คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 21
เมื่อซักสามสี่ปีที่แล้ว ผมทำงานอยู่อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ พึ่งมาอยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน
ช่วงนั้นมีงานสวดส่งวิญญาณที่ปรางค์ศรีเทพ ซึ่งมีทุกปี ช่วงเดือนเมษายน(ถ้าจำไม่ผิด)ไม่ได้เป็นงานใหญ่แต่รู้กันแบบปากต่อปาก
วันนั้นมีคนที่ทำงานชวนผมไปสวดด้วย นั่งสมาธิด้วย เริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงเช้ามืด มีสวดบทสวดมนต์ต่างๆ แล้วก็นั่งสมาธิต่อ
เนื่องจากไม่เคยไป อยากรู้อยากเห้น ก็เลยไปด้วย โดยชวนเพื่อนที่ทำงานมาด้วย 1 คน
แต่พอเอาเข้าจริง ตอนเย็นเลิกงานเค้าไม่ไปด้วย เค้าบอกว่าปวดหัว ไหนๆก็ไหนๆ ไปคนเดียวก็ได้วะ
ผมขับรถออกไปจากที่ทำงานช่วงประมาณหกโมงกว่า โพ้ลเพล้แล้ว ก็ขับรถกระบะไป อารมณ์ขนลุกนิดๆ แต่เรียนวิทย์มา ไม่ค่อยเชื่อเซ้นตัวเองเท่าไหร่
พร้อมกับมองกระจกหลังแล้วก็นึกว่าถ้ามีตัวอะไรโผล่มากระบะหลังทำยังไง หรือแม้แต่มานั่งแคปด้วยเราจะทำไง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนกระทั่งขับรถไปถึงทางเข้าอุทยานมีคอกม้าอยู่ด้วย ผมเดินลงเพื่อจะถามว่างานเค้ามีกันตรงไหน แต่เดินลงไปแล้วไม่พบใคร
พบแค่โทรทัศน์และไฟเปิดอยู่ เลยเดินกลับมาขึ้นรถ ขับไปเรื่อยๆจนเจอยาม เลยจอดถาม
ผม : เค้ามีสวดกันตรงไหนครับ ผมจะมาสวด
ยาม : (บอกทางพร้อมชี้ไปด้วย)
ผม : ขอบคุณครับ (กำลังจะปิดกระจก ขับรถออก)
ยาม : มากี่คนละ.....
ผม : มาคนเดียวนิ (พร้อมด้วยอารมณ์งงๆ แต่ไม่ได้คิดอะไร)
ยาม : อ่อ เชิญครับๆ
เมื่อขับไปจนถึงปรางค์แล้วก็มีไฟนีออนอยู่ไม่กี่ดวง พร้อมกับคนนุ่งขาวห่มขาว นั่งสวดมนต์กัน โดยมีพระสงฆ์นั่งสวดอยู่ด้วยตรงกลาง
บรรยากาศมีลมพัดเย็นๆยะเยือก แต่ดวยความที่ผมปวดหลัง นั่งกับพื้นนานๆโดยไม่มีพนักพิงหลังไม่ได้ เลยอยู่ด้วยซักพัก แล้วขับรถกลับ
โดยขับออกมาอีกทางหนึ่ง ระหว่างทางขับกลับมืดมาก มืดขนาดที่ไฟหน้ารถส่องไฟไปก็เหมือนไม่เห็นอะไร
ด้วยความใจเย็น ขับไปเรื่อยๆจนพบประตูทางออก ลดกระจกลง พูดกับพี่ยาม
ยาม : กลับแล้วหรอครับ ยังไม่จบเลยนิ
ผม : กลับแล้วครับ นั่งนานไม่ได้ ปวดหลัง
ยาม : มากี่คนครับ อีกคนยังไม่กลับหรอ
ผม : ไม่นิครับ ผมมาคนเดียว
ยาม : อ่าวหรอ เห็คนที่คอกม้าบอกเดินมากันสองสามคนนิ เค้าอยู่ในห้องน้ำ เดินออกมาก็ไม่ทันคุณแล้ว
ผม : .......ไม่นิ มาคนเดียว (แล้วก็ขับรถกลับออกไป ไม่คิดอะไรมาก เพราะปกติก็ไม่ค่อยกลัวอยู่แล้ว)
ขับกลับมาก็ไม่มีอะไร มาถึงที่ทำงานเซ็นชื่อเข้า อาบน้ำนอนไม่มีอะไรผิดปกติ
ตอนเช้ามาคุยกับคนที่ชวนไป และเป็นคนพื้นที่แถวๆนั้น (ชวนไปกันหลายคน คุยหลายรอบ)
ปรากฏว่าเค้าเล่าให้ฟังว่า หลังจากผมขับรรถออกจากที่ทำงาน หมาหอนไล่ตามรถไปเลย ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีหมาเลย
เป็นที่ราบๆ ปลูกอ้อยเตี้ยๆ เตี้ยกว่าตัวหมา ยังไงก็ต้องเห็น
แล้วยังเล่าอีกว่าคนที่คอกม้า เห็นเราเดินลงมากับอีกคนซึ่งเห็นไม่ชัด แต่เป็นผู้ชาย ผิวคล้ำๆ ยามที่ประตูก็เห็นคนนั่งรถมาด้วย
แต่ไม่ได้นั่งท้ายกระบะนะครับ นั่งในเก๋งเลย เค้าก็วิทยุคุยกับยามทางออก ยามทางออกถึงได้ถามว่าอีกคนไม่กลับด้วยหรอ เพราะไม่เห็นแล้ว
ความรู้สึกตอนนั้นปะปนกันอย่างบอกไม่ถูก พอจะรู้ว่าสิ่งที่มาด้วยนั้นเป็นคนที่เคยถูกไฟดูดตายในที่ทำงานเมื่อซักปี สองปีที่แล้วก่อนผมมาทำงานที่นี่
ดีใจที่เราพาเค้าไปงานสวดด้วย เค้าจะได้ไปสู่สุขคติเสียที อีกใจก็เสียวสันหลังเล็กๆ ว่า...กุเจอเข้าแล้ว....
ช่วงนั้นมีงานสวดส่งวิญญาณที่ปรางค์ศรีเทพ ซึ่งมีทุกปี ช่วงเดือนเมษายน(ถ้าจำไม่ผิด)ไม่ได้เป็นงานใหญ่แต่รู้กันแบบปากต่อปาก
วันนั้นมีคนที่ทำงานชวนผมไปสวดด้วย นั่งสมาธิด้วย เริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงเช้ามืด มีสวดบทสวดมนต์ต่างๆ แล้วก็นั่งสมาธิต่อ
เนื่องจากไม่เคยไป อยากรู้อยากเห้น ก็เลยไปด้วย โดยชวนเพื่อนที่ทำงานมาด้วย 1 คน
แต่พอเอาเข้าจริง ตอนเย็นเลิกงานเค้าไม่ไปด้วย เค้าบอกว่าปวดหัว ไหนๆก็ไหนๆ ไปคนเดียวก็ได้วะ
ผมขับรถออกไปจากที่ทำงานช่วงประมาณหกโมงกว่า โพ้ลเพล้แล้ว ก็ขับรถกระบะไป อารมณ์ขนลุกนิดๆ แต่เรียนวิทย์มา ไม่ค่อยเชื่อเซ้นตัวเองเท่าไหร่
พร้อมกับมองกระจกหลังแล้วก็นึกว่าถ้ามีตัวอะไรโผล่มากระบะหลังทำยังไง หรือแม้แต่มานั่งแคปด้วยเราจะทำไง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนกระทั่งขับรถไปถึงทางเข้าอุทยานมีคอกม้าอยู่ด้วย ผมเดินลงเพื่อจะถามว่างานเค้ามีกันตรงไหน แต่เดินลงไปแล้วไม่พบใคร
พบแค่โทรทัศน์และไฟเปิดอยู่ เลยเดินกลับมาขึ้นรถ ขับไปเรื่อยๆจนเจอยาม เลยจอดถาม
ผม : เค้ามีสวดกันตรงไหนครับ ผมจะมาสวด
ยาม : (บอกทางพร้อมชี้ไปด้วย)
ผม : ขอบคุณครับ (กำลังจะปิดกระจก ขับรถออก)
ยาม : มากี่คนละ.....
ผม : มาคนเดียวนิ (พร้อมด้วยอารมณ์งงๆ แต่ไม่ได้คิดอะไร)
ยาม : อ่อ เชิญครับๆ
เมื่อขับไปจนถึงปรางค์แล้วก็มีไฟนีออนอยู่ไม่กี่ดวง พร้อมกับคนนุ่งขาวห่มขาว นั่งสวดมนต์กัน โดยมีพระสงฆ์นั่งสวดอยู่ด้วยตรงกลาง
บรรยากาศมีลมพัดเย็นๆยะเยือก แต่ดวยความที่ผมปวดหลัง นั่งกับพื้นนานๆโดยไม่มีพนักพิงหลังไม่ได้ เลยอยู่ด้วยซักพัก แล้วขับรถกลับ
โดยขับออกมาอีกทางหนึ่ง ระหว่างทางขับกลับมืดมาก มืดขนาดที่ไฟหน้ารถส่องไฟไปก็เหมือนไม่เห็นอะไร
ด้วยความใจเย็น ขับไปเรื่อยๆจนพบประตูทางออก ลดกระจกลง พูดกับพี่ยาม
ยาม : กลับแล้วหรอครับ ยังไม่จบเลยนิ
ผม : กลับแล้วครับ นั่งนานไม่ได้ ปวดหลัง
ยาม : มากี่คนครับ อีกคนยังไม่กลับหรอ
ผม : ไม่นิครับ ผมมาคนเดียว
ยาม : อ่าวหรอ เห็คนที่คอกม้าบอกเดินมากันสองสามคนนิ เค้าอยู่ในห้องน้ำ เดินออกมาก็ไม่ทันคุณแล้ว
ผม : .......ไม่นิ มาคนเดียว (แล้วก็ขับรถกลับออกไป ไม่คิดอะไรมาก เพราะปกติก็ไม่ค่อยกลัวอยู่แล้ว)
ขับกลับมาก็ไม่มีอะไร มาถึงที่ทำงานเซ็นชื่อเข้า อาบน้ำนอนไม่มีอะไรผิดปกติ
ตอนเช้ามาคุยกับคนที่ชวนไป และเป็นคนพื้นที่แถวๆนั้น (ชวนไปกันหลายคน คุยหลายรอบ)
ปรากฏว่าเค้าเล่าให้ฟังว่า หลังจากผมขับรรถออกจากที่ทำงาน หมาหอนไล่ตามรถไปเลย ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีหมาเลย
เป็นที่ราบๆ ปลูกอ้อยเตี้ยๆ เตี้ยกว่าตัวหมา ยังไงก็ต้องเห็น
แล้วยังเล่าอีกว่าคนที่คอกม้า เห็นเราเดินลงมากับอีกคนซึ่งเห็นไม่ชัด แต่เป็นผู้ชาย ผิวคล้ำๆ ยามที่ประตูก็เห็นคนนั่งรถมาด้วย
แต่ไม่ได้นั่งท้ายกระบะนะครับ นั่งในเก๋งเลย เค้าก็วิทยุคุยกับยามทางออก ยามทางออกถึงได้ถามว่าอีกคนไม่กลับด้วยหรอ เพราะไม่เห็นแล้ว
ความรู้สึกตอนนั้นปะปนกันอย่างบอกไม่ถูก พอจะรู้ว่าสิ่งที่มาด้วยนั้นเป็นคนที่เคยถูกไฟดูดตายในที่ทำงานเมื่อซักปี สองปีที่แล้วก่อนผมมาทำงานที่นี่
ดีใจที่เราพาเค้าไปงานสวดด้วย เค้าจะได้ไปสู่สุขคติเสียที อีกใจก็เสียวสันหลังเล็กๆ ว่า...กุเจอเข้าแล้ว....
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
เคยเจอเรื่องสยองขวัญแบบจำได้ติดตา 2 ครั้งในชีวิต ...ครั้งแรกตอนปั่นจักรยาน ครั้งที่สอง ตอนขับรถ
ปั่นจักรยานกลางคืน...
ตอนนั้นน่าจะเรียนซักม.ต้น ใช้จักรยานเฟสสันเป็นพาหนะ ...คืนนั้นประมาณ 2 ทุ่มญาติผู้น้องมาเล่นที่บ้าน เราเลยต้องปั่นจักรยานไปส่งที่บ้าน เพราะจะให้วิ่งกลับไปน้องก้อไม่กล้า ที่ดินบ้านเราติดกันแต่พื้นที่ค่อนข้างกว้าง เส้นทางในการเดินทางคือ ทางที่เป็นรอยจากล้อมอไซค์+จักรยาน ผ่านสวนและป่าหญ้าคา จากบ้านเรากำลังเข้าเขตบ้านญาตินั้นเป็นป่าหญ้าคาขึ้นสูงพอปั่นมาเจอทางล้อรถแคบๆ บวกลงเนินต่างระดับนิดหน่อยน่าหวาดเสียวเราก้อส่งเสียงเอะอะดังกันใหญ่ ทันใดนั้นก้อมีแสงกลมๆสีเขียวดวงใหญ่ประมาณจานข้าวแต่ส่งแสงเขียวเรืองรองลอยตัดหน้ารถเราไป มาจากด้านขวามือข้ามไปตกในป่าหญ้าคาสูง1เมตรทางซ้ายมือ เสียงดัง แซ๊กกกก เราหันไปมองตามแสงและเสียง ด้วยความมืดเลยมองไม่เห็นอะไรมากนักบวกความเร็วในการปั่นจักรยานตอนนั้นเลยไม่ได้เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่างมากนัก งงๆนิดๆว่ามันคืออะไร แต่ก้อปั่นไปอีก 70 เมตรก้อถึงบ้านน้อง ขากลับเราปั่นคนเดียวเลยไปเส้นทางถนนดีกว่าไกลกว่าหน่อยแต่ไม่มืดเท่าทางหลังบ้าน ....
เช้าวันถัดมา เรามาเล่นบ้านน้องก้อคุยกันเรื่องเมื่อคืนว่าเห็นอะไรไหมเมื่อคืน ...น้องก้อบอกว่าเห็นแสงสีเขียว ตอนนั้นน้องกลัวมากแต่ไม่ได้พูดอะไรปิดตามาตลอดทาง(ซ้อนท้ายเรา)จนถึงบ้าน ...เราก้อวิเคราะห์กันตามประสาเด็กว่าคืออะไร จนมีญาติเดินมาฟัง เขาก้อบอกว่าคงเป็น "ชิน" มากินไก่ หรือหาอาหารมั้ง คนทางนู้น (ชี้ไปที่ทุ่งนา)เลี้ยงไว้เฝ้าสวนเฝ้าบ้าน ... ชินคงกำลังทำอะไรซักอย่างอยู่ แล้วจู่ๆพวกเราก้อกรี๊ดกร๊าดส่งเสียงดังเลยตกใจกระโจนเข้าไปในดงหญ้าคา ...สมัยนั้นบอกเลยว่ารู้เรื่องเข้าเรากลัวมากแทบไม่กล้าอาบน้ำตอนกลางคืนเลยอะ ...ชิน คือภูมิผีหรืออะไรทำนองนี้ที่คนมีวิชาเลี้ยงเอาไว้ คล้ายๆมีลูกกรอก มีกุมารทองเป็นต้น
เรื่องที่ 2 ตอนขับรถไปเขาหลัก จ.พังงา เมื่อ 2 ปีก่อน
ทิ้งไว้ก่อนเดี๋ยวมาเล่า ....
กลับมาเพิ่มเติมเรื่องที่ 2 ... ตอนตอบกระทู้เราไม่ได้อ่านเรื่องเล่าของคห.37 เลย ปรากฏว่าเรื่องที่ 2 ของเรามันสถานที่เดียวกับของ คห.37 เลยค่ะ บังเอิญมากๆๆๆ
เรื่องเจอเหตุการณ์สยองในขณะขับรถที่เขาหลัก ...
เมื่อ 2 ปีก่อนช่วงวันสงกรานต์ เราฉลองรถยนต์ใหม่กับญาติ อยากเที่ยวไกลๆ อยากขับรถไกลๆเพื่อลองรถเลยชวนกันไปเขาหลัก จ.พังงา ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวเกาะตาชัย (รูปเกาะตาชัยคือรูปโปรไฟล์ล๊อกอินเรานะคะ ไปมาจริง เหตุการณ์เจอจริงๆไม่ได้โม้) ...ตอนนั้นก่อนหน้าจะไป 2 วันมีข่าวแผ่นดินไหว เขาก้อลุ้นว่าจะมีสึนามิไหม ..เราก้อชั่งใจไปดีไม่ไปดีหว่าที่พักก้อจองไว้แล้ว ปรากฏว่าตัดสินใจไปค่ะ ...ที่เขาหลักมีปัญหาเรื่องหาที่กินมื้อค่ำนิดหน่อย มักจะเข้าไปหาอะไรกินกันที่ตะกั่วป่า พักเขาหลัก 2คืน คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่ 2 มีคนแนะนำว่ากินร้านสามสีสิ (จำชื่อร้านเป๊ะๆไม่ได้) หลังจากรอฝนตกหนักช่วงเย็นสงบลง เราก้อออกไปหาอะไรกินกันตอนนั้นราว 2ทุ่มครึ่ง กินกันช้ามาก ตอนนั้นเสริชกูเกิลและ GPS ในรถให้นำทางไปร้านอาหารเลย จากที่พักขับไปทางตะกั่วป่า GPSให้เลี้ยวซ้าย เราเป็นคนขับก้อไม่ได้อ่านชื่อถนนหรือซอยอะไรมากนัก เลี้ยวเข้าซอยไปปุ๊บเห็นได้ถึงความมืด ถนนไม่กว้างมากนักเหมือนเป็นถนนหลักของหมู่บ้าน แต่เพราะฝนเพิ่งตกหนัก ไฟหน้าส่องไปเจอหมอกบางๆลอยตลอด บรรยากาศดูเย็นเยียบ บ้านแถวนั้นไม่ค่อยเปิดไฟกันเลย เจอลุงบางคนเดินบนถนนมืดๆ ก้อเกือบขับหลบไม่ทัน ต้องเพ่งสายตาตลอด มอง GPS ตลอดด้วย เพราะทางวกวนมากๆ น้องผู้ชายที่ไปด้วยเปิดgoogle map ช่วยบางทีสัญญาณมือถือมันก้อดีเลย์ ให้น้องผู้หญิงที่นั่งข้างซ้ายเราช่วยมองป้ายร้านอาหารไป ด้วย รู้สึกอึดอัดใจมากเพราะทั้งหิว ทั้งเครียดกับเส้นทางที่วนๆๆๆ GPSก้อเป็นบ้าอะไรไม่รู้นะตอนนั้นโมโหมาก ขับไปอ้าวเลยซอยต้องจอดถอย ญาติบอกเฮ้ยระวังมีฝรั่งอยู่ท้ายรถ อ้าวมาเมื่อไหร่เมื่อกี้ไม่เห็น ก้อปล่อยให้ฝรั่งเดินเลยไปก่อนค่อยถอย คงไปซื้ออาหารมาถือถุงพลาสติกเดินจ้ำอ้าว เราก้อเลี้ยวขวาไป ซักพักเจอหมานอนขวางทาง ญาติชี้ให้ดูอ้าวฝรั่งคนเดิมมันเดินไวจังสงสัยมีทางลัดเดินทันเราได้ไง เราเลี้ยวคนละทางกันนิเมื่อกี้ ...เราเงียบ งงปนเครียดเลยทีนี้...ขับไปอีกหน่อยโห หมอกลงจัดมาก บรรยากาศวิเวกมากเลี้ยวซ้ายโค้งๆ ไฟหน้ารถสาดไปที่ป้ายอันนึงชัดเจนเขียนว่า " อนุสรณ์สถานบ้านน้ำเค็ม" น้องผู้หญิงอีกคนด้านหลังดันอ่านออกเสียงอย่างดังเหมือนตอกย้ำ เราขนลุกซู่ เท่านั้นแหละน้องผู้หญิงอีกคนซ้ายมือเรา ยกขาขึ้นมากอดก้มหน้างุดๆกรีดร้องเสียงหลงมือไม้เอามาปิดหูปิดตา" ตาล กลัวๆๆๆๆ " เราตะคอกน้องทันที เงียบๆได้มั้ย!!! (เพราะเราก้อกลัวมากๆ) แต่...ต้องขับไปให้ถึงร้านอาหารให้ได้ แล้วถนนเส้นนี้ก้อพาเรามาพบกับน้ำท่วมขังเหมือนบึงใหญ่แต่รถเราก้อลุยน้ำไปได้ (captiva สูง)เพราะเห็นป้ายชี้เข้าร้านอาหารแล้ว
ปรากฏว่าเลี้ยวขวาเข้าไปถึง ร้านนั้นเปิดไฟไว้แค่ไม่กี่ดวง ลมทะเลพัดแรงมาก เราหมดแรงเลย จอดรถนิ่ง มีผู้ชายวิ่งมาบอกร้านปิดครับ แล้วก้อวิ่งจากไป ปล่อยเรามองจอGPS ในรถ รู้ไหมภาพรถเราหมุนติ้วๆๆๆๆอยู่ในทะเลอะ เราตกใจมากแต่ไม่พูด ตั้งสติ 2 นาทีพักเหนื่อย แล้วขับรถออกไปให้เจอถนนใหญ่ไวๆ ขับมาได้50 เมตร เจอเหมือนคนกำลังมาชุมนุมอะไรซักอย่างที่บ้านผู้ใหญ่บ้านอะไรทำนองนั้น แล้วอยุ่ๆก้อลุกฮือเดินออกมาราว 20-30 คน มันมืดมาก เราก้อรีบขับเลี่ยงกลุ่มคนเหล่านั้นออกมา งงว่าเมื่อกี้ไม่ยักกะเห็นใครมาประชุมกันเลย ....กว่าจะออกจากตรงนั้นมาสู่ถนนใหญ่ได้เราแทบเข่าไม่มีแรง
เฮ้ออออ โล่งใจเสริชหาที่กินใหม่ ตัดสินใจไปกินแถวๆที่คนเยอะๆ เสริชเจอร้านข้าวต้มยอดฮิต ลุยเลยหิวมาก ท้อมาก 3ทุ่มเกือบ 4 ทุ่ม นี่เราไปติดอยู่ที่ " บ้านน้ำเค็ม " นานขนาดนั้นเลยเหรอ ...ขับรถมาเรื่อยๆ เจอรถสวนมาเปิดไฟกระพริบใส่ตลอดเลย เฮ้ย มันจะทำไมของมันวะ พริบคันสองคันไม่ว่า นี่เล่นกระพริบกันถี่เรื่อยๆ หรือไฟเราแยงตาเขาอะ คิดในใจถึงร้านข้าวต้มจะเปิดคู่มือรถมาอ่าน แล้วgoogle map ของน้องก้อพามาร้านข้าวต้มxxxxx (จำชื่อไม่ได้แล้ว) โชคดีร้านยังไม่ปิด เราจำพิกัดร้านได้แม่นยำ เพราะเราจอดรถหน้าวัดชื่อ " ย่านยาว "
ใครติดตามข่าวสินามิตอนนั้นคงคุ้นชื่อวัดนี้ดีเป็นที่เก็บศพสึนามิกันที่นี่เอง .... เราเก็จถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ที่ร้านข้าวต้มนี้นี่เอง ความกลัวมันวิ่งเข้าหัว ลำดับเหตุการณ์สถานที่ ...อยู่ๆน้องผู้ชายถามเราว่าทำไมเมื่อกี้อยู่ๆรถคันอื่นกระพริบไฟใส่รถเราจังเลยอะ? ...เราแอบกระซิบเบาๆให้น้องฟังกลัวคนอื่นได้ยิน พร้อมบีบเข่าน้องเบาๆ " หรืออาจมีอะไรบางอย่าง....เกาะรถเรามาด้วยก้อได้นะ เขาเลยส่งสัญญาณเตือนด้วยการกระพริบไฟ"
..............................................................................................
ปั่นจักรยานกลางคืน...
ตอนนั้นน่าจะเรียนซักม.ต้น ใช้จักรยานเฟสสันเป็นพาหนะ ...คืนนั้นประมาณ 2 ทุ่มญาติผู้น้องมาเล่นที่บ้าน เราเลยต้องปั่นจักรยานไปส่งที่บ้าน เพราะจะให้วิ่งกลับไปน้องก้อไม่กล้า ที่ดินบ้านเราติดกันแต่พื้นที่ค่อนข้างกว้าง เส้นทางในการเดินทางคือ ทางที่เป็นรอยจากล้อมอไซค์+จักรยาน ผ่านสวนและป่าหญ้าคา จากบ้านเรากำลังเข้าเขตบ้านญาตินั้นเป็นป่าหญ้าคาขึ้นสูงพอปั่นมาเจอทางล้อรถแคบๆ บวกลงเนินต่างระดับนิดหน่อยน่าหวาดเสียวเราก้อส่งเสียงเอะอะดังกันใหญ่ ทันใดนั้นก้อมีแสงกลมๆสีเขียวดวงใหญ่ประมาณจานข้าวแต่ส่งแสงเขียวเรืองรองลอยตัดหน้ารถเราไป มาจากด้านขวามือข้ามไปตกในป่าหญ้าคาสูง1เมตรทางซ้ายมือ เสียงดัง แซ๊กกกก เราหันไปมองตามแสงและเสียง ด้วยความมืดเลยมองไม่เห็นอะไรมากนักบวกความเร็วในการปั่นจักรยานตอนนั้นเลยไม่ได้เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่างมากนัก งงๆนิดๆว่ามันคืออะไร แต่ก้อปั่นไปอีก 70 เมตรก้อถึงบ้านน้อง ขากลับเราปั่นคนเดียวเลยไปเส้นทางถนนดีกว่าไกลกว่าหน่อยแต่ไม่มืดเท่าทางหลังบ้าน ....
เช้าวันถัดมา เรามาเล่นบ้านน้องก้อคุยกันเรื่องเมื่อคืนว่าเห็นอะไรไหมเมื่อคืน ...น้องก้อบอกว่าเห็นแสงสีเขียว ตอนนั้นน้องกลัวมากแต่ไม่ได้พูดอะไรปิดตามาตลอดทาง(ซ้อนท้ายเรา)จนถึงบ้าน ...เราก้อวิเคราะห์กันตามประสาเด็กว่าคืออะไร จนมีญาติเดินมาฟัง เขาก้อบอกว่าคงเป็น "ชิน" มากินไก่ หรือหาอาหารมั้ง คนทางนู้น (ชี้ไปที่ทุ่งนา)เลี้ยงไว้เฝ้าสวนเฝ้าบ้าน ... ชินคงกำลังทำอะไรซักอย่างอยู่ แล้วจู่ๆพวกเราก้อกรี๊ดกร๊าดส่งเสียงดังเลยตกใจกระโจนเข้าไปในดงหญ้าคา ...สมัยนั้นบอกเลยว่ารู้เรื่องเข้าเรากลัวมากแทบไม่กล้าอาบน้ำตอนกลางคืนเลยอะ ...ชิน คือภูมิผีหรืออะไรทำนองนี้ที่คนมีวิชาเลี้ยงเอาไว้ คล้ายๆมีลูกกรอก มีกุมารทองเป็นต้น
เรื่องที่ 2 ตอนขับรถไปเขาหลัก จ.พังงา เมื่อ 2 ปีก่อน
ทิ้งไว้ก่อนเดี๋ยวมาเล่า ....
กลับมาเพิ่มเติมเรื่องที่ 2 ... ตอนตอบกระทู้เราไม่ได้อ่านเรื่องเล่าของคห.37 เลย ปรากฏว่าเรื่องที่ 2 ของเรามันสถานที่เดียวกับของ คห.37 เลยค่ะ บังเอิญมากๆๆๆ
เรื่องเจอเหตุการณ์สยองในขณะขับรถที่เขาหลัก ...
เมื่อ 2 ปีก่อนช่วงวันสงกรานต์ เราฉลองรถยนต์ใหม่กับญาติ อยากเที่ยวไกลๆ อยากขับรถไกลๆเพื่อลองรถเลยชวนกันไปเขาหลัก จ.พังงา ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวเกาะตาชัย (รูปเกาะตาชัยคือรูปโปรไฟล์ล๊อกอินเรานะคะ ไปมาจริง เหตุการณ์เจอจริงๆไม่ได้โม้) ...ตอนนั้นก่อนหน้าจะไป 2 วันมีข่าวแผ่นดินไหว เขาก้อลุ้นว่าจะมีสึนามิไหม ..เราก้อชั่งใจไปดีไม่ไปดีหว่าที่พักก้อจองไว้แล้ว ปรากฏว่าตัดสินใจไปค่ะ ...ที่เขาหลักมีปัญหาเรื่องหาที่กินมื้อค่ำนิดหน่อย มักจะเข้าไปหาอะไรกินกันที่ตะกั่วป่า พักเขาหลัก 2คืน คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่ 2 มีคนแนะนำว่ากินร้านสามสีสิ (จำชื่อร้านเป๊ะๆไม่ได้) หลังจากรอฝนตกหนักช่วงเย็นสงบลง เราก้อออกไปหาอะไรกินกันตอนนั้นราว 2ทุ่มครึ่ง กินกันช้ามาก ตอนนั้นเสริชกูเกิลและ GPS ในรถให้นำทางไปร้านอาหารเลย จากที่พักขับไปทางตะกั่วป่า GPSให้เลี้ยวซ้าย เราเป็นคนขับก้อไม่ได้อ่านชื่อถนนหรือซอยอะไรมากนัก เลี้ยวเข้าซอยไปปุ๊บเห็นได้ถึงความมืด ถนนไม่กว้างมากนักเหมือนเป็นถนนหลักของหมู่บ้าน แต่เพราะฝนเพิ่งตกหนัก ไฟหน้าส่องไปเจอหมอกบางๆลอยตลอด บรรยากาศดูเย็นเยียบ บ้านแถวนั้นไม่ค่อยเปิดไฟกันเลย เจอลุงบางคนเดินบนถนนมืดๆ ก้อเกือบขับหลบไม่ทัน ต้องเพ่งสายตาตลอด มอง GPS ตลอดด้วย เพราะทางวกวนมากๆ น้องผู้ชายที่ไปด้วยเปิดgoogle map ช่วยบางทีสัญญาณมือถือมันก้อดีเลย์ ให้น้องผู้หญิงที่นั่งข้างซ้ายเราช่วยมองป้ายร้านอาหารไป ด้วย รู้สึกอึดอัดใจมากเพราะทั้งหิว ทั้งเครียดกับเส้นทางที่วนๆๆๆ GPSก้อเป็นบ้าอะไรไม่รู้นะตอนนั้นโมโหมาก ขับไปอ้าวเลยซอยต้องจอดถอย ญาติบอกเฮ้ยระวังมีฝรั่งอยู่ท้ายรถ อ้าวมาเมื่อไหร่เมื่อกี้ไม่เห็น ก้อปล่อยให้ฝรั่งเดินเลยไปก่อนค่อยถอย คงไปซื้ออาหารมาถือถุงพลาสติกเดินจ้ำอ้าว เราก้อเลี้ยวขวาไป ซักพักเจอหมานอนขวางทาง ญาติชี้ให้ดูอ้าวฝรั่งคนเดิมมันเดินไวจังสงสัยมีทางลัดเดินทันเราได้ไง เราเลี้ยวคนละทางกันนิเมื่อกี้ ...เราเงียบ งงปนเครียดเลยทีนี้...ขับไปอีกหน่อยโห หมอกลงจัดมาก บรรยากาศวิเวกมากเลี้ยวซ้ายโค้งๆ ไฟหน้ารถสาดไปที่ป้ายอันนึงชัดเจนเขียนว่า " อนุสรณ์สถานบ้านน้ำเค็ม" น้องผู้หญิงอีกคนด้านหลังดันอ่านออกเสียงอย่างดังเหมือนตอกย้ำ เราขนลุกซู่ เท่านั้นแหละน้องผู้หญิงอีกคนซ้ายมือเรา ยกขาขึ้นมากอดก้มหน้างุดๆกรีดร้องเสียงหลงมือไม้เอามาปิดหูปิดตา" ตาล กลัวๆๆๆๆ " เราตะคอกน้องทันที เงียบๆได้มั้ย!!! (เพราะเราก้อกลัวมากๆ) แต่...ต้องขับไปให้ถึงร้านอาหารให้ได้ แล้วถนนเส้นนี้ก้อพาเรามาพบกับน้ำท่วมขังเหมือนบึงใหญ่แต่รถเราก้อลุยน้ำไปได้ (captiva สูง)เพราะเห็นป้ายชี้เข้าร้านอาหารแล้ว
ปรากฏว่าเลี้ยวขวาเข้าไปถึง ร้านนั้นเปิดไฟไว้แค่ไม่กี่ดวง ลมทะเลพัดแรงมาก เราหมดแรงเลย จอดรถนิ่ง มีผู้ชายวิ่งมาบอกร้านปิดครับ แล้วก้อวิ่งจากไป ปล่อยเรามองจอGPS ในรถ รู้ไหมภาพรถเราหมุนติ้วๆๆๆๆอยู่ในทะเลอะ เราตกใจมากแต่ไม่พูด ตั้งสติ 2 นาทีพักเหนื่อย แล้วขับรถออกไปให้เจอถนนใหญ่ไวๆ ขับมาได้50 เมตร เจอเหมือนคนกำลังมาชุมนุมอะไรซักอย่างที่บ้านผู้ใหญ่บ้านอะไรทำนองนั้น แล้วอยุ่ๆก้อลุกฮือเดินออกมาราว 20-30 คน มันมืดมาก เราก้อรีบขับเลี่ยงกลุ่มคนเหล่านั้นออกมา งงว่าเมื่อกี้ไม่ยักกะเห็นใครมาประชุมกันเลย ....กว่าจะออกจากตรงนั้นมาสู่ถนนใหญ่ได้เราแทบเข่าไม่มีแรง
เฮ้ออออ โล่งใจเสริชหาที่กินใหม่ ตัดสินใจไปกินแถวๆที่คนเยอะๆ เสริชเจอร้านข้าวต้มยอดฮิต ลุยเลยหิวมาก ท้อมาก 3ทุ่มเกือบ 4 ทุ่ม นี่เราไปติดอยู่ที่ " บ้านน้ำเค็ม " นานขนาดนั้นเลยเหรอ ...ขับรถมาเรื่อยๆ เจอรถสวนมาเปิดไฟกระพริบใส่ตลอดเลย เฮ้ย มันจะทำไมของมันวะ พริบคันสองคันไม่ว่า นี่เล่นกระพริบกันถี่เรื่อยๆ หรือไฟเราแยงตาเขาอะ คิดในใจถึงร้านข้าวต้มจะเปิดคู่มือรถมาอ่าน แล้วgoogle map ของน้องก้อพามาร้านข้าวต้มxxxxx (จำชื่อไม่ได้แล้ว) โชคดีร้านยังไม่ปิด เราจำพิกัดร้านได้แม่นยำ เพราะเราจอดรถหน้าวัดชื่อ " ย่านยาว "
ใครติดตามข่าวสินามิตอนนั้นคงคุ้นชื่อวัดนี้ดีเป็นที่เก็บศพสึนามิกันที่นี่เอง .... เราเก็จถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ที่ร้านข้าวต้มนี้นี่เอง ความกลัวมันวิ่งเข้าหัว ลำดับเหตุการณ์สถานที่ ...อยู่ๆน้องผู้ชายถามเราว่าทำไมเมื่อกี้อยู่ๆรถคันอื่นกระพริบไฟใส่รถเราจังเลยอะ? ...เราแอบกระซิบเบาๆให้น้องฟังกลัวคนอื่นได้ยิน พร้อมบีบเข่าน้องเบาๆ " หรืออาจมีอะไรบางอย่าง....เกาะรถเรามาด้วยก้อได้นะ เขาเลยส่งสัญญาณเตือนด้วยการกระพริบไฟ"
..............................................................................................
แสดงความคิดเห็น
ดึกแล้ว ขอถามชาวรัชดาหน่อยนะครับ ขับรถกลางคืน เคยเจอสิ่งที่ทำให้ เย็นสันหลัง +ขนลุก บ้างไหมครับ
ผมขับรถมาหลายปี เคยเจอแต่ หมา กับ แมวตัดหน้า เท่านั้นเอง
แต่จะว่าไปก็เคยเจอหลอนอยู่ครั้งนึงเหมือนกัน ขับรถมากลางคืน เส้นสระบุรี - อ. วังม่วง ต้องผ่านป่า เขาช่วง ดงพญาเย็น
ไฟหน้าส่อง ไปไกลๆ(ไฟสูง เห็นแสง วาบๆสีออกเขียวๆ บนต้นไม้ วาบๆๆ พอขับไปใกล้ถึง แสงไฟมันก็หายไป
ความรู้สึกครั้งแรกที่เห็นไกลๆ บอกเลยว่า ขนลุกทั้งตัวเลย ครับ คิดว่า เจอเข้าให้แล้ว เลยรีบขับผ่านไปอย่างเร็ว ไม่หันกัลบไปมองต้นไม่อีก ตอนผ่านก็พยายามไม่มอง มองทางอื่น
กว่าจะถึงที่พักหลอนเลย ไม่มีรถสวนมาสักคัน พอถึงห้อง รีบอาบน้ำสวดมนต์นอนเลยครับ หลอนมาก
พอวันหลัง มีโอกาสผ่านไปตอนกลางวันครับ เลยมองดูว่าตรงนี้แหละที่เราเคยเจอไฟ แสงเขียวๆวาบๆ รู้ไหมครับว่ามันคือ อร้านขายมะม่วง ที่เอาแผ่น ซีดีเก่าๆมาห้อย.....
สรุปว่าคืนนั้น วิตกจริตไปเอง หลงกลัวแทบแย่เลย
แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในนร้มีใครเคยเจอบ้างคับแชร์กันหน่อย