวล
มนุษย์ ซึ่งการมาของ Death นั้นจะทำให้ประชากรโลกตายไปอีก 1 ใน 4 ของที่
เหลืออยู่ ส่วนผนึกหลังจากนี้จะไม่เกี่ยวกับ Horseman แล้ว
*อ่านต่อคอมเมนต์
**X-Men เข้าสู่ปีที่ 51 แล้วนะ!!!