อดรนทนไม่ไหว ตกเป็นจำเลยของสังคมตลอดมา ในฐานะพนักงานรัฐวิสาหกิจ ความอดทนถึงขีดสุด เมื่อสหภาพฯ บอกจะนัดหยุดงาน ตามนัดหมายกับ กปปส. ซึ่งจะทำให้เกิดความกังวล เกลียดชัง สมน้ำหน้า จากประชาชนมากยิ่งขึ้น วันนี้ ดิฉันเดินเข้าไปที่สำนักงานสหภาพฯ ยื่นจดหมาย และให้เซ็นต์รับทราบว่าได้รับจดหมายจากดิฉัน ซึ่งระบุว่า เป็นสมาชิกของสหภาพฯ นี้ แต่ไม่มีความเห็นด้วย ไม่ได้ให้การสนับสนุน การเคลื่อนไหวใด ๆ ในการที่นำองค์กรเข้ามาไปในความขัดแย้งของการเมือง และหากสหภาพฯ ยังบังอาจใชัคำว่า กระทำตามเสียงของสมาชิกสหภาพทั้งหมด ดิฉันจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ในกรณีแอบอ้างสิทธิเสียงของดิฉันในฐานะสมาชิกไปใช้ดำเนินการในครั้งนี้ สหภาพฯ ควรให้สมาชิกที่ลงนามว่าเห็นด้วยกับการกระทำ หรือถ้าจะโฆษณา ก็ต้องแจ้งว่า สมาชิกส่วนหนึ่งของสหภาพฯ ดิฉันยอมรับว่า เดินเข้าไปคนเดียว ไม่บอกเพื่อนร่วมงาน ใจสั่น แต่ขาไม่สั่น เพราะคิดว่าถึงเวลาที่ต้องบอกเขาว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย และหยุดทำร้ายองค์กรของตัวเองเสียที แต่ความกลัว ความเกรง ความไม่มั่นใจ หายไป เมื่อเขาเสียงดังใส่แบบไม่หยี่หระว่า เชิญไปฟ้องเลย พร้อมพ่นคำพูดซ้ำ ๆ กับ กปปส. เรียกว่าลอกกันมาเลย พร้อมทั้งยังตราหน้าดิฉันว่าเป็น "เสื้อแดง" เสียด้วย มันอย่างนี้นี่เอง ความแตกแยก การผลักคนไม่เห็นด้วยไปเป็นฝ่ายตรงข้าม ดิฉันขอเรียกร้อง ให้ พนักงานรัฐวิสาหกิจฯ ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำร้ายประเทศชาติ กับการทำลายความไว้วางใจของประชาชน กรุณาออกมาแสดงตน จากนี้ไป ดิฉันไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรกับดิฉัน เมื่อแสดงตัวไม่เห็นด้วย กับสหภาพฯ ที่แสดงความหยาบช้ากับสมาชิกที่เห็นต่าง แต่ดิฉัน จะไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองอย่างแน่นอน ขอสู้ให้ถึงที่สุด แม้จะเป็นคนเดียวในองค์กรที่ใหญ่โตนี้ก็ตาม
เมื่อดิฉันเดินเข้าไปหา สหภาพแรงงานฯ