นี้เป็นการวิแคะแบบชาวบ้าน พวกโลกสวยอ่านแล้วก็กองทิ้งไว้เลยนะครับ อย่าถือสาคนบ้านนอกอย่างผม ส่วนพวกโลกแคบ(กะลากับปลากระป๋องของสุเทพ) กรุณาอย่าด่ากันด้วยคำสุภาพ คริ คริ
ในที่สุดเราก็ได้รับรู้กันแล้วนะครับว่า ประเทศทุยเราเข้าสู่กลียุคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุแห่งการประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือชาวโลกเขาใช้ศัพท์ว่า Martial Law ชนิดที่ว่า ประกาศมันครอบคลุมทุกหย่อมหญ้า โดยเลือกเวลาที่ชาวบ้านปกติเขาหลับไหลกันหมดแล้ว ประเภทที่มีหลายๆคนพูดเหน็บว่า กฎอัยการศึกฉบับลักหลับ แต่ไม่เป็นไร แล้วแต่สะดวกจะประกาศล่ะกัน ทีนี้ มาว่ากันถึง ประเด็นที่มีการถกเถียง วิจารณ์ วิแคะ กันออกมาแบบหลากหลาย มากมายความเห็น บ้างก็บอกเป็นการหาทางลงให้ กปปส. บ้างก็ว่า เป็นการหาทางออกให้ประเทศ พวกแบ่งฝักฝ่าย อีกฝ่ายหนึ่งก็บอก เป็นผลดีแก่อีกฝ่าย บ้างล่ะ ส่วนจริงๆจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ฝ่ายไหน สีไหน ก็แล้วแต่จะขีดเขียนหรือ คิดกันไป
ไม่มีใครจะหยั่งรู้ว่า จริงๆแล้ว ผบ.ทบ.ท่านคิดจะทำอะไรต่อจากนี้ไป หรือ มีแผนอะไรอยู่ในใจของท่าน
แต่จากอดีตถึงปัจจุบัน เท่าที่ผมพอจะจำได้หมายรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศทุย กับการที่มีทหารหาญต้องมีเหตุมาข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมืองของประเทศ จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม สุดท้าย พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เคยเลยจริงๆที่จะจริงใจในการรับใช้ประชาชน ในอันที่จะตั้งใจมาช่วยพยุง ช่วยประคับประคองประชาธิปไตยของชาติที่ดูจะอ่อนเปลี้ยเป็นสาละวันเตี้ยลงๆทุกวัน กลับพบแต่พวกที่มาเกาะแกะ แทะเล็ม ทำลาย ทำร้ายประชาธิปไตย ที่ปากตัวเองพร่ำบอกเสมอๆว่ารักว่าเทิดทูนนั่นแหละ อย่าลืมว่า ระบอบประชาธิปไตยของไทยเรานั้น ที่มันต้วมเตี้ยมๆอยู่ทุกวันนี้ ทั้งหมดนั้น มาจากอำนาจและปากกระบอกปืนของพวกนี้ทั้งนั้นที่เหยียบย่ำ ทำลายมาเรื่อยๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว ทหารก็คือข้าราชการธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งต้องมีผู้บังคับบัญชาหรือต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาตามสายงาน ไม่ใช่พวกที่ดูอวดเบ่ง ใหญ่คับฟ้า ชนิดที่ผู้บังคับบัญชาต้องแทบคลานเข้าหา เช่นในอดีตที่มักพบเห็นเสมอ
ผมเห็นการเข้ามาครั้งนี้ของ ผบ.ทบ.แบบคนมีความหวังเรืองรอง ที่พบแสงสว่างที่ปลายทาง ความหวังที่ว่าคือ ต้องการเห็นการเข้ามาแบบชายชาติทหารที่ต้องการช่วยพยุง ประคับประคองระบอบประชาธิปไตยที่คราวนี้ไม่ใช่แค่ต้วมเตี้ยมแล้วล่ะ มันถูกตีจนหลังหักไปแล้ว ให้มันสามารถไปต่อแบบที่ปวงประชาทั้งหลายจะแสดงพลังเอง เหมือนที่นานาประเทศเขาเป็นอยู่ ให้ทุกอย่างมันเริ่มที่คำว่า ปวงประชาเป็นใหญ่ ไม่ใช่ให้คนแค่หยิบมือ มานำพามันไป ผมอาจจะดูโลกสวยไปหน่อยในแรกเห็น
ครั้นพอได้รับฟัง รับรู้ ประกาศ กอ.รส.มาจนถึงฉบับที่ ๙ เท่านั้นแหละ โลกสวยผม กลับกลายเป็นบิดเบี้ยวไปซะนี่ เพราะยิ่งรับรู้ มันเหมือนกับว่า เสรีภาพมันตีบตัน คุณๆก็รู้ว่า ประชาธิปไตยน่ะ มันมาพร้อมกับคำว่า เสรีภาพ และเสรีภาพน่ะ มันก็คือ ทั้งการคิด การพูด การแสดงออก (ในทางที่ไม่เป็นการริดรอนต่อคนอื่นนะครับ อันนี้ เผื่อพวก กปปส.ไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะดราม่า) ในความหวังเรืองรองแต่แรก ตอนนี้ เริ่มริบหรี่ลง แต่ผมก็ยังหวังอยู่ว่า ท่านจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาว มานำพาพวกเราเจ้าของประเทศไทย (ไม่ใช่ทุยแล้วตอนนี้) ไปสู่การเลือกผู้นำ ย้ำว่า ไม่ใช่เลือกนาย ซึ่งประชาชนไม่ชอบระบบเลือกนาย ขอเป็นผู้นำดีกว่า ตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนใครจะปฏิรูปอะไรก็ไปเริ่มในสภา เพราะผมเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา (ใครคนหนึ่งเคยพูดไว้ แต่เขาทำไม่ได้)
ไม่ว่าท่าน จะคิด จะทำอะไรในตอนนี้และต่อไป ผมก็ยังหวังว่า ท่านจะเป็นทหารเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ลงมาจัดการเรื่องยุ่งให้หายได้ ลงมาช่วยพยุง ประคับประคองระบอบประชาธิปไตย ให้เดินหน้าไปอย่างน่าสรรเสริญ และเมื่อใดประชาธิปไตยเบ่งบาน ปวงประชาเป็นใหญ่ พวกเขาเหล่านั้น จะคิดถึงท่าน และมีท่านอยู่ในใจแบบที่ไม่เคยมีใครมาทดแทนได้ แล้วพวกเขาก็จะมอบความไว้วางใจแด่ท่านได้ทุกเมื่อที่ท่านต้องการ นั้นคือ ถนนสายการเมือง ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังครับผม
เมื่อทหารออกมา............ผมเริ่มมีความหวังที่เรืองรอง และริบหรี่
ในที่สุดเราก็ได้รับรู้กันแล้วนะครับว่า ประเทศทุยเราเข้าสู่กลียุคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุแห่งการประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือชาวโลกเขาใช้ศัพท์ว่า Martial Law ชนิดที่ว่า ประกาศมันครอบคลุมทุกหย่อมหญ้า โดยเลือกเวลาที่ชาวบ้านปกติเขาหลับไหลกันหมดแล้ว ประเภทที่มีหลายๆคนพูดเหน็บว่า กฎอัยการศึกฉบับลักหลับ แต่ไม่เป็นไร แล้วแต่สะดวกจะประกาศล่ะกัน ทีนี้ มาว่ากันถึง ประเด็นที่มีการถกเถียง วิจารณ์ วิแคะ กันออกมาแบบหลากหลาย มากมายความเห็น บ้างก็บอกเป็นการหาทางลงให้ กปปส. บ้างก็ว่า เป็นการหาทางออกให้ประเทศ พวกแบ่งฝักฝ่าย อีกฝ่ายหนึ่งก็บอก เป็นผลดีแก่อีกฝ่าย บ้างล่ะ ส่วนจริงๆจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ฝ่ายไหน สีไหน ก็แล้วแต่จะขีดเขียนหรือ คิดกันไป
ไม่มีใครจะหยั่งรู้ว่า จริงๆแล้ว ผบ.ทบ.ท่านคิดจะทำอะไรต่อจากนี้ไป หรือ มีแผนอะไรอยู่ในใจของท่าน
แต่จากอดีตถึงปัจจุบัน เท่าที่ผมพอจะจำได้หมายรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศทุย กับการที่มีทหารหาญต้องมีเหตุมาข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมืองของประเทศ จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม สุดท้าย พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เคยเลยจริงๆที่จะจริงใจในการรับใช้ประชาชน ในอันที่จะตั้งใจมาช่วยพยุง ช่วยประคับประคองประชาธิปไตยของชาติที่ดูจะอ่อนเปลี้ยเป็นสาละวันเตี้ยลงๆทุกวัน กลับพบแต่พวกที่มาเกาะแกะ แทะเล็ม ทำลาย ทำร้ายประชาธิปไตย ที่ปากตัวเองพร่ำบอกเสมอๆว่ารักว่าเทิดทูนนั่นแหละ อย่าลืมว่า ระบอบประชาธิปไตยของไทยเรานั้น ที่มันต้วมเตี้ยมๆอยู่ทุกวันนี้ ทั้งหมดนั้น มาจากอำนาจและปากกระบอกปืนของพวกนี้ทั้งนั้นที่เหยียบย่ำ ทำลายมาเรื่อยๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว ทหารก็คือข้าราชการธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งต้องมีผู้บังคับบัญชาหรือต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาตามสายงาน ไม่ใช่พวกที่ดูอวดเบ่ง ใหญ่คับฟ้า ชนิดที่ผู้บังคับบัญชาต้องแทบคลานเข้าหา เช่นในอดีตที่มักพบเห็นเสมอ
ผมเห็นการเข้ามาครั้งนี้ของ ผบ.ทบ.แบบคนมีความหวังเรืองรอง ที่พบแสงสว่างที่ปลายทาง ความหวังที่ว่าคือ ต้องการเห็นการเข้ามาแบบชายชาติทหารที่ต้องการช่วยพยุง ประคับประคองระบอบประชาธิปไตยที่คราวนี้ไม่ใช่แค่ต้วมเตี้ยมแล้วล่ะ มันถูกตีจนหลังหักไปแล้ว ให้มันสามารถไปต่อแบบที่ปวงประชาทั้งหลายจะแสดงพลังเอง เหมือนที่นานาประเทศเขาเป็นอยู่ ให้ทุกอย่างมันเริ่มที่คำว่า ปวงประชาเป็นใหญ่ ไม่ใช่ให้คนแค่หยิบมือ มานำพามันไป ผมอาจจะดูโลกสวยไปหน่อยในแรกเห็น
ครั้นพอได้รับฟัง รับรู้ ประกาศ กอ.รส.มาจนถึงฉบับที่ ๙ เท่านั้นแหละ โลกสวยผม กลับกลายเป็นบิดเบี้ยวไปซะนี่ เพราะยิ่งรับรู้ มันเหมือนกับว่า เสรีภาพมันตีบตัน คุณๆก็รู้ว่า ประชาธิปไตยน่ะ มันมาพร้อมกับคำว่า เสรีภาพ และเสรีภาพน่ะ มันก็คือ ทั้งการคิด การพูด การแสดงออก (ในทางที่ไม่เป็นการริดรอนต่อคนอื่นนะครับ อันนี้ เผื่อพวก กปปส.ไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะดราม่า) ในความหวังเรืองรองแต่แรก ตอนนี้ เริ่มริบหรี่ลง แต่ผมก็ยังหวังอยู่ว่า ท่านจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาว มานำพาพวกเราเจ้าของประเทศไทย (ไม่ใช่ทุยแล้วตอนนี้) ไปสู่การเลือกผู้นำ ย้ำว่า ไม่ใช่เลือกนาย ซึ่งประชาชนไม่ชอบระบบเลือกนาย ขอเป็นผู้นำดีกว่า ตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนใครจะปฏิรูปอะไรก็ไปเริ่มในสภา เพราะผมเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา (ใครคนหนึ่งเคยพูดไว้ แต่เขาทำไม่ได้)
ไม่ว่าท่าน จะคิด จะทำอะไรในตอนนี้และต่อไป ผมก็ยังหวังว่า ท่านจะเป็นทหารเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ลงมาจัดการเรื่องยุ่งให้หายได้ ลงมาช่วยพยุง ประคับประคองระบอบประชาธิปไตย ให้เดินหน้าไปอย่างน่าสรรเสริญ และเมื่อใดประชาธิปไตยเบ่งบาน ปวงประชาเป็นใหญ่ พวกเขาเหล่านั้น จะคิดถึงท่าน และมีท่านอยู่ในใจแบบที่ไม่เคยมีใครมาทดแทนได้ แล้วพวกเขาก็จะมอบความไว้วางใจแด่ท่านได้ทุกเมื่อที่ท่านต้องการ นั้นคือ ถนนสายการเมือง ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังครับผม